เรื่องที่ ๔๓๑ เกือบสิ้นชื่อ
คนที่เป็นโรคนี้แล้วไม่มีโอกาสรอด และคุณหมอคงไม่ผ่าตัดให้ เพราะถึงผ่าตัดคนไข้ก็ไม่รอด
คุณพะเนิน ผิวผ่อง ภายหลังจากมาปฏิบัติธรรมที่วัดพระธรรมกาย สามารถเลิกเหล้าที่ติดมา ๒๐ กว่าปี อย่างเด็ดขาด
|
คุณพะเนิน ผิวผ่อง และคุณดวงจิต สองสามีภรรยารีบร้อนออกจากบ้านที่ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ขับรถมุ่งหน้าสู่ จ.นครปฐม ทันทีที่ได้ทราบข่าวว่าคุณพ่อสมนึก หนูทอง คุณพ่อของคุณดวงจิต มีอาการป่วยหนักด้วยโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ ทั้งสองคนร้อนใจอยากไปให้ถึงบ้านคุณพ่อโดยเร็ว เพราะไม่ทราบว่าคุณพ่อมีอาการเป็นอย่างไรบ้าง
พอมาถึงบ้านที่จังหวัดนครปฐม คุณพะเนินและภรรยารีบเข้าไปดูอาการคุณพ่อ พอเห็นก็ต้องตกใจมาก เพราะบริเวณตั้งแต่เท้าถึงโคนขาซ้ายบวมพองและแดงเหมือนมีน้ำอยู่ข้างในใสๆ เริ่มมีอาการครั้งนี้เพียง ๒ วัน ทำไมแผลถึงลุกลามมากขนาดนี้ คุณพะเนินคิดอย่างแปลกใจว่า นี่มันโรคอะไรกัน ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
คุณพ่อมีอาการเจ็บปวดบริเวณแผลที่ขาข้างซ้าย ซึ่งบวมเป่งออกมาดูน่ากลัว เหมือนกับลูกโป่งที่ใส่น้ำพร้อมที่จะแตกได้ทุกเมื่อ เขาและภรรยาจึงรีบนำตัวท่านไปรักษาที่โรงพยาบาลมะการักษ์ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ทันทีที่ถึงมือคุณหมอ คุณหมอบอกว่า “นี่ถ้าคุณพาคนไข้มาส่งเร็วหน่อย แผลอยู่แค่น่องอาจจะทำการผ่าตัดได้ แต่นี่แผลลุกลามใหญ่โตเข้าไปถึงในกระดูก และเชื้อกระจายอย่างรวดเร็วมาก ถ้าใครเป็นแล้วโอกาสรอดมีน้อยมาก”
คุณชาตรี สูติวราพันธ์ แนะนำให้คุณพะเนินได้รู้จักหนทางสว่างของชีวิต |
วันแรกที่คุณพ่อสมนึกเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล และวันนั้นแผลเริ่มแตกพุพองเป็นน้ำเหลืองไหลเยิ้มออกมา แผลเริ่มเน่าเฟะจนคุณหมอต้องขูดเอาเนื้อที่เน่าทิ้งไป เพื่อสะกัดไม่ให้แผลลุกลามต่อไป คุณพ่อร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดทรมาน คุณหมอบอกว่าต้องทำใจแล้ว โรคนี้เป็นโรคใหม่ที่คุณหมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคติดเชื้ออย่างรุนแรง (Necro-Tizing Fascitis-left leg) และคนไข้ยังเป็นโรคเบาหวานอีกด้วย คนที่เป็นโรคนี้แล้วไม่มีโอกาสรอด และคุณหมอคงไม่ผ่าตัดให้ เพราะถึงผ่าตัดคนไข้ก็ไม่รอด เพราะเชื้อแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว จากขาซ้ายไปขาขวา ลามจนถึงท้อง และแทรกเข้าไปถึงในกระดูก ถึงแม้จะต้องตัดขาทิ้งไป โอกาสรอดก็มีน้อยมากหรือไม่มีเลย คุณแม่และคุณดวงจิตร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดรันทดในโชคชะตาของคุณพ่อสมนึก อาการของคุณพ่อไม่ดีขึ้นเลย เชื้อแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว คุณพะเนินเองก็ไม่ทราบว่าจะช่วยเหลือท่านได้อย่างไร คงต้องปล่อยไปตามยถากรรม
คุณชาตรี สูติวราพันธ์ เป็นกัลยาณมิตร ผู้ที่พยายามชวนคุณพะเนินไปวัดพระธรรมกายตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๐ และคุณพะเนินเคยซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่านได้เห็นภาพมหาธรรมกายเจดีย์ และพระมหาสิริราชธาตุด้านหลังปก พอเห็นพระมหาสิริราชธาตุรู้สึกสะดุดตามาก แต่ก็ยังไม่ได้ไปวัดทั้งๆ ที่คุณชาตรีเฝ้าแวะเวียนถามชวนไปวัดตลอดเพราะเห็นว่าบ้านใกล้กัน คุณพะเนินพยายามบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา เพราะตอนนั้นเริ่มมีกระแสข่าวโจมตีวัดพระธรรมกาย แต่คุณชาตรีก็ไม่ได้ท้อแท้ต่อการชักชวนคนไปทำความดี เขาแวะทักทายคุณพะเนินบ่อยๆ เข้า จนในที่สุดคุณพะเนินได้ตัดสินใจไปวัดพระธรรมกายเป็นครั้งแรกในงานบุญบูชาข้าวพระอาทิตย์ต้นเดือน
ภาพคุณพะเนินสมัยที่ยังติดเหล้าและติดการพนันอย่างงอมแงม |
พอมาถึงวัด คุณพะเนินบอกว่ารู้สึกตื่นตาตื่นใจที่มองเห็นผู้คนมากมายสวมชุดสีขาว มีแต่รอยยิ้มให้กันดุจดังญาติพี่น้อง และการนำนั่งสมาธิของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ท่านดูแล้วน่าเลื่อมใสยิ่งนัก น้ำเสียงที่ฟังนุ่มนวลเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา ฟังแล้วชื่นใจ ทำให้เขารู้สึกปีติมาก
ก่อนจะมาวัดคุณพะเนินติดเหล้าติดการพนันงอมแงม เขาแทบไม่อยากไปไหนเวลาที่มีใครมาชวนไม่ว่าจะเป็นที่ใด เพราะเขาติดการพนัน ติดเหล้า เขาใช้เวลากับสิ่งนี้ไปอย่างไม่รู้ตัวว่าเวลาของตัวเองสูญเสียไปอย่างไร้ค่า บางครั้งเวลาป่วยหนัก คุณหมอบอกให้งดเหล้าแต่เขายังแอบดื่มเหล้า เป็นอย่างนี้มา ๒๐ กว่าปี
แต่พอเริ่มเข้าวัดพระธรรมกาย เริ่มนั่งสมาธิจึงคิดไปว่าเราน่าจะนั่งสมาธิอย่างจริงจังสักครั้ง ไหนๆ ก็เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้เพศบริสุทธิ์ที่สามารถประพฤติปฏิบัติธรรมได้โดยสะดวก พอจิตใจเริ่มละเอียดก็เกิดปัญญาว่าสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตของเขานั้นมีแต่บาปอกุศล เมื่อมาวัดพระธรรมกายเข้าอาทิตย์ที่ ๓ เขาตัดสินใจหยุดเหล้า และตระหนักว่าการดื่มเหล้าเป็นสิ่งที่ผิดศีล ๕ สุราเมระยะ...ที่ดังก้องหูเวลาที่อาราธนาศีล และเขาก็ทำได้สำเร็จ เขาสามารถตัดเหล้าได้และตระหนักถึงผลของอกุศลดังกล่าว เริ่มคิดถึงพี่สาวและน้องชายที่ติดเหล้าพอๆ กัน จึงชักชวนพี่สาวและน้องชายมาเข้าวัดด้วย และเมื่อเขาเข้าใจเริ่มประพฤติปฏิบัติธรรม จึงเลิกเหล้าได้ในเวลาต่อมา
ช่วงระหว่างที่คุณพ่อสมนึกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น คุณชาตรีได้มาชวนคุณพะเนินไปร่วมบวชอุบาสกแก้วในเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๔๒ เขาอยากไปมาก แต่ภรรยาซึ่งเป็นห่วงอาการคุณพ่ออยากให้เขาอยู่ดูแลท่านด้วยกัน เขาได้พูดกับภรรยาว่า “ถึงพี่อยู่ก็ช่วยอะไรท่านไม่ได้หรอกนะ พี่ไม่ใช่หมอ ให้พี่ไปร่วมงานบวชอุบาสกแก้วจะได้นำบุญมาช่วยคุณพ่อได้” คุณดวงจิตนั้นเป็นคนที่ไม่เคยขัดศรัทธาในบุญ ถึงแม้เธอจะยังไม่เคยเข้าวัดพระธรรมกายในตอนนั้น และกระแสข่าวที่โจมตีวัดยิ่งแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอก็นิ่งเฉยไม่ไหลไปตามกระแสสื่อ คุณพะเนินก็ได้สร้างพระธรรมกายประจำตัวด้วย เธอก็ไม่เคยพูดให้เสื่อมศรัทธาเลย
พี่สาวคุณพะเนินที่สามารถเลิกเหล้าได้ด้วยการปฏิบัติธรรม | |||
คุณพ่อมีอาการแย่ลงเรื่อยๆ คุณหมอบอกว่าไม่มีทางรักษาให้หายได้แล้ว ทางเลือกสุดท้ายของคุณพะเนินก็คือหวังพึ่งอานุภาพบุญ อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุเพราะทราบว่าเคยมีหลายคนทำน้ำมนต์ให้คนป่วยดื่มหรือทาแล้ว หายอย่างเป็นอัศจรรย์ เขาคิดว่าเป็นหนทางสุดท้ายที่จะช่วยพ่อตาได้ เพราะเขาก็ศรัทธาในคุณของพระรัตนตรัยอยู่แล้ว จึงคิดว่าน่าจะลองดู
ก่อนออกเดินทางมาร่วมงานบวชอุบาสกแก้ว ในคืนนั้นคุณพะเนินสวดมนต์ทำวัตรเย็น สวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุ ๓ จบ และนั่งสมาธิตามที่ได้รับการถ่ายทอดจากครูบาอาจารย์ เขานั่งจรดใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย จนใจเริ่มนิ่งประมาณครึ่งชั่วโมง ตอนนั้นเขายังไม่ได้รับพระของขวัญ จึงขอยืมพระมหาสิริราชธาตุจากคุณชาตรีมาแช่ไว้ในน้ำ อธิษฐานจิตขอให้อานุภาพของสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงช่วยดลบันดาลให้คุณพ่อสมนึกหายจากโรคร้ายนี้ด้วย จากนั้นบอกให้ภรรยานำน้ำมนต์แอบไปให้คุณพ่อดื่ม และทาตามแผลที่บวมและเน่า อย่าให้คุณหมอเห็นเพราะเขาไม่ให้บาดแผลคนไข้ถูกน้ำ
วันรุ่งขึ้นคุณพะเนินเดินทางมาวัดพร้อมกับคณะของคุณชาตรีซึ่งเป็นผู้นำรถ มุ่งหน้าสู่วัดพระธรรมกาย เพื่อไปร่วมงานบวชอุบาสกแก้ว เขาตั้งจิตอธิษฐานขอบุญกุศลที่ได้มาร่วมงานบวชอุบาสกแก้วในครั้งนี้ช่วยให้คุณพ่อสมนึกรอดตายด้วย ถ้าหากท่านหายเป็นอัศจรรย์จะได้เชื่อมั่นในพระรัตนตรัยมากยิ่งขึ้น และมั่นใจว่าสิ่งที่ปฏิบัติอยู่นี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องถูกทางแล้ว
ห้องผ่าตัดที่ช่วยชีวิตคุณพ่อสมนึก
ให้กลับมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง |
คุณพะเนินกลับจากวัดด้วยหวังที่จะนำบุญที่เปี่ยมล้นมาฝากทุกคน ถึงโรงพยาบาลราว ๘ โมงเช้า คุณดวงจิตรีบบอกเขาอย่างตื่นเต้นว่า “ในวันที่พี่ให้น้ำมนต์มาก็รีบไปให้พ่อดื่ม และทาตามแผลที่พุพอง พอทาเสร็จท่านไม่ร้องเจ็บปวดทรมานเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา เนี่ย! พอเช้านี้ดูซิแผลยุบหมดเลย” คุณพะเนินมองดูที่แผลของคุณพ่อด้วยความแปลกใจที่หายทันตาเห็นจริงๆ ทำให้เขามั่นใจว่าอานุภาพบุญมีจริง และเชื่อมั่นในคุณพระรัตนตรัยยิ่งขึ้น
ด้วยอานุภาพแห่งบุญ จึงทำให้คุณพ่อสมนึก
กลับมามีชีวิตอยู่กับครอบครัวได้อีกครั้ง |
เวลา ๙ โมงเช้าคุณหมอเข้ามาดูอาการคนป่วย พอเห็นแผลถึงกับเกาศีรษะด้วยความงุนงงว่าเป็นไปได้อย่างไร ที่แผลจะยุบได้ขนาดนี้ และไม่ลุกลามต่อ เพราะตอนแรกหมอวินิจฉัยแล้วว่าแผลเน่าลามไปทั่ว ถึงผ่าตัดไปแล้วก็คงสิ้นเปลือง คนไข้ไม่มีท่าว่าจะรอด โรคนี้เป็นโรคที่ใครเป็นแล้วไม่มีทางรอดได้ พอคุณหมอเห็นแผลยุบ จึงรีบบอกคุณพะเนินและภรรยาว่าหมอจะผ่าตัดให้ เพราะยังพอมีความหวังว่าคนไข้อาจรอดได้
คุณหมอได้ทำการผ่าตัดบริเวณโคนขาข้างซ้ายทิ้งไปเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อที่จะลุกลามไปยังอวัยวะส่วนสำคัญอื่นๆ พอผ่าตัดเรียบร้อย คุณพ่อได้นอนพักรักษาตัว ในช่วงเวลานั้นท่านบ่นปวดแผลที่ผ่าตัดมาก คุณพะเนินจึงทำน้ำมนต์ให้ท่านดื่ม หลังจากดื่มก็อาการปวดก็ทุเลา เขาทำน้ำมนต์พระมหาสิริราชธาตุได้ ๓ ครั้งติดกันในช่วงที่คุณพ่อบ่นปวดแผล หลังจากนั้นก็ไม่บ่นว่าปวดแผลอีกเลย
ปัจจุบันคุณพ่อสมนึกกลับมาอยู่ที่บ้าน สุขภาพดีขึ้นจนเป็นปกติ คุณพ่อสมนึกรอดตายในครั้งนี้ คุณดวงจิตจึงเกิดศรัทธาอย่างแรงกล้า ซาบซึ้งในคุณของพระรัตนตรัย เธอได้เดินทางไปร่วมงานบุญที่วัดพระธรรมกายพร้อมกับสามีทุกๆ อาทิตย์ และทุกวันเวลาทุ่มครึ่ง ทั้งสองสามีภรรยาก็จะพากันไปสวดมนต์ที่บ้านคุณชาตรีที่เปิดเป็นบ้านกัลยาณมิตรต้อนรับผู้มีบุญด้วยความอบอุ่นประดุจญาติมิตร ทุกคนจะมาพร้อมกัน และร่วมใจกันสวดมนต์ทำวัตรเย็น สวดบทสวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุ และนั่งสมาธิทำใจให้สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส เพื่อให้บุญที่พวกเขาได้ประกอบไว้ดีแล้วนี้หล่อเลี้ยงรักษาให้มีแต่ความสุขความเจริญในชีวิตยิ่งๆ ขึ้นไป