อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

พระมหาสิริราชธาตุ รุ่นดูดทรัพย์ สำหรับ ผู้สร้างพระธรรมกายประจำตัวภายในมหาธรรมกายเจดีย์นั้น จะได้รับของที่ระลึกเป็นพระธรรมกายของขวัญ

อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ คนนับหมื่นตื่นตะลึงปาฏิหาริย์ องค์พระภายนอกเต็มมหาเจดีย์ บูชาธรรม...

 

คนนับหมื่นตื่นตะลึงปาฏิหาริย์

องค์พระภายนอกเต็มมหาเจดีย์ บูชาธรรม... 
 

เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ สำหรับผู้คนที่มีความคิดจะปิดองค์พระธรรมกายประจำตัวประดิษฐานภายนอกมหาธรรมกายเจดีย์ ก็มีความสมหวังอย่างยิ่ง คือ สามารถช่วยกันทำบุญ บอกบุญชวนผู้มีบุญมาร่วมสร้างพระธรรมกายประจำตัวได้ครบจำนวนจนเต็มภายนอกองค์มหาธรรมกายเจดีย์ไปแล้ว ขณะเดียวกันในเย็นวันนั้นผู้คนอีกส่วนหนึ่งก็ผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่ได้สนใจเรื่องการร่วมบุญปิดองค์พระภายนอกมหาธรรมกายเจดีย์แต่อย่างใด แต่ไปวัดเพราะคิดว่าเมื่อวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๑ วันฉลองปิดองค์พระที่แกนกลางมหาธรรมกายเจดีย์ มีปาฏิหาริย์ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น ดวงอาทิตย์หมุนได้ ฉายประกายรังสีสีต่างๆ อยู่กลางองค์หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และในวันที่ ๑๑ ตุลาคม ก็น่าจะมีอะไรๆ ที่เป็นเหตุการณ์มหัศจรรย์เกิดขึ้นอีก จึงได้พากันมาอย่างล้นหลาม


ในวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๑ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ล้วนเป็นคนที่ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะได้เห็นปรากฏการณ์พิเศษ ไปร่วมงานด้วย ปรารถนาจะทำบุญและอนุโมทนาบุญจริงๆ จึงได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่ของชีวิตเป็นภาพศักดิ์สิทธิ์สำหรับคนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น


สำหรับวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ในช่วงเช้า ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนที่ไปวัดเพื่อร่วมงานปิดองค์พระภายนอกมหาธรรมกายเจดีย์กันทั้งสิ้น มีทรัพย์เท่าใด ช่วยกันทุ่มหมดตัว ทุ่มจนหมดแล้ว ยังหยิบยืมกันเป็นที่สนุกสนาน เป็นเจ้าหนี้-ลูกหนี้ที่ไม่ต้องทำหนังสือกู้ยืม ไม่ต้องมีสัญญาค้ำประกัน ทั้งคนยืมคนให้ยืมหน้าตาแช่มชื่นเบิกบาน ไม่มีการคิดดอกเบี้ย ไม่มีการกำหนดเวลาใช้คืน มีแต่ฝ่ายผู้ยืมเป็นผู้บอกว่าจะให้คืนประมาณเมื่อใด

อานุภาพ พระมหาสิริราชธาตุ  คนนับหมื่นตื่นตะลึงปาฏิหาริย์รางวัลอันยิ่งใหญ่สำหรับคนเหล่านี้จึงเกิดขึ้น วันนั้นเวลาประมาณเที่ยงวัน ขณะที่ทุกคนกำลังรับประทานอาหารกลางวัน ซึ่งส่วนใหญ่รับประทานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องหยุดพูดคุย หันหน้าไปทางผู้คนที่ยืนอยู่หน้าสภาธรรมกายสากลหลังใหม่ ซึ่งกำลังส่งเสียงอื้ออึงชี้มือไปทางหลังคากุฏิพระ ๖ ชั้นทิศทางด้านสภาธรรมกายสากลหลังคาจากหลังเก่า บางคนก็ตะโกนว่า ลูกแก้ว ลูกแก้ว บางคนก็ตะโกนว่า ดวงไฟ ดวงไฟ
ความจริงแล้ว สิ่งที่ทุกคนเห็นด้วยตาตนเองขณะนั้นคือ ของสองอย่างรวมกัน เป็นลูกแก้วใสขนาดโตกว่าลูกฟุตบอลเล็กน้อยก่อน แล้วดวงแก้วนั้นก็ค่อยๆ ขยายขนาดพร้อมกับเพิ่มความสว่างสุกใสในตัวยิ่งขึ้นทุกทีๆ ราวกับเอาความสว่างของดวงอาทิตย์หลายๆ ดวงมารวมกัน แต่แปลกที่ทุกคนมองได้ไม่แสบตา แรกทีเดียวเกิดขึ้นที่กุฏิพระหลังคาสีเขียวทางด้านทิศใต้แล้วย้ายไปเกิดทางทิศเหนือ บางครั้งก็เกิดพร้อมกัน แต่ดวงเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน เมื่อแสงเปล่งประกายสว่างเต็มที่ จะมีเหมือนรัศมีสีกรมท่าเข้มๆ ล้อมดวงชั้นใน และสีคราม สีฟ้าอ่อน สีชมพูเป็นวงสุดท้าย

ผู้คนวิ่งจากด้านในสภาธรรมกายสากล มายืนออดูกันเต็มทางด้านหน้าสภาฯ พอดวงแก้วโตเต็มที่ มีรัศมีหลายเมตร ประกายความสว่างก็เปล่งเต็มที่ ทุกคนที่เห็นรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ผู้ที่ไม่เคยเห็นเหตุการณ์ในวันที่ ๖ กันยายนมาก่อน บางคนน้ำตาซึม ตะโกนว่า เชื่อแล้ว เชื่อแล้ว ปาฏิหาริย์ที่วัดนี้มีจริง แล้วต่างคนต่างก็ปรบมือขึ้นพร้อมกันทุกครั้ง ที่ดวงแก้วมีความสว่างและขนาดเต็มที่ จากนั้นก็จะเริ่มหรี่แสงและลดขนาดลง จนดูเหมือนว่าจะหายไปแล้วจึงค่อยโตและเพิ่มความสว่างใหม่เป็นระยะๆ เหมือนเป็นสิ่งมีชีวิต มีบางคนพยายามจะคิดว่าเป็นแสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ แต่เมื่อพิจารณาแล้วหากเป็นอย่างนั้นยอดตึกที่เหลืออีกหลายหลัง รวมทั้งตึกอาคารชุดของเอกชนซึ่งตั้งอยู่บริเวณเดียวกัน น่าจะเกิดภาพอะไรบ้าง ตึกเหล่านั้นคงเห็นเป็นกระเบื้องสีเขียวธรรมดาอย่างที่เป็นอยู่ เหตุการณ์นี้ปรากฏอยู่นานประมาณ ๑๐-๑๕ นาที

ภาพที่เกิดขึ้นมากที่สุดคือเกิดบนหลังคาตึกชั้นบนสุด ซึ่งเป็นที่ปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนาประจำวันของพระภิกษุที่พักอาศัยอยู่ที่อาคารเหล่านั้นเป็นภาพศักดิ์สิทธิ์ เกิดตรงบริเวณศักดิ์สิทธิ์ ให้ผู้มีบุญที่มาในวันที่ ๑๑ ตุลาคม ได้เห็นโดยเฉพาะ ไม่ผิดหวังเลยสำหรับผู้มีบุญ ผู้ที่ตั้งใจทำบุญ ที่ได้เห็นสิ่งอัศจรรย์ในวันอัศจรรย์ทุกครั้ง

อย่างไรก็ดี ผู้คนที่วิ่งฮือฮาออกจากสภาธรรมกายสากล มาดูปรากฏการณ์อัศจรรย์เหล่านั้น มีจำนวนเป็นหมื่นๆ คน หลังจากเหตุการณ์สงบลง ต่างได้เล่าสู่กันฟัง เรื่องเห็นดวงสว่างมากๆ จนเหมือนลูกกลมใหญ่ที่ทำด้วยเพชร สว่างสุกใสเกินคำเปรียบ แต่มองได้เย็นตาเย็นใจนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกัน

มีบางรายที่เห็นรายละเอียดปลีกย่อยต่างกันออกไปคือ ครั้งแรกเห็นเกิดที่อาคารชุดของเอกชนก่อน ตรงยอดหลังคา เป็นดวงแก้วกลมใสขนาดเล็ก แล้วดวงนั้นลอยเคลื่อนที่ได้ ลอยไปช้าๆ ไปติดอยู่ที่หลังคากุฏิพระดังกล่าว และจึงทำอาการขยายขนาด ดวงก็ค่อยๆ โตขึ้น พร้อมกับแสงสว่างในดวงก็เพิ่มขึ้นตามขนาด บางรายไม่เห็นกุฏิพระ แต่เห็นที่หลังคาโบสถ์เป็นดวงสว่างสุกใสเกินเปรียบทำนองเดียวกัน

บางรายเล่าว่า เห็นครั้งแรกเหมือนแสงแดดสะท้อนหลังคา แต่ที่น่าแปลกใจตรงที่ทำไมสะท้อนแสงอยู่เพียงหลังคา ๒ ยอด แต่แล้วทอแสงเปลี่ยนเป็นสว่างเจิดจ้ามากๆ และทำอาการวูบวาบเหมือนหรี่ได้เพิ่มได้ ทั้งที่พระอาทิตย์ไม่มีเมฆบัง แถมความสว่างเป็นประกายพุ่งกระจายขึ้นมา รวมตัวเป็นลูกเพชรกลมขนาดมหึมา จึงแน่ใจล้านเปอร์เซ็นว่า สิ่งที่เห็นนั้นเป็นปาฏิหาริย์ ไม่เกี่ยวกับแสงแดดเลย ความสว่างมากมายเหมือนเอาโลหะเช่น เงินไปมุงไว้บนหลังคา และเหมือนมีดวงอาทิตย์หลายๆ ดวงส่องตรงไปที่หลังคา ซึ่งเป็นกระเบื้องสีเขียวธรรมดาที่ไม่มีเงาประกายอะไร ลูกกลมเกมือนเพชรนั้นสว่างมากแต่สามารถมองได้โดยไม่แสบตา

สาธุชนบางรายบอกว่า สำหรับดวงสว่างลูกใหญ่มีลักษณะเด่นตรงประกายสว่างไสวเจิดจ้าที่เคลื่อนไหววูบวาบได้ เหมือนเราพลิกดวงให้เล่นแสงไปมา ส่วนลูกเล็กนั้นลอยนิ่งอยู่ที่หลังคาอีกยอดหนึ่ง ไม่สว่างมากมายเท่าลูกใหญ่ก็จริง แต่เหมือนมีเปลวสีต่างๆ ล้อมรอบดวง เช่น น้ำเงิน ม่วง ชมพู เปลวสีเหล่านี้เคลื่อนไหวขึ้นลง เหมือนเราจุดไฟจริงๆ ไว้ในดวงแก้ว เป็นไฟที่ไม่มีควันพวยพุ่งสีดำ แต่เป็นเปลวสีอื่นที่เล่าถึง

อีกรายบอกว่า เธอเห็นดวงแก้วสว่างดวงใหญ่กับดวงเล็กอยู่บนหลังคากุฏิพระเหมือนคนอื่น แต่เห็นรัศมีสีแดงเหมือนเปลือกมังคุด คลุมหลังคากุฏิพระทั้งสองแห่งสวยงามมาก ลูกเพชรกลมยังทำอาการหมุนรอบตัวได้เป็นอัศจรรย์ เธอตกตะลึงดู รู้สึกว่าจิตใจในเวลานั้นมีปีติเบิกบาน แช่มชื่นจนอธิบายไม่ถูก รู้แต่ว่าที่วัดนี้เป็นเนื้อนาบุญ ที่ใครทำแล้วจะได้บุญมากที่สุด และนึกถึงคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย เรื่องการกำหนดใจทำสมาธิภาวนาให้เห็นดวงสว่าง ซึ่งตนเองนึกเท่าใด ไม่เคยทำได้สักครั้ง เห็นแต่ความมืด แต่ดวงแก้วใสสว่างทั้ง ๒ ดวงที่เห็นบนยอดกุฏิพระครั้งนี้ ทำให้นึกได้ตลอดเวลาว่าดวงในใจ เวลาเห็นจะต้องเป็นลักษณะเช่นนี้แน่นอน จึงมั่นใจว่า แท้จริงปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น สอนให้คนที่เห็นได้รู้จักดวงธรรมในตัว มองด้วยตนเองไม่เห็นกันเสียที สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลบุญญสถานแห่งนี้ จึงบันดาลให้เห็น "ดวง" นอกตัว ด้วยตาเนื้อกันชัดๆ ต่อหน้าผู้คนเป็นหมื่นๆ ต่อจากนี้ใครทำสมาธิ นึกนิมิตยังไม่ออกอีกก็แย่แล้ว

คุณเมล็ด ภุมิการี อาชีพรับจ้างเย็บผ้าโหล บ้านอยู่ซอยจรัญสนิทวงศ์ ๔๖ ข้างโรงเรียนมัธยมวัดบวรมงคล ได้เล่าว่า ในวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ได้ไปร่วมทำบุญที่วัดพระธรรมกาย เป็นคนใหม่เพิ่งไปวัดนี้เป็นครั้งที่สอง ในตอนกลางวันนั้น เมื่อมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น คุณเมล็ดอกจากสภาธรรมกายสากลมาไม่ทัน เพราะนั่งอยู่ข้างหน้าจึงไม่ทันเห็น แต่ตอนเย็นเวลา ๕ โมงตรงคุณเมล็ดได้ยินเสียงของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยกล่าวนำบูชาพระ ขณะเลิกทำสมาธิ เพื่อจะทำการถ่ายภาพประวัติศาสตร์ รู้สึกว่าเสียงของพระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นเสียงที่ทำให้คุณเมล็ดมีจิตใจชื่นบาน และเสียงของท่านไม่เหมือนกับเสียงของพระภิกษุรูปใดในชีวิตที่เคยได้ยินมาก่อน เธอรู้สึกเคารพเลื่อมใส ชุ่มชื่นใจจนอธิบายไม่ถูก เมื่อได้รับคำสั่งให้กราบพระ คุณเมล็ดเข้าใจว่าคงเป็นการกราบหลวงพ่อวัดปากน้ำบนฟ้ากระมัง เพราะเห็นคนก้มกราบ แล้วก็พากันมองไปที่ท้องฟ้าทางดวงอาทิตย์ ซึ่งในเวลานั้นมีเมฆบังอยู่

ขณะที่คุณเมล็ดมองไปบนฟ้าตามผู้คน เธอมองไม่เห็นดวงอาทิตย์แต่เห็นลูกกลมใสลูกใหญ่ เห็นชัดว่า ภายในดวงกลมนั้นเป็นภาพของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านห่มผ้าเหลืองนั่งอยู่ข้างใน ส่วนดวงกลมที่ล้อมตัวท่านมีสีต่างๆ เป็นรัศมีพุ่งออกมา สีเหล่านั้นเคลื่อนไหวหมุนได้และเปลี่ยนสีได้ตลอดเวลาเป็นสีโน้นสีนี้

คุณเมล็ดมองดูด้วยความดีใจเป็นที่สุด คิดว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยท่านให้กราบหลวงพ่อวัดปากน้ำบนฟ้า เพราะท่านลอยอยู่อย่างนี้เอง

จากนั้นพิธีกรให้หันหน้าไปทางธงแดง จึงเลิกมองดูภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ คิดว่าท่านคงลอยอยู่อย่างเดิม เมื่อเลิกถ่ายภาพ มองกลับไปก็ไม่เห็น แต่ครั้นหันมามองทางทิศตะวันออก เห็นฟ้าเป็นสีทอง มีภาพของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ อีก แต่ไม่ใช่อยู่ในดวงแก้วกลมใสแล้ว แต่เป็นเหมือนภาพท่านอยู่ที่ในเหรียญ เห็นชัดเจนมาก ทีแรกเห็นทั้งภาพทั้งเหรียญเป็นสีทองทั้งหมด ตอนนี้ถามคนที่อยู่ข้างๆ ต่างก็พากันมองเห็น จึงชักชวนกันดู ราวๆ ร้อยคนเห็นกันหมด ครู่ใหญ่ๆ ภาพทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกต แล้วจึงค่อยจางหายไป ภาพที่เกิดทางทิศตะวันออกนี้ เป็นภาพลอยนิ่งๆ ไม่มีอาการเคลื่อนไหวใดๆ เหมือนภาพที่เห็นทางทิศตะวันตก

เล่าจบแล้ว คุณเมล็ดปรารภว่าเมื่อใดทางวัดจะจัดงานบุญอย่างนี้อีก อยากเห็นหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆ สามารถแสดงปาฏิหาริย์ลอยอยู่บนท้องฟ้าให้เห็นได้ คุณเมล็ดพูดด้วยความตื้นตันใจ
บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล