เรื่องที่ ๓๐ รอดตายด้วยพระมหาสิริราชธาตุ
ผู้เล่าเป็นผู้นำบุญผู้หนึ่งของวัด แต่ไม่ได้แจ้งชื่อไว้ อยู่ศูนย์กัลยาณมิตรจังหวัดนครปฐม เล่าว่า
เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๑ เวลาประมาณ ๖ โมงเย็น ผู้เล่าเดินทางไปเยี่ยมสามีของสาธุชนท่านหนึ่งซึ่งประสบอุบัติเหตุ รถปิ๊กอัพเสียหลักพุ่งเข้าชนรถสิบล้อ คนป่วยชื่อ คุณเสกสรร สุวรรณรังสิมา ยังสลบอยู่ ๔ วันในห้องผู้ป่วยหนัก (ไอ.ซี.ยู.) โรงพยาบาลพญาไท กรุงเทพฯ คนขับรถปิ๊กอัพ เป็นเพื่อนของคนป่วยสิ้นชีวิตไปก่อน คุณเสกสรรเอง แพทย์ผู้รักษาไม่รับรองความปลอดภัย มีบาดแผลฉกรรจ์ อาการทั่วไปสาหัสมากทั้งไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว แทบไม่มีความหวังอะไรเลย
ผู้เล่าเข้าไปเยี่ยมพร้อมลูกสาวของคนป่วย เห็นแล้วรู้สึกสงสารมาก จึงพนมมืออธิษฐานกับพระมหาสิริราชธาตุที่ตนเองคล้องคออยู่ว่า
"ขออานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของพระมหาสิริราชธาตุ ช่วยปกป้องคุ้มครองรักษาชีวิตของคุณเสกสรร ให้แข็งแรงหายป่วยโดยเร็วพลันด้วยเถิด"
ครั้นแล้วผู้เล่าก็ถอดสายสร้อยพร้อมองค์พระออกจากคอ ใส่ไว้ในอุ้งมือคุณเสกสรร สักครู่สังเกตเห็นมือข้างนั้นเริ่มขยับได้ และบีบมือผู้เล่าแรงขึ้นๆ จนเจ็บ แล้วทำอาการลืมตาขึ้นมา
ครู่หนึ่งสัญญาณบนจอเครื่องคอมพิวเตอร์ประจำตัวคนป่วยเริ่มเปลี่ยนแปลง มีเสียงดังขึ้น ทำให้แพทย์และพยาบาลรีบเข้ามาดูอาการ ทุกคนแปลกใจที่คนป่วยมีอาการเริ่มรับรู้ แสดงว่าฟื้นแล้ว
ลูกสาวคนป่วยกระซิบที่ข้างหูบิดาว่า "ขอให้คุณพ่อทำใจดีๆ นะคะ นึกถึงองค์พระไว้ หนูจะสร้างพระประจำตัวให้คุณพ่อหนึ่งองค์"
ต่อมาอาการของคนป่วยดีขึ้นตามลำดับ คุณนิภาภรรยาผู้ป่วย ปรึกษาผู้เล่าเรื่องทำบุญสร้างพระประจำตัวจารึกชื่อคนป่วย ผู้เล่าได้ชักชวนสร้างพระที่แกนกลางเจดีย์ บูชาธรรมพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และได้พระของขวัญศักดิ์สิทธิ์พระมหาสิริราชธาตุ ซึ่งทำให้คุณเสกสรรฟื้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ลูกสาวคุณนิภาเล่าให้แม่ฟังถึงเหตุการณ์ก่อนนั้นแล้ว
ในที่สุดครอบครัวของคุณเสกสรรได้ทำบุญเรื่องนี้ในวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๔๑ ได้รับพระของขวัญดังกล่าวไปให้คุณเสกสรร เพื่อให้คนป่วยมีใจเกาะเกี่ยวอยู่ในบุญกุศล ในระหว่างเวลารักษาตัวต่อไป
ผู้เล่าเรื่องมั่นใจว่า ด้วยอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของพระมหาสิริราชธาตุ คงจะทำให้ผู้ป่วยหายได้ในที่สุด