เรื่องที่ ๑๑๕โภคทรัพย์มานอน
คุณสุนีย์ สุวรรณวงศ์ พนักงานธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เล่าว่า มีเพื่อนรุ่นพี่สมัยเรียนมัธยมผู้หนึ่ง ไม่พบกันมานานมากกว่า ๓๐ ปีแล้ว มาหาในวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๑ พร้อมทั้งนำเช็คเงินสดมามอบให้ฟรีๆ จำนวน ๕ หมื่นบาท คุณสุนีย์ตกใจมาก คิดในใจว่า "เอ๊ะ จะมาไม้ไหนนะ" จึงคืนให้ไป
เพื่อนก็ไม่ยอมรับคืน และพูดว่า ได้ทราบว่าคุณสุนีย์มีหนี้สินอยู่ ให้เก็บเงินนี้ไว้ใช้คราวจำเป็น คุณสุนีย์ชี้แจงว่า มีหนี้สินอยู่ก็จริง แต่เป็นหนี้ที่ตัวเองยังพอมีกำลังผ่อนส่งได้ทุกเดือน เพื่อนคนนี้ก็พูดว่า ไม่ยอมรับเงินก็จะเลิกคบกันเป็นเพื่อนเลย คุณสุนีย์จึงรับเงินเก็บไว้ แต่ยังไม่ได้ใช้ทำอะไร
ต่อมาเกิดความรู้สึกอึดอัดใจ อยากจะทำบุญอะไรสักอย่าง แต่ยังไม่ทราบว่าจะทำบุญอะไรดี ทั้งยังไม่เคยทราบเรื่องการสร้างองค์พระธรรมกายประจำตัวที่วัดพระธรรมกายมาก่อนเลย แต่แล้วก็มีเหตุบังเอิญให้ได้ทราบเรื่องคือ
เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ได้นั่งทำงานแทนเลขานุการ อยู่หน้าห้องนายจ้าง เวลาประมาณ ๙ นาฬิกาเศษ หันไปเห็นภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญตั้งอยู่ คุณสุนีย์จึงรำพึงกับท่านในใจว่า "หากลูกจะได้ทำบุญทางสายหลวงพ่อบ้าง ขอให้หลวงพ่อดลใจใครมาพาลูกไปด้วยซิเจ้าคะ"
![](http://www.kalyanamitra.org/th/images/anuphap/14/images/115.jpg)
จากนั้นราว ๓ ชั่วโมง มีเพื่อนร่วมงานเดินคุยกันผ่านไป ไม่ทราบคุยเรื่องอะไร ได้ยินชัดเจนเพียงคำว่า "ธรรมกาย" จึงรีบถามเพื่อนว่า ธรรมกายอะไร อยู่ที่ไหน ไปอย่างไร เพื่อนจึงเล่าเรื่องวัดพระธรรมกาย และการทำบุญสร้างองค์พระธรรมกายประจำตัวภายนอกมหาธรรมกายเจดีย์ ซึ่งจะปิดในวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดครบรอบ ๑๑๔ ปีหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
คุณสุนีย์รับฟังด้วยความปลื้มปีติ น้ำตาซึม ขนลุกชัน นึกถึงคำอธิษฐาน ที่พูดในใจกับภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ รู้ทันทีว่า นี่เป็นบุญที่กำลังแสวงหาอยู่ จึงขอใบรายการทำบุญสร้างองค์พระมากรอกรายการ สร้างให้ตนเอง ขณะกรอกข้อความก็นึกถึงแม่และลูกๆ
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
เพื่อนผู้นั้นได้ให้ยืมหนังสืออานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ เล่ม
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
๕ คุณสุนีย์ชอบบทสวดสรรเสริญมาก จึงถ่ายเอกสารนำไปท่องแบบกลอนสี่สุภาพ เพราะยังไม่ทราบทำนอง
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
รุ่งเช้าวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ตื่นขึ้นรีบแต่งตัวเพื่อไปทำบุญสร้างองค์พระธรรมกายประจำตัว ตามที่นัดไว้กับเพื่อน นึกในใจว่า "เราต้องทำบุญให้กับคนที่เรารักด้วย เรารักแม่ เรารักลูก รักเพื่อนที่ดีกับเรา ต้องทำบุญให้เขาด้วยทุกคน เพื่อจะได้มีพระมหาสิริราชธาตุไว้เป็นสิริมงคล และเตือนใจว่าได้เคยร่วมทำบุญสร้างองค์พระไว"
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
ขณะเดินทางไปวัดพระธรรมกาย คุณสุนีย์ดีใจมาก มีความรู้สึกว่า "คราวนี้คงได้พบพระอาจารย์ที่ถูกใจเสียที เคว้งคว้างมานานแล้ว" เมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าอาวาส เรื่องอานุภาพพระมหาสิริราชธาตุว่า อานุภาพของธาตุและพลังบุญในองค์พระ
จะทำให้ทรัพย์สมบัติมานอน คือมาอยู่ด้วยแล้วไม่ไปไหน ทำให้คุณสุนีย์นึกถึงเงิน ๕ หมื่นบาทที่เพื่อนให้ เป็นเงินมานอนคอยอยู่เพื่อให้ทำบุญสร้างองค์พระและได้พระของขวัญมหาสิริราชธาตุแท้ๆ เมื่อตนเองมีประสบการณ์ชัดเจนดังนี้ จึงเข้าใจซาบซึ้งถึงคำว่า โภคทรัพย์มานอน และซาบซึ้งในอานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุเป็นอย่างยิ่ง เหมือนกับท่านบันดาลให้ทรัพย์มานอนรอคอยการทำบุญทีเดียว
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
วันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ได้ตามเพื่อนไปวัดด้วยอีกครั้ง เพื่อฉลองที่สามารถปิดยอดองค์พระภายนอกมหาธรรมกายเจดีย์ได้สำเร็จ คุณสุนีย์เล่าว่า "วันนั้นใจใสจริงๆ เกิดปีติ ยิ้มได้ทั้งวัน ขนลุกชูชัน น้ำตาไหลเป็นบางครั้ง และได้กลิ่นหอมเย็นๆ เป็นระยะๆ รู้สึกว่ากำลังอยู่ในกระแสบุญล้วนๆ ในใจไม่มีมลทินอะไรค้างอยู่เลย มีความมั่นใจว่า วันนี้จะต้องมีความอัศจรรย์อะไรบางอย่างเกิดขึ้น"
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
แล้วเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นให้คุณสุนีย์เห็นจริงๆ คุณสุนีย์เล่าไว้ว่า เวลาประมาณ ๑๗.๑๘ น. เมื่อมองไปยังดวงอาทิตย์ ประหลาดใจมาก ดวงอาทิตย์เย็นตา มองได้สบาย ไม่ต้องหยีตา แล้วอยู่ๆ ก็มีดวงแก้วอีกดวงลงมาซ้อนดวงอาทิตย์ แล้วหมุนได้ด้วย ดวงอาทิตย์เหลืออยู่เป็นรูปวงแหวน มีสีทองโดยรอบ ห่างจากดวงอาทิตย์ออกมาเล็กน้อย มีปุยเมฆลุกเป็นเปลวสีชมพู ความปีติเกิดขึ้น น้ำตาไหลอาบแก้ม พูดกับลูกว่า "เห็นมั้ยลูก สิ่งอัศจรรย์มีจริง"
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
เมื่อหันกลับไปมองดูพระภิกษุบนมหาธรรมกายเจดีย์ เห็นจีวรของพระเปล่งเป็นสีทองสลับกับสีชมพูอมม่วง สีเป็นแถบแยกออกเป็นระเบียบชัดเจน เหมือนนำผ้าสองผืนมาเย็บติดกันเป็นผืนธง ไม่มีตรงไหนขาดหรือสีจาง คิดว่าตนเองตาฝาดหรือเปล่า จึงหลับตาลงแน่นแล้วลืมตาใหม่ ยังเห็นเหมือนเดิม ดวงแก้วที่ซ้อนพระอาทิตย์ก็ยังหมุนอยู่ตลอด ครั้นแล้วมี
องค์พระสีทองเกิดขึ้นตรงกลางดวงแก้วที่หมุน ทันทีดวงแก้วก็หยุดหมุน นิ่งเฉย คุณสุนีย์หลับตาอีกครั้ง แล้วลืมตาดูใหม่ ก็ยังเห็นเหมือนเดิม ไม่ใช่ตาฝาด
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
ดูจนอิ่ม ชื่นใจเต็มที่ จึงอธิษฐานจิตว่า "ขอให้ลูกได้ดวงตาเห็นธรรม และให้ทรัพย์มานอนอีกมากๆ เพื่อใช้ทำบุญให้เต็มอิ่มตามที่ใจปรารถนา และขออานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้น อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ อานุภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ช่วยดลบันดาลให้ลูกหายป่วยจากโรคประจำตัวด้วยเถิด"
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
กลับถึงบ้านถามลูกสาวดู ลูกได้เห็นเหมือนแม่ แต่มองไม่เห็นองค์พระสีทอง คุณสุนีย์คิดว่า อาจเป็นเพราะลูกไม่ได้ทำบุญด้วยตนเอง แม่ทำแทนให้จึงเห็นไม่ครบ คุณสุนีย์แน่ใจว่าพระสีทองที่ตนเห็นที่ดวงอาทิตย์ ไม่ใช่ภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำทองคำเหมือนที่ผู้อื่นเห็น จึงนำใบบอกบุญมาดู
ก็เห็นภาพในเอกสารเหมือนภาพที่เห็นในดวงอาทิตย์จริงๆ เมื่อถามเพื่อนดูว่า องค์พระธรรมกายประจำตัวจะสร้างดั่งในภาพเอกสารหรือไม่ เพื่อนรับคำว่าใช่ คุณสุนีย์เกิดปีติใจขนลุก น้ำตาไหลอีกครั้ง นึกแต่ว่า "นี่ขนาดยังไม่ทันหล่อองค์พระเลย มีอานุภาพสร้างปาฏิหาริย์ให้เห็นแล้ว ท่านคงมายืนยันให้ทราบว่า พลังบุญที่รวมใจกันมีอานุภาพยิ่งใหญ่"
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
เมื่อนึกดังนี้แล้ว คุณสุนีย์ยืนยันว่า ทุกครั้งที่นึกถึง ก็จะยิ้มอย่างเบิกบานอยู่คนเดียว ไม่อายใคร ครั้นมาสังเกตอาการป่วยของตนเองก็ประหลาดใจมาก แต่เดิมมีโรคประจำตัวอยู่ ๒ อย่างคือ มักมีอาการร้อนวูบวาบเหมือนอยู่หน้าเตาไฟ เหงื่อจะไหลออกมากจนเปียกไปทั้งตัว เป็นแทบทุกชั่วโมง ทั้งวันทั้งคืนต้องพึ่งพัดลมทุกครั้ง อาการนี้ทำให้เวลากลางคืนนอนหลับไม่สนิท ต้องตื่นใช้พัดลมเป่าอยู่บ่อยๆ ทำให้อดนอน พาลปวดศีรษะประจำ จนเป็นโรคไมเกรน บางครั้งปวดศีรษะมากถึงกับอาเจียน
หลังจากที่ได้อธิษฐานจิตในวันที่เห็นเหตุการณ์ปาฏิหาริย์อัศจรรย์ตะวันแก้วแล้ว ประมาณ ๑๕ วัน อาการลดน้อยลงมาก จากที่เป็นบ่อยแทบทุกชั่วโมง เหลือเพียงวันละ ๒-๓ ครั้ง กลางคืนจึงสามารถนอนหลับได้สนิท โรคปวดศรีษะที่ทำให้ต้องทานยาระงับปวดก็พลอยหายไปด้วย คิดว่าในไม่ช้าโรคร้อนวูบวาบก็คงหายอย่างแน่นอน
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
ท้ายที่สุดนี้คุณสุนีย์กล่าวว่า "สิ่งอัศจรรย์ที่ได้พบ เกิดขึ้นแล้วก็หายไป แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับดิฉันหลังจากพบความอัศจรรย์นั้นแล้วคือ ดิฉันจะตั้งมั่นในการสร้างคุณงามความดี สร้างบุญกุศล และตั้งใจจะปฏิบัติธรรมเจริญภาวนา เพื่อให้บารมีเพิ่มมากขึ้น และจะถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะไปตลอดชีวิต
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
สิ่งอัศจรรย์ที่ได้เห็นเป็นบุญตานั้น เป็นเครื่องยืนยันว่า ดิฉันได้ปฏิบัติตนถูกทางแล้ว อย่างน้อยก็ทำให้ดิฉันฝ่าอุปสรรคใหญ่เรื่องหนึ่งคือ ความหวงแหนตระหนี่ในทรัพย์สมบัติ เพราะเมื่อเห็นปาฏิหาริย์แล้ว เกิดศรัทธาเชื่อมั่นในบุญกุศล ความตระหนี่ในจิตใจลดลงมากมาย
คนส่วนใหญ่เอาชนะใจเรื่องความตระหนี่นี้ไม่ได้ ถูกใครชวนทำบุญสร้างองค์พระ มักจะตอบทันทีว่า ไม่มีเงิน มีความหวงแหนเกิดขึ้น
แต่กลับนำทรัพย์ที่มีอยู่ไปใช้จ่ายเรื่องไร้สาระอื่นๆ บางทีเป็นจำนวนเงินมากกว่าสร้างองค์พระด้วยซ้ำ ใช้ทรัพย์ในเรื่องไร้ประโยชน์กลับรู้สึกยินดีปรีดา
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
ดิฉันอายุห้าสิบปีเศษแล้ว ยังไม่เคยเห็นใครที่ทำบุญ แล้วประสบความหายนะเลยสักคนเดียว เห็นมีแต่คนที่ไม่ชอบทำบุญ มีชีวิตอยู่จนบุญหมดกิจการล้มละลาย กลายจากเศรษฐีเป็นยาจกให้เห็นเยอะแยะ
![](http://www.kalyanamitra.org/images/spacer.gif)
คนเราไม่ใช่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ ตายแล้วก็เผา เราควรต้องทิ้งชื่อไว้ให้คนรุ่นหลังระลึกถึง ทิ้งคุณความดี ทิ้งปูชนียสถาน ไว้ให้ลูกหลานได้กราบไหว้ ได้เป็นแบบอย่างในการประพฤติธรรม ให้พวกเขาเป็นคนดีไปตราบนานเท่านาน"