เรื่องที่ ๖๖ เปลี่ยนใจคนได้
คุณณัฐพร นิรมาณ เล่าให้ฟังว่า เมื่อทำบุญสร้างพระธรรมกาย ประดิษฐานที่แกนกลางมหาธรรมกายเจดีย์บูชาคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ได้รับพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุมาแล้ว ได้สวดสรรเสริญท่านทั้งเช้าและค่ำ และมักจะคิดถึงเรื่องปาฏิหาริย์ที่คนอื่นๆ ได้พบ เช่นเรื่องได้รับโชคลาภเป็นพิเศษ เรื่องพระยิ้มได้ พูดได้ ทำให้คุณณัฐพรเมื่อสวดสรรเสริญแล้วมักจะนำองค์พระมาดูใกล้ๆ อยู่บ่อยๆ
ในที่สุดครั้งสุดท้ายที่นำมาดูใกล้ๆ เห็นลำแสงสว่างพุ่งออกมาจากพระนาภี (ท้อง) ขององค์พระมหาสิริราชธาตุ พอมองแสงที่ออกมาจากตรงกลางพระนาภี (ท้อง) ขององค์พระนานเข้า ก็เห็นดวงแก้วกลมใสมากอยู่ตรงนั้น จึงนึกน้อมเอาดวงแก้วที่มองเห็นมาเป็นนิมิตในการทำสมาธิ ทำให้ใจหยุดได้นิ่งสนิทดี
แรกๆ เมื่อเห็นแสงสว่างและดวงแก้ว ก็คิดว่าตนเองคงจะตาฝาด จึงเอามือป้องที่องค์พระ เพื่อไม่ให้แสงจากภายนอกส่อง ก็ยังคงเห็นแสงออกมาจากกลางพระนาภี (ท้อง) ขององค์พระเหมือนเดิม ทำให้เกิดปีติมาก นับแต่นั้นมา ทุกครั้งที่สวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุ คุณณัฐพรจะเห็นแสงออกจากพระนาภี (ท้อง) ขององค์พระและเห็นดวงแก้วอยู่เสมอๆ
มาถึงวันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกับบ้านของคุณณัฐพร ต่อเติมหลังคาบ้าน ยาวมาจดกำแพงบ้านคุณณัฐพร เวลาฝนตกลงมาน้ำฝนจากชายคาบ้านของเขา ก็จะไหลพุ่งเข้ามาที่หลังคาบ้านคุณณัฐพร แล้วกระเด็นเข้ามาในบ้านทำให้เปียก คุณณัฐพรไม่กล้าไปพูดขอร้องให้เขาแก้ไข เพราะฝ่ายเจ้าของบ้านที่เป็นสามีนั้น เป็นคนเอาแต่ความคิดตนเองเป็นใหญ่ กลัวว่าจะมีเรื่องมีราวโต้เถียงกันทำให้ยุ่งยาก คุณณัฐพรจึงอธิษฐานจิตขอพรจากพระมหาสิริราชธาตุเสียก่อน หลังจากสวดสรรเสริญคุณในเย็นวันนั้น
วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ คุณณัฐพรให้เด็กรับใช้เชิญภรรยาบ้านนั้นมาพบ ชี้แจงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ขอให้ช่วยบอกสามีของเธอแก้ไขให้ด้วย เป็นเรื่องแปลกมาก ที่ผู้เป็นสามีรีบเรียกช่างมารื้อแก้ไขให้ทันที ทั้งที่สิ่งก่อสร้างนั้นทำไว้แน่นหนาถาวรแล้ว
พอแก้ไขเสร็จ เรื่องนี้เป็นที่โจษขานกันทั้งหมู่บ้าน เพราะกรณีอย่างเดียวกันที่เกิดขึ้นกับบ้านอื่น ไม่มีใครยอมใคร ต้องฟ้องร้องกัน ขึ้นโรงขึ้นศาล จนกว่าจะได้รับคำตัดสิน ฝ่ายแพ้จึงยอมแก้ไข แต่รายคุณณัฐพรได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ต้องเสียเงิน เสียเวลา เป็นที่น่าอัศจรรย์
เรื่องแสงสว่างที่ออกมาจากภาพพระมหาสิริราชธาตุในหน้าปกหนังสือหรือเรื่องแสงสว่างและดวงแก้วที่คุณณัฐพรเล่าไว้ในเรื่องนี้ ล้วนแต่เป็นอำนาจพลังบุญของพระมหาสิริราชธาตุแสดงอานุภาพให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นภาพในกระดาษก็ตาม พระมหาสิริราชธาตุองค์จริงที่ประกอบด้วยธาตุทั้งสามก็ตาม ล้วนแต่เป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อได้รับการสวดบูชาสรรเสริญ ย่อมซึมซับพลังบุญที่เกิดจากความศรัทธา และการแสดงอปจายนธรรม คือบุญที่เกิดจากการแสดงความอ่อนน้อมในพระรัตนตรัย ของผู้ทำการสักการะบูชา
พลังบุญเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง โดยปกติตาเนื้อของกายมนุษย์ย่อมมองไม่เห็น แต่เมื่อใดได้สวดมนต์ ทำสมาธิ ใจหยุดคิดเรื่องราวต่างๆ จิตมีอาการนิ่งสนิท ศูนย์กลางกายมนุษย์หยาบ (กายเนื้อ) และศูนย์กลางกายมนุษย์ละเอียด (กายฝัน) จะตรงกัน สิ่งที่เห็นได้ในภพละเอียดด้วยตาของกายฝัน จะทะลุออกมาให้ตาของกายเนื้อเห็นพร้อมกันได้ ทำให้มองเห็นพลังบุญเป็นแสงสว่าง จึงมีความสว่างไสวจากภาพพระมหาสิริราชธาตุ ที่หน้าปกหนังสืออานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ และจากพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุองค์จริงดังกล่าวแล้ว ถ้าผู้ใดได้เห็นก็ขอให้ถือว่าเป็นผู้มีบุญ มีโชคดีเป็นที่ตั้งของศรัทธาอันมั่นคงในพระพุทธศาสนาสืบไป