เรื่องที่ ๒๑ คนนับหมื่นตื่นตะลึงปาฏิหาริย์
คำร่ำลือเกี่ยวกับอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ ปาฏิหาริย์ของพระมงคลเทพมุนี หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ มีมานานแล้ว เหล่าศิษยานุศิษย์ของท่านซึ่งมีอยู่มากมายทั้งภายในและต่างประเทศต่างให้ความเคารพนับถือท่านมาก เรียกว่าแทบทุกครัวเรือน ต่างมีรูปหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ หรือพระของขวัญของท่านไว้สักการบูชา บางคนก็เคยพบเห็นความศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์ของท่านด้วยตัวเอง
แต่ไม่เคยมีครั้งใดที่ผู้คนจำนวนนับหมื่นๆ คน จะเห็นอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์และปาฏิหาริย์ของท่านพร้อมๆ กัน เหมือนเหตุการณ์ที่บังเกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๑ ณ ลานธรรม มหาธรรมกายเจดีย์ เวลาประมาณ ๑๗.๓๐ น.เศษ ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญยิ่งที่ต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาและประวัติศาสตร์โลกว่า เมื่อมหาชนจำนวนนับหมื่นคน รวมใจกันเป็นหนึ่ง ประกาศสัจจะปฏิญาณเพื่อบูชาธรรม หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ทุ่มชีวี สร้างมหาธรรมกายเจดีย์ๆๆ... ต่อหน้ามหาสมาคมท่ามกลางพระภิกษุสามเณรนับเป็นพันรูป มีพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) เป็นประธาน
"ดิฉันอยู่ฝรั่งเศสมา ๔ ปี เพิ่งจะกลับมาได้เดือนเดียว แต่เหตุการณ์วันนั้นทำให้ปีติใจมาก เมื่อมองไปที่พระอาทิตย์ เห็นรังสีที่ไม่เคยเห็นมาก่อนสลับสีไปมา สักพักหนึ่งก็เห็นรูปหลวงพ่อสดหล่อด้วยทองคำทั้งองค์อยู่บนฟ้า ปรากฏการณ์ครั้งนี้ดิฉันเชื่อมั่นเลยว่า หลวงพ่อสดท่านจะอยู่ตรงไหน ไม่ว่าที่ใด พวกเราทุกคนอยู่ในความดูแลของท่าน"
"ตอนแรกมองเห็นดวงอาทิตย์กลม แสงไม่จ้าเหมือนทุกวัน จากนั้นแสงอาทิตย์หมุนรอบตัวได้เหมือนแก้ว ตรงกลางเหมือนเป็นวูบๆ แรงๆ หลายครั้ง เวลาวูบก็มีแสงออกมาหลายๆ สี เร็วมากคล้ายสีรุ้ง จากนั้นจะนิ่งเหมือนมีแผ่นอะไรสักอย่างมาปิดดวงอาทิตย์ สามารถมองทะลุดวงอาทิตย์เห็นเมฆด้านหลังได้"
"เมื่อมองไปบนท้องฟ้า เห็นหลวงพ่อวัดปากน้ำในท่าขัดสมาธิ ห่มจีวรสีเหลืองทอง พอมองที่ดวงอาทิตย์ปรากฏว่าดวงอาทิตย์กะพริบได้ตลอดเวลา และเปลี่ยนเป็นสีต่างๆ อย่างสวยงาม ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง"
"ได้เห็นภาพดวงอาทิตย์เหมือนดวงธรรม มีรัศมีเป็นสีรุ้ง ขยับใหญ่เล็กสลับกัน พอประมาณ ๑๐ นาที เปลี่ยนเป็นดวงกลมใส ใสเหมือนเพชร อยู่กลางท้องของหลวงพ่อวัดปากน้ำ น้ำตาแห่งความปีติไหลตลอดเหตุการณ์"
"เห็นดวงอาทิตย์ซ้อนกันขึ้นมาอย่างเร็วๆ แรงๆ หลายดวง เส้นรอบวงเป็นสีแดง สีส้ม สีทอง สีเงิน ซ้อนๆ กัน เห็นหลวงพ่อวัดปากน้ำสลับกับองค์พระธรรมกายอยู่กลางดวงอาทิตย์ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกปีติใจที่อีกหน่อยคนที่ยังไม่มีศรัทธาก็จะมาศรัทธา คนที่ยังไม่เข้าถึงธรรมะก็จะเข้าถึงธรรมะ"
"ดิฉันอยู่ฮ่องกงมา ๒๑ ปี มีลูกศึกษาอยู่สหรัฐฯ นับถือคาธอลิก วันนั้นพาลูกสาวมาทำบุญที่วัดพระธรรมกายโดยไม่ทราบว่าต้องอยู่ตั้งแต่เช้าถึงเย็น ลูกสาวจึงเริ่มหงุดหงิดขอกลับ ดิฉันบอกจะพาไปดูพระมหาธรรมกายเจดีย์ก่อนแล้วค่อยกลับ ก่อนจบพิธีก็พบปรากฏการณ์มหัศจรรย์ เห็นดวงอาทิตย์สว่างจ้าเหวี่ยงอย่างเร็วมาก แยกออกเป็น ๒ ดวง คิดว่าตาฝาด ก้มดูพื้นดินแล้วมองไปอีกที ตอนนี้เห็นดวงเดียวหมุนอย่างเร็วตามเข็มนาฬิกา มีรอยเส้นเหมือนคนนั่งสมาธิอยู่ภายใน เป็นบุญที่ได้มาเห็นด้วยตาตนเอง ดิฉันจะปฏิบัติธรรมให้รู้แจ้งอย่างที่หลวงพ่อท่านมุ่ง"
"It ended with light exactly the way it started. But not only white light given from the sun, light of different colors, extraordinary modifies it best. The enthralling event was probably the cause for me to burst out crying, but only shedding tear of joy"
"เหมือนกับมองที่พระอาทิตย์ไปเห็นอีกฟ้าหนึ่ง เหมือนไม่มีดวงอาทิตย์อยู่ ใสไปเลยนะครับ จากนั้นมีดวงธรรมเข้ามาซ้อนอยู่ในดวงอาทิตย์แสงกะพริบตลอดเวลา เป็นปาฏิหาริย์ที่หลวงพ่อท่านแสดงให้เราเห็นว่า การสร้างธรรมกายเจดีย์จะต้องสำเร็จเป็นอัศจรรย์อย่างแน่นอน แล้วต่อไปนี้พวกเราจะเข้าถึงธรรมกันอย่างเป็นอัศจรรย์แน่นอน"
"เห็นดวงอาทิตย์ใสเป็นแก้ว ผุดซ้อนๆๆ กันไม่หยุด จากนั้นก็มีสีชมพูอยู่รอบๆ ดวงอาทิตย์ หลวงพ่อวัดปากน้ำก็ปรากฏอยู่ตรงกลาง ดวงอาทิตย์เป็นสีทองนานมาก เห็นแล้วขนลุก กลั้นน้ำตาไม่อยู่เลย ก็คิดในใจว่าถ้ามหาธรรมกายเจดีย์เสร็จทุกอย่างจะเป็นเช่นนี้"
ตามที่คณะผู้จัดทำหนังสืออานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ ได้เล่าเรื่องวันศักดิ์สิทธิ์ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ไว้บ้างแล้ว ในหนังสือเล่มที่ ๒ นั้น เป็นเพียงเล่าจากประสบการณ์ของผู้พบเห็นบางรายจากจำนวนผู้เห็นเป็นร้อยคน แต่วันศักดิ์สิทธิ์ถัดจากวันนั้นต่อมา ๑ สัปดาห์ คือวันอาทิตย์ต้นเดือน ๖ กันยายน มีผู้พบเห็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์กลางท้องฟ้าด้านทิศตะวันตก ที่มีดวงอาทิตย์ยังปรากฏอยู่
เป็นปรากฏการณ์ที่สาธุชนทั้งหมดผู้มาร่วมงานเป็นหมื่นๆ คน เห็นพร้อมกัน จนเป็นที่กล่าวขานอย่างมาก และตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ปกหลังฉบับวันจันทร์ที่ ๑๔ กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งรายละเอียดของงานวันนั้น จะขอเล่าพอสังเขปดังนี้
ตอนเย็นวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๔๑ ขณะที่สาธุชนนับหมื่นๆ คน รวมตัวกันอยู่เบื้องหน้ามหาธรรมกายเจดีย์ เพื่อถ่ายภาพร่วมกันเป็นประวัติศาสตร์
พิธีกรในงานได้ขอให้สาธุชนทำท่าโบกธงภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ที่ทุกคนได้รับแจก พร้อมกับเปล่งเสียงข้อความว่า "เราคือผู้พิชิต ปิดแกนกลาง เราคือผู้พิชิต ปิดแกนกลาง ชิตัง เม ชิตัง เม" อยู่หลายครั้งให้ดังสุดเสียง ทั้งนี้เพื่อฉลองที่ทุกคนร่วมกันทำบุญสร้างองค์พระ บูชาคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ได้ครบจำนวน ท้ายที่สุดได้พากันเปล่งข้อความ ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อให้ไว้ว่า "ทุ่มชีวี สร้างมหาธรรมกายเจดีย์ ทุ่มชีวีสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ ทุ่มชีวีสร้างมหาธรรมกายเจดีย์" รวม ๓ ครั้ง พอสิ้นเสียงของมหาชนในวินาทีนั้นเอง เกิดเหตุการณ์ประหลาดมหัศจรรย์ขึ้น แสงอาทิตย์ลดกำลังแรงกล้าลง ทำให้มีบางคนหันไปมอง
ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ ๑๗.๓๐ น. (ดวงอาทิตย์อยู่ในระดับ ๔๐ องศากับระดับพื้นดิน) เสียงคนที่มองดูพระอาทิตย์กลับดังอื้ออึงกระหึ่มทั่วบริเวณ จับความไม่ได้ว่าใครพูดว่าอะไร ทำให้ทุกคนต้องหันหน้าแหงนมองฟ้าด้านทิศตะวันตกที่พระอาทิตย์ลอยอยู่ โดยมีเมฆบางๆ น้อยมากลอยอยู่ใกล้ๆ ปรากฏการณ์พิเศษอัศจรรย์กำลังเกิดขึ้นที่ตัวดวงอาทิตย์ และบริเวณข้างๆ โดยรอบคือ ดวงอาทิตย์ไม่มีเมฆใดๆ บังอยู่เลย แต่ทุกคนสามารถมองดูได้ด้วยตาเปล่าเต็มตา เพราะแสงไม่จ้าแสบตาเหมือนยามปกติ ดวงอาทิตย์ทั้งดวงเป็นสีเทาอมฟ้าใส วงแหวนโดยรอบของดวงสุกปลั่งใสสว่าง มองเหมือนดวงอาทิตย์สีเทาฟ้ารอบดวง
-ดวงอาทิตย์บริเวณที่เป็นดวงสีเทาอมฟ้า ทำอาการวูบวาบ เหมือนดูดได้ วับๆ เคลื่อนเข้าคลายออก ด้วยจังหวะความเร็วเท่าๆ กัน เป็นระยะๆ ตลอดเวลา ไม่อยู่นิ่งเหมือนธรรมดา ราวสิ่งมีชีวิต
-ทุกครั้งที่ทำอาการเคลื่อนไหวดูดวับๆ แสงอาทิตย์ที่กระจายโดยรอบดวงเปลี่ยนสีไปต่างๆ มีสีเหลืองทองใสกระจ่าง สีชมพูอ่อน-แก่ สีแดง สีส้ม บางคนเห็นสีฟ้า สีม่วง เพิ่มอีกด้วย
สีทุกสีไม่ขุ่นมัว ใสกระจ่าง สาดแสงกระจายเป็นบริเวณกว้างโดยรอบหลายเมตร โดยเฉพาะซีกซ้าย ซีกขวา สีจัดจ้ากว่าทิศบนและล่างของดวงอาทิตย์ ตรงที่เป็นสีเหลืองทอง จะเหลืองใสสุกปลั่งกว่าสีอื่น
ลักษณะการเปลี่ยนสีแต่ละครั้ง เปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก ต้องสังเกตอย่างต่อเนื่อง สงบนิ่งจึงเห็น คือสีเดิมจะค่อยๆ จางไล่จากบริเวณใกล้ดวงอาทิตย์ออกไปก่อน พอเริ่มจางสีใหม่จะเกิดในบริเวณจางนั้นทันที แต่เกิดอย่างเป็นสีใหม่ที่จางก่อนเหมือนกัน แล้วจึงค่อยเข้มขึ้นๆ ไล่ให้สีเก่าที่เหลือห่างดวงอาทิตย์ออกมาจางลง แล้วสีใหม่เข้าแทนที่ แล้วจึงเปล่งสีเข้มเป็นครู่ใหญ่ก่อนจางเป็นสีอื่นต่อไป
การเปลี่ยนสีแต่ละครั้ง ทำอาการลักษณะเดียวกัน หลายคนมองเห็นภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ นั่งขัดสมาธิอยู่กลางดวงอาทิตย์ เห็นเป็นโครงร่างเงาๆ ก็มี เห็นเป็นลายเส้นรอบรูปก็มี แต่หลายรายเห็นภาพชัด เหมือนนั่งดูอยู่ใกล้ๆ โดยเฉพาะรายคุณเฉิดฉาย ถิระทินรัตน์ ทำงานอยู่กรมปศุสัตว์ กับสตรีชาวจีนอีกท่านหนึ่ง เห็นองค์หลวงพ่อวัดปากน้ำทั้งองค์ ใหญ่ครอบดวงอาทิตย์ มีดวงอาทิตย์อยู่ข้างหลัง คุณเฉิดฉายเห็นชัดมาก เห็นกระทั่งลายเส้นผ้ารัดอกของท่าน
บางคนเห็นเป็นสีทองทั้งท้องฟ้า ในเวลานั้นท้องฟ้าบริเวณใกล้ดวงอาทิตย์มีเมฆน้อยมาก เป็นก้อนบางๆ สีขาวหม่นอยู่ห่างดวงอาทิตย์ออกมา จนพ้นเขตรัศมีมีแสงที่เปลี่ยนแปลง ส่วนบริเวณขวามือมีเมฆบางเป็นสายเล็กน้อยลอยพาดอยู่ ตรงดวงอาทิตย์ไม่มีเมฆบังเลย ซีกขวามือมีบ้างน้อยเต็มที มองไม่สะดุดตาเหมือนไม่มีเมฆอยู่เลยเหมือนกัน แต่แสงที่เปลี่ยนสีสาดกระจายอยู่ตลอดเวลา ก็ส่งทาบทั้งท้องฟ้าเปล่าและก้อนเมฆเป็นสีเดียวกัน บางครั้งเป็นสีใดสีเดียวรอบทั่วบริเวณ บางครั้งซีกขวาเป็นสีหนึ่ง ซีกซ้ายเป็นอีกสี สีเหลืองสุกสว่างราวสีทองเปล่งประกายเกิดทางซีกซ้ายมือมากกว่าขวามือ
ปรากฏการณ์ที่ทุกคนประหลาดใจถึงที่สุด ดวงอาทิตย์เหมือนมีชีวิต ทำอาการดูดวับๆ เคลื่อนเข้า เคลื่อนออกได้
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดนานมากประมาณเกือบ ๓๐ นาที กระทั่งเสร็จพิธี ในขณะที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ลุกจากอาสนะเดินไปขึ้นรถ เบื้องบนศีรษะของพระเดชพระคุณหลวงพ่อมีลำแสงส่องลงมาจากบนฟ้าคลุมตัวท่านตลอดเวลาที่เดินไปยังรถ บางคนบอกว่าเห็นลำแสงนั้นเป็นสีเหลืองอ่อน บางคนว่าเป็นสีชมพูอ่อน ลำแสงตัดกับสีเทาของก้อนเมฆบริเวณฟากฟ้าตะวันออกชัดเจนมาก ในลำแสงเหมือนมีละอองสีเล็กๆ โปรยลงมา
หลายคนน้ำตาไหลพรากอาบหน้า ปลื้มปีติใจว่าตนเองได้เห็นภาพมหัศจรรย์ที่สุดของชีวิต เกิดมาไม่เคยพบมาก่อน ทุกคนเดินกลับบ้านด้วยสีหน้าและแววตาที่เบิกบานแช่มชื่น
สิ่งที่ปรากฏขึ้นเฉพาะหน้าผู้คนนับหมื่นคน ในวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๑ ที่บริเวณมหาธรรมกายเจดีย์ครั้งนั้น เป็นปาฏิหาริย์เป็นความมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ในสายตาทุกคนที่ได้เห็น
แต่ถ้าเราศึกษาในทางตำราปริยัติธรรม ในพระไตรปิฎก หมวดพระอภิธรรมว่าด้วยเรื่องรูปและเรื่องนาม จะไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกประหลาดแต่ประการใดสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษทางจิต
รูป หมายถึง สิ่งที่มีสภาพแปรปรวนแตกสลายได้ เพราะมีปัจจัยฝ่ายต่างๆ มาขัดแย้งทำลาย ดังนั้นร่างกายคน สัตว์ รวมทั้งสิ่งของ วัตถุธาตุต่างๆ พร้อมทั้งอาการและคุณสมบัติ เรียกว่าเป็น "รูป" ทั้งสิ้น
ส่วน นาม หมายถึง สิ่งที่ไม่มีรูปร่าง รู้จักกันเพียงชื่อเรียก แต่น้อมเอามาเป็นอารมณ์ให้จิตใจคิดได้ สิ่งคิดได้ที่เรียกว่า จิตใจ ก็เป็นนามด้วยเหมือนกัน
ทีนี้ในตำราพระอภิธรรม กล่าวถึงความเกี่ยวข้องของรูปและนามอยู่ตอนหนึ่งว่า
สาเหตุของการเกิดรูป มี ๔ ประการคือ รูปเกิดจาก กรรม จิต อุตุ และอาหาร
กรรม คือการกระทำ รูปในปัจจุบันมาจากกรรมทั้งในอดีตและปัจจุบัน เช่นกรรมดีในอดีตส่งผลให้เกิดมา มีรูปร่างสวยงามในปัจจุบัน กรรมชั่วในปัจจุบันเช่นขับรถประมาท อาจทำให้รูปพิการ หรือการตกแต่งทำศัลยกรรม ทำให้รูปขี้เหร่จากผลกรรมในอดีต กลายเป็นรูปงามในปัจจุบันได้
นี่พูดถึงรูปที่หมายถึงร่างกาย ถ้าเป็นรูปที่หมายถึงวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องอุปโภคบริโภค ที่อยู่อาศัย ยานพาหนะ หรืออื่น ๆ ล้วนเกิดจากการกระทำ คือสร้างขึ้นมา
รูปที่เกิดจากการกระทำคือกรรม นั้นเรียกว่า กัมมชรูป
จิต เป็นนามธรรม แต่สามารถทำงานคือ คิดอะไรๆ เป็น จิตที่คิดแต่เรื่องกุศล จิตย่อมสร้างรูปให้มีหน้าตา ผิวพรรณผ่องใส จิตใจเข้มแข็ง รูปก็มีอาการองอาจกล้าหาญไปตาม จิตคิดเรื่องเศร้าหมองหรือไร้สมรรถภาพในการคิด เช่น คนมีจิตวิปลาส (คนบ้า) รูปร่างหน้าตาผิวพรรณสกปรก เส้นเอ็นสะพรั่ง ผิวหนังแห้งกระด้าง เป็นรูปเลวทรามเศร้าหมอง เป็นเพราะจิตสร้างขึ้น รูปที่เป็นวัตถุสิ่งของที่มนุษย์สร้างขึ้น ล้วนมีต้นเหตุมาจากจิต จิตคิด กายลงมือทำ
รูปที่เกิดจากจิตกระทำ เรียกว่า จิตตชรูป นั้น จิตสร้างรูปเองโดยไม่ต้องให้กายทำ
สำหรับรูปที่เกิดจากอุตุ คือ สิ่งแวดล้อม ดินฟ้าอากาศ และรูปที่เกิดจากอาหาร ก็ทำนองเดียวกัน
ดวงอาทิตย์ที่ทำปาฏิหาริย์ได้ ทำให้ผู้คนที่มาประชุม ณ มหาธรรมกายเจดีย์เห็นด้วยตา ในวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๑ นั้นเป็นรูปเกิดจากจิต เรียกว่าจิตตชรูปเหมือนกัน เป็นกระแสพลังแรงกล้าของอำนาจจิตหลายฝ่ายรวมกัน จึงสร้างรูปให้เกิดขึ้นเป็นอัศจรรย์คือ
เทพยดามีฤทธิ์ทั้งปวง โดยเฉพาะผู้เกี่ยวเนื่องโดยตรง คือหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ รับรู้รับเห็น ทราบงานมหากุศลที่เหล่าศิษยานุศิษย์ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อท่าน ท่านจึงร่วมแสดงอนุโมทนาสาธุการ
และอีกฝ่ายคือ พลังจิตของเหล่าบรรดาสาธุชนทั้ง ๓-๔ หมื่นคนหลอมรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มุ่งมั่นด้วยศรัทธามั่นคงเด็ดเดี่ยว ต้องการประกอบงานมหากุศลสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ให้สำเร็จลุล่วง ชนิดทุ่มกันด้วยชีวิต
ใครที่ใจมีศรัทธาเต็มเปี่ยม คิดสู้ให้งานสำเร็จอย่างอาจหาญ จะสามารถเห็นภาพได้ละเอียดมากกว่าผู้ที่ตั้งใจไม่เต็มที่
กระแสพลังงานของจิตแม้เป็นเพียงนามธรรม แต่สามารถสร้างพลานุภาพยิ่งใหญ่ไพศาล ทำวัตถุธาตุเช่นดวงอาทิตย์ อันเป็นรูปวัตถุขนาดใหญ่ มีอาการเหมือนสั่นสะเทือนวูบวาบ เป็นการสร้างจิตตชรูปอันวิเศษให้ปรากฏแก่สายตามนุษย์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่มีสาเหตุมาจากพลังจิตของผู้มีบุญรวมตัวกัน ผู้ได้ประสบเหตุการณ์น่าจะถือเป็นความโชคดี เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เป็นกำลังใจในการประกอบบุญกุศลให้ยิ่งๆ ขึ้น
นอกจากนั้นยังถือเป็นเครื่องพิสูจน์คำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างดีเยี่ยมว่า ปฏิเวธธรรม นั้นมีอยู่จริง แม้ในยุคปัจจุบัน ผู้ใดตั้งใจปฏิบัติจริง สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ด้วยตนเอง เป็นอกาลิโก ไม่จำกัดกาลเวลาอยู่เสมอ
ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง เป็นเครื่องพิสูจน์ชัดเจนว่า ในยุคนี้สมัยนี้ยังมีนาบุญบริสุทธิ์ ให้ผู้คนได้หว่านเมล็ดพืชเพื่อได้รับผลิตผลอันบริบูรณ์ เป็นสถานที่สามารถสั่งสอนผู้คนให้รู้ตามเห็นตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้จริง สมควรที่เหล่ากุลบุตรกุลธิดาพึงเข้ามารับการสั่งสอนอบรม สร้างประโยชน์ให้ตนเอง ให้ส่วนรวม ประเทศชาติ เพื่อสันติสุขอันไพบูลย์ของโลกมนุษย์ใบนี้ของเรา
โดยเฉพาะผู้คน ๓-๔ หมื่นคน ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์วันศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว ควรรำลึกเสมอว่า ตนเองเป็นผู้มีบุญกุศลมากมายมหาศาล จึงได้เห็นความอัศจรรย์ในวันนั้นเป็นบุญตา ควรตั้งใจว่านับแต่นี้ต่อไปภายหน้าจนกว่าจะสิ้นชีวิตลง จะต้องดำรงชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่ายิ่งๆ ขึ้น โดยเร่งขวนขวายประกอบบุญกุศล ทั้งบริจาคทาน รักษาศีล เจริญภาวนา อย่าให้มีเวลาว่างเว้น ให้ได้กำไรติดตัวเต็มที่ ติดตามสร้างบารมีกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชภาวนาวิสุทธิ์ และหมู่คณะนักสร้างบารมีทั้งปวง
ตั้งใจทำงานมหากุศลที่ประกาศก้องไว้ ณ วันนั้นว่า "ทุ่มชีวี สร้างมหาธรรมกายเจดีย์" ให้มหาธรรมกายเจดีย์ของเรา สำเร็จ สำเร็จ สำเร็จ โดยเร็วพลัน ให้ทันฉลองความสำเร็จในวันมาฆบูชาปี ๒๕๔๓ ให้ได้ ให้ได้ ให้ได้ เป็นอัศจรรย์ ให้ทุกคนพากันพร้อมหมู่ญาติสนิทมิตรสหาย สัมพันธชนทั้งหลายมาร่วมฉลองให้เป็นล้านๆ คน ทั้งให้ยลความมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่มากมายกว่าเดิม