เรื่องที่ ๓๖๐ไม้ตำที่ลำคอ
ขอให้สิ่งที่ติดอยู่ในลำคอ จงหลุดออกมาอย่างอัศจรรย์ด้วยเถิด
|
คุณอริสรา วนะเจริญ
|
คุณอริสรา วนะเจริญ อยู่ที่กรุงเทพฯ เล่าว่าเธอได้มีโอกาสมาจุดประกายบนเส้นทางของการสร้างบารมี เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๘ โดยมีน้องกัลยาณมิตร ได้นำวิีดีโอประมวลภาพสาธุชนจากทั่วประเทศ มาร่วมกันทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาที่วัดพระธรรมกาย จึงทำให้เธออยากมาสัมผัสบรรยากาศแห่งการประพฤติปฏิบัติธรรมภายในวัด แล้วอาทิตย์ถัดมาทางวัดก็มีพิธีตอกเสาเข็มต้นสุดท้าย ณ มหาธรรมกายเจดีย์ ซึ่งในวันนั้นเธอมีความประทับใจในคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อมาก หลังจากนั้นเธอจึงมาวัดเป็นประจำโดยพาลูกๆ มาด้วย ส่วนสามีของคุณอริสรายังไม่เห็นด้วยเพราะได้ยินข่าวที่บิดเบือนต่างๆ แต่ก็ไม่ขัด ปล่อยให้คุณอริสราและลูกมากันเอง พอดีทางวัดได้จัดให้มีการบรรพชาอุปสมบทหมู่ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่า จึงให้ลูกชายบวชเณร สามีของคุณอริสราจึงมีโอกาสได้มาร่วมงานบวชของลูกเณรด้วย จากการที่ได้มาเห็นมาสัมผัสกับตัวเอง เห็นกับตาว่าทุกคนที่ทำบุญที่วัดพระธรรมกายล้วนต่างมุ่งที่สั่งสมบุญกุศลกันอย่างจริงจัง และเห็นบรรยากาศของความปีติเบิกบานในบุญกุศลของสาธุชนที่มาทำบุญ จนตนเองรู้สึก สัมผัสความรู้สึกดีๆ เหล่านั้นได้ จึงได้ร่วมบุญกุศลสร้างพระธรรมกายประจำตัวจารึกชื่อตนเองทันที ๑ องค์
ตั้งแต่นั้นมาครอบครัวของคุณอริสรา ก็มีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมเพราะทุกคนในบ้านมีทิฏฐิเสมอกัน ได้ร่วมสร้างพระธรรมกายประจำตัวไว้หลายองค์ และได้รับพระมหาสิริราชธาตุมาไว้บูชา คุณอริสราเองก็หมั่นสวดสรรเสริญมิได้ขาด เธอสั่งสมบุญทุกรูปแบบและในช่วงต้นปี พ.ศ.๒๕๔๒ ได้เปิดบ้านของตนเองเป็นบ้านกัลยาณมิตร ชักชวนญาติมิตรให้มาร่วมกันสวดมนต์นั่งสมาธิปฏิบัติบูชาคุณพระศรีรัตนตรัย ปัจจุบันที่บ้านของเธอมีสมาชิกมาประพฤติปฏิบัติธรรมร่วม ๒๐ คน คุณอริสราบอกว่าตอนเริ่มเปิดบ้านใหม่ สมาชิกยังมีไม่มาก แต่พอสวดมนต์อธิษฐานจิตแผ่เมตตาความปรารถนาดีออกไป ก็เริ่มมีสมาชิกมาปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ด.ช.พัฒนพงษ์
หลานชายของคุณอริสรา |
เมื่อเธอพบวิถีชีวิตที่ประสบแต่ความสุขก็ไม่ลืมที่จะเป็นกัลยาณมิตรกับญาติพี่น้องบุคคลอันเป็นที่รัก เมื่อตอนช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเที่ยวบ้านน้องสาวที่เชียงใหม่และได้ไปเห็นหลานชายคือ ด.ช.พัฒนพงษ์ เจริญธรรม อายุ ๑๓ ปี ยังไม่มีพระมหาสิริราชธาตุ ตนเองจึงได้มอบพระมหาสิริราชธาตุรุ่นพิชิตมารให้กับหลานและได้เล่าถึงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของท่านให้หลานและน้องสาวได้ทราบและให้หมั่นสวดสรรเสริญท่านทุกวัน จากนั้นก็ได้ชวนหลานและน้องสาวมาร่วมงานวันคุ้มครองโลก ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๒ ที่วัดพระธรรมกาย
เมื่อหลานชายได้รับพระมหาสิริราชธาตุมา ก็ได้สวดสรรเสริญเป็นประจำตามที่คุณอริสราบอก และได้เล่าถึงอานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุที่ตนเองได้ประสบว่า เมื่อประมาณ ๒ เดือนที่ผ่านมา ในเย็นวันหนึ่งระหว่างที่ทานข้าวเย็นกันในครอบครัว อาหารมื้อเย็นวันนั้นมีอาหารพิเศษที่ ด.ช.พัฒนพงษ์ ชอบมาก คือผัดเผ็ดปลา ด.ช.พัฒนพงษ์จึงรับประทานด้วยความเอร็ดอร่อย อยู่ๆ ในระหว่างที่เคี้ยวอาหารอยู่นั้นก็เกิดความรู้สึกเจ็บที่บริเวณลำคอมากเหมือนกับมีอะไรมาบาดที่คอ ด.ช.พัฒนพงษ์บอกว่าตอนนั้นเจ็บมากไม่รู้จะทำอย่างไร จะทานข้าวต่อก็รู้สึกทานไม่ได้แล้วเพราะเจ็บมาก คิดว่าคงเป็นก้างปลาหรืออะไรเป็นแน่ที่ติดอยู่ที่คอ จึงพยายามทานน้ำเพื่อที่จะให้สิ่งที่ติดอยู่ในคอหลุดออกแต่ก็ไม่ออก ทานข้าวเปล่าๆ แล้วกลืนโดยไม่เคี้ยวเพื่อให้สิ่งที่ติดอยู่นั้นหลุด แต่ก็ไม่หลุดพยายามทำทุกวิธีก็ไม่คลายความรู้สึกเจ็บที่ลำคอได้ คุณแม่ของด.ช.พัฒนพงษ์ ก็เป็นห่วงลูกพยายามช่วยทุกวิธีก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงบอกให้ไปนอนพักก่อนเผื่ออาการจะดีขึ้น
ประมาณ ๔ ทุ่มคุณแม่ก็เข้ามาหาที่ห้องนอน ระหว่างนั้นด.ช.พัฒนพงษ์นอนพักอยู่ และได้ถามว่าเป็นอย่างไรอาการดีขึ้นบ้างหรือยัง แต่ด.ช.พัฒนพงษ์บอกว่ายังไม่ดีขึ้นเลย ยังเจ็บอยู่เหมือนเดิม คุณแม่นึกถึงเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา พี่สาวคือคุณอริสราได้เล่าถึงอานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุให้ฟังว่าเวลามีทุกข์ภัยอะไรก็ให้นึกถึงท่านเป็นที่พึ่งที่ระลึก เธอจึงนึกถึงพระมหาสิิริราชธาตุ และบอกให้ลูกชายนำพระมหาสิริราชธาตุที่คุณอริสรามอบให้ ทำน้ำมนต์ดื่ม ด.ช.พัฒนพงษ์ก็ทำตามที่คุณแม่แนะนำ โดยเอาพระมหาสิริราชธาตุไปใส่ในถ้วยน้ำ และมายืนที่หน้าหิ้งพระและอธิษฐานจิตว่า "ขอให้สิ่งที่ติดอยู่ในลำคอจงหลุดออกมา" เมื่ออธิษฐานเสร็จก็ยกแก้วน้ำจบเหนือหัวแล้วก็ดื่มจนหมดทั้งแก้ว จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนพัก ด.ช.พัฒนพงษ์อธิบายว่า "ภายหลังจากที่ผมล้มตัวลงสักระยะหนึ่งประมาณ ๒-๓ นาที ก็รู้สึกว่าขมๆ ที่ลำคอ และความรู้สึกขมที่ลำคอเพิ่มมากจนทนไม่ไหวจนในที่สุดได้พุ่งสำรอกออกมาอย่างแรงแต่มือบังไว้ได้ทันเพื่อไม่ให้เลอะบริเวณที่นอน" แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ภายหลังจากที่สำรอกออกมานั้น ด.ช.พัฒนพงษ์ ก็ดูที่มือตนเองในขณะที่ปิดปากไว้ระหว่างสำรอก สิ่งที่เห็นคือเศษไม้สีดำๆ ยาวประมาณ ๒ เซนติเมตร หลุดออกมา และที่อัศจรรย์ใจที่สุดคือเมื่อสำรอกเศษไม้ออกมาแล้ว ความรู้สึกที่เจ็บคอนั้นหายเป็นปลิดทิ้งไปทันที ซึ่งทำให้ทั้งคุณแม่และด.ช.พัฒนพงษ์ดีใจมาก และศรัทธาเชื่อมั่นในอานุภาพพระมหาสิริราชธาตุมาก และได้รีบโทรศัพท์มาเล่าให้คุณอริสราที่อยู่ที่กรุงเทพฟังถึงอานุภาพที่ตนเองได้ประสบ
และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ปัจจุบัน ด.ช.พัฒนพงษ์ สวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุทุกวันไม่เคยขาด เพราะมีความเชื่อมั่นและศรัทธาว่า พระมหาสิริราชธาตุนี่แหละที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกของเขายามที่มีภัย และในคราวใดที่ไม่สบายใจก็จะนึกถึงท่าน ซึ่งเสมือนมีผู้ปกครองที่เป็นที่รักคอยปกป้อง ดูแลอยู่ตลอดเวลา
คุณพ่อ คุณแม่ และด.ช.พัฒนพงษ์
|
แม้ว่าอาการรับประทานอาหารผัดเผ็ดปลาของหลานชายคุณอริสรา แล้วเกิดเจ็บคอกระทันหัน เหมือนของมีคมบาด ต้องทำน้ำมนต์พระมหาสิริราชธาตุ อธิษฐานจิตขอให้หาย ดื่มแล้วจึงอาเจียนเอาเศษไม้ออกมาทำให้หายเจ็บป่วยลงได้ก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่า ผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างประมาทก็จะสามารถรักษาได้ เพราะการเจ็บป่วยทุกอย่าง มีสาเหตุแตกต่างกันออกไป
วิธีดีที่สุด ที่คนเราทุกคนควรกระทำ คือความไม่ประมาท อะไรที่จะเป็นสาเหตุทำให้เราเจ็บป่วยได้ และอยู่ในวิสัยที่พอหลีกเลี่ยงได้ เราก็ควรหลีกเลี่ยง
ตัวอย่างเช่น การบริโภคอาหารของคนยุคปัจจุบันแทบทุกครอบครัว โดยเฉพาะชีวิตชาวเมืองพวกผู้ใหญ่ออกจากบ้านไปทำงานกันแต่เช้าตรู่ เด็กๆ ก็ไปโรงเรียน กว่าจะพากันกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเย็น เวลาค่ำ การจะมีเงินจ้างแม่บ้าน ทำอาหารประจำวันไว้คอย สำหรับชีวิตคนธรรมดา ทำได้ยาก เพราะปัจจุบันค่าจ้างแรงงานสูงมาก ดังนั้นแทบทุกบ้านจึงนิยมซื้อกับข้าวที่ทำเสร็จแล้ว วางขายตามท้องตลาดมาบริโภค บางบ้านไม่รอบคอบนัก ก็เทจากถุงพลาสติกใส่ชาม แล้วรับประทานทันที บางบ้านนำมาอุ่นให้ร้อนเสียหน่อยแล้วจึงรับประทาน
การซื้อของที่ทำสำเร็จวางขายในตลาด เราไม่สามารถรู้ถึงความสะอาด ความประณีตในการปรุงอาหารเหล่านั้นของแม่ค้าได้ ผักอาจจะไม่ถูกล้างด้วยน้ำเลย ซื้อมาถึงก็หั่นแล้วเทใส่กระทะหรือหม้อแกงทันที ในทำนองเดียวกับอาหารเนื้อสัตว์ ซึ่งปัจจุบันทางผู้ขายมักทำการหั่นเป็นชิ้นสำเร็จเรียบร้อยวางขาย ผู้ซื้อมาทำแกงขายมักไม่นำมาล้างน้ำอีกครั้ง เกรงเสียรส ก็เทลงในภาชนะสำหรับต้มแกงทันทีเหมือนกัน
อย่างรายหลานชายของคุณอริสรารายนี้ คงเป็นผัดเผ็ดปลาจากร้านแกงสำเร็จรูปดังกล่าว เวลาแม่ค้าทำปลาอาจมีเศษไม้จากเขียงปลาปนอยู่ ยังโชคดีบางรายพบว่ามีตัวเบ็ดติดอยู่ในปากปลาด้วยซ้ำ
ครอบครัวที่ต้องอาศัยอาหารประเภทนี้ นอกจากเพิ่มความรอบคอบเช่นการอุ่นให้ร้อน การดูให้ถูกหลักโภชนาการแล้ว ควรสอนเด็กๆ ให้รู้จักรับประทานด้วยความระมัดระวัง เช่นสำรวจดูกับข้าวที่ตักมาใส่จานข้าวว่ามีสิ่งแปลกปลอมอะไรหรือไม่ อย่าให้รีบรับประทาน อย่าให้รีบเคี้ยว อบรมสั่งสอนกันอยู่เสมอ จะเป็นเสมือนการฝึกให้มีสติไปในตัว หัดกันไว้ทุกๆ เรื่อง เด็กๆ เมื่อเติบโตขึ้นก็จะกลายเป็นคนมีสติรอบคอบในทุกๆ เรื่องไปด้วย
คำว่าสตินั้นโดยทั่วไปที่ทราบกัน หมายถึง ความระลึกได้ ที่ทำให้รู้ทันในอารมณ์ที่มากระทบ คำว่าอารมณ์ หมายถึงสิ่งที่มากระทบทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ ทั้ง ๖ อย่าง การฝึกสติคือฝึกให้รู้ทันในสิ่งที่กล่าวแล้ว และยับยั้งจิตไม่ให้ตกไปในอกุศล ให้ระลึกในอารมณ์ที่เป็นกุศลอยู่เสมอ
ประโยชน์ของการฝึกสตินั้น ไม่ว่าจะเป็นทางโลกหรือทางธรรม ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีทั้งสิ้น เมื่อทราบประโยชน์ดังนี้แล้ว เราก็ควรหมั่นฝึกสอนให้แก่บุตรหลานของเราสืบไป