ฝรั่งและผัก..งอกฉับพลันกะทันหัน

วันที่ 22 กย. พ.ศ.2559

ฝรั่งและผัก..งอกฉับพลันกะทันหัน,พระมงคลเทพมุนี(สด จนฺทสโร),บทความประจำวัน

 

ฝรั่งและผัก..งอกฉับพลันกะทันหัน

เรื่องนี้  พระทนุ  ชยารักโข  ปัจจุบันอายุ 70 ปี  เล่าว่า..ท่านได้ฟังเรื่องนี้มาจากเจ้าของเรื่องโดยตรง  ตั้งแต่สมัยที่ท่านยังเป็นหนุ่ม อายุประมาณ 30 ปี  ช่วงนั้นท่านไปทำบุญที่วัดปากน้ำอยู่เป็นประจำเนื่องจากโยมแม่แท้ ๆ คือ  โยมแม่กิมซุ้ย  แซ่ลี้   ไปบวชเป็นแม่ชีอยู่ที่นั่น  และช่วยรับบุญขายพวงมาลัยให้สาธุชนนำไปบูชาหลวงปู่ และด้วยความที่ท่านไปวัดปากน้ำบ่อย ๆ นี่เอง  ก็ได้ไปเจอกับป้าคนหนึ่ง  ซึ่งท่านไปวัดทำบุญกับวัดปากน้ำยาวนานกว่า  30  ปี  ซึ่งป้าคนนี้..เป็นหญิงชาวจีนหน้าตาใจดี  อายุได้ 82 ปี  ตอนนั้นเข้ามาจับมือท่าน..แล้วพูดกับท่านว่า “ลูก ๆ ให้หมั่นมาไหว้หลวงพ่อวัดปากน้ำบ่อย ๆ นะ..ท่านศักดิ์สิทธิ์มากนะ”
 
ป้าคนนี้เล่าให้ท่านและโยมแม่ฟังพร้อมกันว่า  ก่อนหน้านั้น..แกก็ไม่รู้หรอกว่าหลวงปู่วัดปากน้ำศักดิ์สิทธิ์  ทั้ง ๆ ที่ป้าชอบพายเรือมาทำบุญที่วัดปากน้ำอยู่เป็นประจำ  จนกระทั่งในปี พ.ศ.2480 ป้ามีเรื่องกลุ้มอกกลุ้มใจ  มากราบเรียนหลวงปู่ว่า  “หลวงปู่คะ..อยู่ ๆ เจ้าของที่ดินที่เช่าทำสวนอยู่  เขาจะขอที่คืน  ลูกกลุ้มใจ..เพราะตอนนี้ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนแล้วค่ะ”
 
หลวงปู่ท่านก็ตอบว่า  “เออ!! เอ็งไม่ต้องกลุ้มใจหรอก  อย่างเอ็งน่ะ..มันมีที่อยู่อยู่แล้ว”  ป้าคนนี้ก็พูดตอบหลวงปู่ว่า  “หลวงพ่อ..อย่าพูดเล่นเลยเจ้าค่ะ  ลูกกลุ้มใจจะตายอยู่แล้ว”
 
จากนั้นป้าก็พายเรือกลับบ้านด้วยอาการเฉาชีวิตแบบสุด ๆ แต่พอไปถึงบ้านเท่านั้นเอง  ก็ต้องพบกับความประหลาดใจ  เพราะอยู่ ๆ ก็มีคนแปลกหน้ามาดักรออยู่ที่บ้าน  เพื่อจะเอาที่ดินมาขายให้จำนวน 4 ไร่เศษ  อยู่แถวถนนสวนผัก  เขตบางขุนนนท์  ซึ่งก็ทำให้ป้าดีใจมาก เพราะจะมีที่อยู่ใหม่แล้ว แต่เรื่องมันไม่จบลงง่ายอย่างนั้นหรอก เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวป้ามีเงินอยู่แค่  3,000 กว่าบาทเท่านั้น  ยังขาดอยู่ประมาณ 9,000 บาท  ถึงจะซื้อที่ดินแปลงนี้ได้
 
และด้วยความที่ป้าแกคุ้นเคยกับหลวงปู่  แกก็เลยหอบความหวังอย่างเปี่ยมล้นมุ่งตรงไปวัดปากน้ำ  เพื่อไปขอยืมเงินหลวงปู่  ซึ่งหลวงปู่ก็ตอบว่า “อาตมาจะไปเอาเงินมาจากไหน..”
 
พอได้ฟังหลวงปู่พูดอย่างนี้..ป้าแกก็เลยเข้าใจไปว่าหลวงปู่ไม่ยอมช่วย  ก็เลยรู้สึกไม่ค่อยพอใจรีบเดินกลับไปยังท่าเรือ  เพื่อพายเรือกลับบ้าน  และขณะที่แกกำลังเดินไปที่ท่าเรือนั้นเอง  หลวงปู่ท่านก็พูดขึ้นมาดัง ๆ ว่า “ฝรั่งที่บ้าน  เอ็งก็เอาน้ำไปรดเข้าสิ  จะได้เก็บมาขาย  มีเงินพอซื้อที่ดิน”
 
แต่ป้าแกไม่เชื่อหลวงปู่  เพราะตอนนั้นแกรู้สึกแต่ว่า  หลวงปู่ไม่ยอมช่วย  ดังนั้นตอนพายเรือกลับบ้าน  ป้าก็คิดไปตลอดทางว่า “ในเมื่อหลวงปู่เป็นที่พึ่งให้ไม่ได้..ก็ต้องพึ่งตัวเอง” และด้วยความไม่พอใจนี้เอง  พอกลับมาถึงบ้าน  แทนที่จะเอาน้ำไปรดต้นฝรั่งทั้งหมดอย่างที่หลวงปู่บอก แกก็เอาน้ำไปรดต้นฝรั่งแค่ 6 ต้น เท่านั้น  ทั้ง ๆ ที่สวนฝรั่งของป้าแกมีพื้นที่มากถึง 5 ไร่เศษ
 
และพอรดน้ำเสร็จ  แกก็ไม่สนใจไยดีอะไรทั้งนั้น  แต่พอรุ่งเช้าเท่านั้นเอง!!!  ก็มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น  คือ  ต้นฝรั่ง 6 ต้น  ที่เมื่อวานป้าแกรดน้ำเอาไว้  มันเกิดเป็นอะไรไปไม่รู้  คือ  อะเลิร์ตออกลูกเต็มต้นไปหมด  อีกทั้งแต่ละลูกยังใหญ่กว่าฝรั่งปกติ  และยังมีสีเขียวอ่อนดูหวานกรอบน่ากินมาก  ซึ่งเมื่อป้าแกเห็นดังนั้น  ก็ดีอกดีใจ  รีบตะโกนเรียกลูกชายและสามีให้มาช่วยกันเก็บไปขายที่ตลาด  ส่วนป้าแกก็รีบจัดแจงเอาน้ำมารดต้นฝรั่งต่อจนหมดทั้งสวน  แต่คราวนี้รดใหญ่เลย
 
และพอรดเสร็จวันรุ่งขึ้น..ฝรั่งทุกต้นมันพร้อมใจกันออกลูกแบบพึ่บพั่บ  จนมองไปทางไหนก็มีแต่ฝรั่งลูกอ้วน ๆ โต ๆ เต็มไปหมดสุดลูกหูลูกตาทั้งพื้นที่ 5 ไร่เศษ  จนเก็บไปขายกันไม่ทัน  คือ  ทุกคนในครอบครัว  ต้องช่วยกันเดินแบกเข่งฝรั่งลงเรือเพื่อเอาไปขายหลายรอบมาก คือ  เดินเก็บ..เดินแบกกันจนเท้าบวม  ซึ่งตรงนี้..เป็นเรื่องอัศจรรย์มาก ๆ ว่าเป็นไปได้อย่างไร   ที่ปุ๋ยก็ไม่ได้ใส่  ยาเร่งผลก็ไม่ได้ฉีด  ดินก็ไม่ได้พรวน  เวลาก็ไม่ต้องรอ แถมไม่ต้องตัดต่อพันธุกรรม หรือใช้เทคโนโลยีนาโนอะไรทั้งนั้น  แต่ฝรั่งกลับออกเอา ๆ
 
และที่น่าทึ่งมากไปกว่านั้นก็คือ  พอนำฝรั่งไปขายที่ปากคลองตลาด  เข่งฝรั่งยังไม่ทันวางเลย  คนก็แย่งกันมารุมซื้อ  ขายดิบขายดีเป็น
 
เทน้ำเทท่า  และภายในไม่กี่วัน  ป้าแกก็มีเงินซื้อที่ดินแปลงใหม่ได้  แถมยังมีเงินเหลืออีก 3,000 กว่าบาทเป็นอัศจรรย์..
 

 

 

แต่หลังจากที่ป้าแกซื้อที่ดินแล้ว  ปัญหาใหม่ก็ตามมาอีก  คือ   มีแต่ที่ดินเปล่า  แต่ไม่มีบ้านจะอยู่ ป้าแกก็เลยต้องการปลูกบ้าน  แต่เงินที่เหลืออยู่ไม่พอปลูก  ด้วยเหตุนี้..ป้าจึงรีบกลับไปหาหลวงปู่ใหม่ ซึ่งคราวนี้หลวงปู่บอกว่า “ผักหลังบ้านเอ็ง..เอาน้ำไปรดเข้าสิ   แล้วก็เก็บไปขาย  จะได้มีเงินพอปลูกบ้าน
 
ซึ่งป้าแกคิดในใจว่า “ผักหลังบ้าน..มันตายจะหมดอยู่แล้ว เพราะร้อยวันพันปีก็ไม่เคยดูแลมัน” แต่ครั้งนี้..ป้าแกไม่เอ๊ะอ๊ะ.. อิดออด หรือรอช้าเหมือนครั้งก่อน แต่กลับอะเลิร์ตกระวีกระวาดรีบกลับไปรดน้ำผักกาดขาวหลังบ้าน
 
ทันทีที่ป้าแกรดน้ำลงไปเท่านั้นเอง..ก็ต้องตกใจแบบสุดขีดเพราะจู่ ๆ พอรดน้ำลงไป..ผักมันงอกขึ้นมาแบบฉับพลันกะทันหัน แถมยังแย่งกันชูใบขยายใหญ่อย่างกับผีหลอกกลางวันแสก ๆ คือ  หัวผักกาดมันโผล่ขึ้นมาทั้งหัวเลย   จนป้าแกรีบตะโกนเรียกสามีเสียงหลงว่า.. “ เตี่ยตี๋ ๆ มึงมาดู..มึงมาดู..ผีมันหลอกกู กูไม่กล้าดูแล้ว มึงออกมาดูให้กูหน่อย”
 
ซึ่งขณะที่ตะโกน..ก็เหมือนยิ่งตะโกนยิ่งยุ  คือ  ผักมันงอก..ผุดกันพึ่บพั่บแน่นแปลงไปหมดเลย  และในที่สุดป้าและครอบครัวก็ช่วยกันเก็บผักไปขาย  จนมีเงินมากพอสำหรับปลูกบ้านราคา  8,000  บาท  (ราคาเมื่อ 75 ปีที่แล้ว)  ได้สำเร็จแป็นอัศจรรย์จริง ๆ ...
 
 
 
Cr. ร. ลิ่วเฉลิมวงศ์  สำนักสื่อธรรมะ

 

 

 

 

 

 
 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.019297448794047 Mins