"จากคนไทยที่รักชาติศาสน์กษัตริย์"

วันที่ 04 กพ. พ.ศ.2559

 

 

"จากคนไทยที่รักชาติศาสน์กษัตริย์"

              ( ผมได้ติดต่อญาติต่างจังหวัดคนหนึ่ง ขอให้เขาช่วยชักชวนชาวพุทธเราลงชื่อในเอกสาร ข.ก.๑ ผ่านไปครึ่งเดือนจึงถามเขาว่าได้มากหรือยัง เขากลับตอบผมว่า พระปฏิบัติรูปหนึ่งบอกเขาว่า ไม่ต้องไปทุกข์ใจให้เชื่อพระพุทธเจ้า ท่านตรัสไว้แล้วว่า พระศาสนาจะอยู่ถึง ๕ พันปี ก็ต้องเป็นไปตามนั้น ไม่มีใครทำอะไรได้ เฮ้อ...) กรรมของสัตว์โลก ผมรู้สึกสังเวชพระรูปนั้น ใจจึงแว๊บไปนึกถึงเรื่องกษัตริย์ ๒ แคว้นจะรบกัน อยู่ในคัมภีร์หรือ หนังสืออะไรก็จำไม่ได้ เพราะอ่านนานมาแล้ว แต่จำความตามเนื้อเรื่องได้ดังนี้
     
            เมื่อกษัตริย์ ๒ แคว้นจะรบกันกษัตริย์แคว้นหนึ่งจึงไปถามพระฤาษีว่า ใครจะเป็นฝ่ายชนะ ...พระฤาษีจึงไปถามพระอินทร์ พระอินทร์ตอบว่า กษัตริย์ที่ไปถาม พระฤาษีจะเป็นฝ่ายชนะ กษัตริย์ อีกแคว้นจะพ่ายแพ้ กษัตริย์ที่ไปถามพระฤาษี พอรู้ว่าจะเป็นฝ่ายชนะจึงฉลองกันใหญ่ไม่ได้เตรียมการฝึกทหารเลย  ส่วนกษัตริย์อีกแคว้นพอทราบว่าฝ่ายตนจะพ่ายแพ้ จึงทำการฝึกทหารอย่างจริงจัง ถ้าจะแพ้ขอให้แพ้อย่างสมศักดิ์ศรีของชายชาติทหาร 

             เมื่อถึงเวลารบจริง ปรากฎว่า กษัตริย์ที่ว่าจะเป็นผู้ชนะ กลับเป็นฝ่ายพ่าย แพ้อย่างยับเยิน จึงไปต่อว่าพระฤาษีว่า ไหนท่านบอกว่าข้าพเจ้าจะเป็นฝ่ายชนะไง ทำไมข้าพเจ้าถึงได้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างนี้ล่ะ พระฤาษีรู้สึกเสียหน้า จึงเหาะไปต่อว่า พระอินทร์ พระอินทร์จึงบอกพระฤาษีว่า 

"อันความเพียรพยายามของมนุษย์นั้น แม้เทพเจ้าอย่าง ข้าพเจ้าก็กีดกันไม่ได้"

         " พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วว่า "อตฺตา  หิ  อตฺตโนนาโถ  ตนแลเป็นที่พึ่งของตน  โก  หินาโถ  ปโร  สิยา คนอื่นใครเล่าเป็นที่พึ่งได้ "

เพื่อความเข้าใจง่าย ขออธิบายดังนี้
       

กิจคือสิ่งที่พึงกระทำมี ๒ ประเภท คือ
            ๑. กิจภายใน ได้แก่ การละความชั่ว การทำความดี และการทำใจให้บริสุทธิ์   กิจข้อนี้ เหมือนการขับถ่ายอุจจาระปัสสาวะ และการรับประทานอาหาร ทุกคนต้องทำเองจะให้คนอื่นทำแทนไม่ได้
     
            ๒. กิจภายนอกได้แก่ ภารกิจต่างๆ ตนเองหรือให้คนอื่นช่วยทำก็ได้ กิจภายนอก คือ เรื่องที่ขอให้คนอื่น ช่วยทำให้ ถ้าเราทำได้แต่ไม่ทำ ก็ยากที่คนอื่นเขาจะช่วย เว้นแต่เราทำคนเดียวไม่ไหว หรือเราไม่มีความสามารถในเรื่องนั้นเลย 

             คนอื่นเขาเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่ถูกต้อง เขาจึงยินดีช่วย ดังนั้น ก่อนขอรับความช่วยเหลือจากใครเราต้องพึ่งตนช่วยตนเอง ทำด้วยตนเองให้เต็มที่ก่อนถ้ายังไม่สำเร็จ หรือทำต่อไม่ได้ จึงค่อยขอความช่วยเหลือจากคนอื่น บางที ที่ว่ายากนักหนา เมื่อเพียรทำ ยากก็กลายเป็นง่าย สบายไป
    
           การที่พระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ถึง ๕ พันปีนั้น พระพุทธองค์ตรัสไว้ที่ไหนว่า พระพุทธศาสนาในประเทศไทยจะดำรงอยู่ถึง ๕ พันปี ไม่ใช่ว่า ชาวพุทธเราไม่ต้องทำอะไร อยู่เฉย ๆ แล้วพระศาสนาจะดำรงคงอยู่ถึง ๕ พันปี ถ้า เช่นนั้น ทำไม อาฟกานิสถาน เตอรกีสถานและอินโดนีเซียซึ่งเป็นแผ่นดินพุทธทั้งนั้น แต่เดี๋ยวนี้เป็นแผ่นดินมุสลิมหมด แม้กระทั่งอินเดียเป็นแผ่นดินกำเนิดพระพุทธศาสนาแท้ ๆ ทำไมเหลือชาวพุทธนิดเดียว   

            ฉะนั้น พระพุทธศาสนาในไทยจะดำรงคงอยู่ถึง ๕ พันปีหรือไม่  อยู่ที่ชาวพุทธเรา ได้เพียรศึกษาพระปริยัติ และปฏิบัติด้วยการให้ทาน รักษาศีลเจริญสมาธิเป็นประจำไหม ถ้าพุทธบริษัท ๔ (เดี๋ยวนี้ ภิกษุณีฝ่ายเถรวาทสูญไปแล้ว) ยังคงปฏิบัติตามพุทธปณิธานในมหาปรินิพพานสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ พระพุทธศาสนาก็จะดำรงอยูถึง ๕ พันปี แต่ถ้าสักแต่ว่าเป็นพุทธตามสำมะโนครัว พระศาสนาก็คงหมดสิ้นในไม่ช้า โบราณจึงว่าเมื่อเข้าป่าถ้ากลัวเสือให้เสกคาถาป้องกันเสือไว้ เมื่อเจอเสือให้รีบปีนต้นไม้ช่วยคาถาด้วย คาถาจึงจะขลัง หมายถึงเราต้องพึ่งตนเอง ช่วยตนเองก่อน แล้วผู้อื่นเขาเห็นเรามีความจำเป็นจริงเขาจึงยินดีช่วยเรา
     
           ถ้าชาวพุทธเรามัวแต่เสพสุขที่บรรพบุรุษได้ช่วยกันรักษาชาติ และพระศาสนามาดี มัวประมาทขาดสติ พากันอยู่เฉย ๆ ไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวต่อภัยของพระศาสนาถ้าอย่างนี้ก็จบเห่ เตรียมตัวตกทะเลได้เลยครับ... เมื่อเราไม่พึ่งตนเองไม่ช่วยตนเองก่อน แล้ว พระอินทร์พระพรหมที่ไหนก็ช่วยไม่ได้

 

 

 

ปล.( บุญเลิศ )

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.043016763528188 Mins