หลวงพ่อสอนอะไร(ตอนที่ ๖๐)
ให้ยาให้ถูกคน
ในองค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นของรัฐหรือเอกชนก็ตาม จะต้องมีฝ่ายบุคคลเพื่อรวบรวมข้อมูลของบุคลากร ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยงานที่สำคัญหน่วยงานหนึ่ง
ช่วงที่อาตมาได้รับหน้าที่ให้ดูแลสามเณรนั้น นอกจากจะเป็นฝ่ายบุคคลที่ต้องคอยรวบรวม ทำประวัติของสามเณรแล้ว ยังเป็นฝ่ายปกครองด้วย
จากประสบการณ์สมัยที่เรียนมัธยม สิ่งที่เห็นคือ อาจารย์ฝ่ายปกครองมักจะดุ และไม่ค่อยมีอารมณ์ขัน ดังนั้นเมื่อต้องทำหน้าที่ตรงนี้ ก็เลยพยายามทำแบบอาจารย์ฝ่ายปกครอง คือ พยายามเก็กดุไว้ก่อน จนกระทั่งเมื่อหลวงพี่สุรพลมอบหมายให้ไปกราบถวายรายงานหลวงพ่อทัตตชีโว จึงค่อย ๆ เรียนรู้วิธีการทำงานมากขึ้น
หลวงพ่อได้เมตตาให้หลักในการทำงานไว้ว่า
“ การเป็นฝ่ายปกครอง ไม่จำเป็นจะต้องดุเสมอไป ตรงกันข้าม ฝ่ายปกครองควรจะเข้าถึงสามเณร และต้องมีศิลปะในการพูด หรือพูดง่าย ๆ ต้องให้ยาเป็น ”
“ อย่างไรหรือครับหลวงพ่อ ” อาตมาถามท่านด้วยความสงสัย
“ เอ็งต้องฝึกสังเกตนะ ดูว่าเณรแต่ละองค์ไม่เหมือนกัน ทั้งคำพูด ทั้งกริยาท่าทาง เอ็งดูประวัติของเณรก็น่าจะพอดูออกว่า คนไหนมีพื้นฐานทางบ้านเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น จะเอาวิธีการเดียวกัน มาใช้กับทุกรูปไม่ได้ บางรูปมันนุ่มนวล เรียบร้อย เอ็งไปดุมัน มันก็จะไม่เข้ามาหา ไม่เข้ามาใกล้ ในขณะเดียวกัน องค์ไหนมันดื้อ แล้วเอ็งไปใช้วิธีนุ่มนวลเกินไป มันก็จะไม่เกรง เพราะฉะนั้นต้องดูให้ดี พุทธองค์จึงบอกไว้ไงว่า ยกย่องผู้ที่ควรยกย่อง ข่มผู้ที่ควรข่ม ”
แล้วหลวงพ่อก็เมตตายกตัวอย่างให้ฟังว่า แม้แต่คนใกล้ตัวที่หลวงพ่อใช้งานอยู่ ก็ต้องให้ยาแตกต่างกันออกไป โดยดูจากลักษณะนิสัยใจคอนี่แหละ
“ บางคนชอบคำพูดที่นุ่มนวล ไปดุ ไปว่ามาก จะถอดใจ หลวงพ่อก็ต้องหาวิธีให้กำลังใจ เช่น อยากให้เขาเรียนให้จบปริญญาตรี ก็ต้องเชียร์พูดให้คิด ไอ้หนูเอ้ย ที่บ้านของเอ็ง ก็ไม่มีใครจบปริญญาเลย เขาก็หวังว่าเอ็งมาอยู่วัดกับหลวงพ่อ จะได้เรียนหนังสือหนังหา ไปเอาปริญญามาให้หลวงพ่อ ให้คนที่บ้านเอ็ง ชื่นใจหน่อยไป๊ จะได้เป็นเกียรติเป็นศรีให้กับวงศ์ตระกูล แล้วมันก็เอาปริญญามาฝากหลวงพ่อได้จริง ๆ ”
หลวงพ่อเล่าไปท่านก็อมยิ้มไป แล้วเล่าต่อไปอีกว่า
“ แต่บางคนใช้วิธีนี้ไม่ได้ เพราะชอบท้าทาย หลวงพ่อก็ต้องใช้วิธี เออ อีหนูเอ้ย หลวงพ่อว่า อย่างเอ็งนี่นะ จะมีปัญญาเรียนจบปริญญาหรือวะ เรียนไงก็ท่าจะจบยาก ”
“ แล้วผลเป็นไงครับหลวงพ่อ ”
หลวงพ่อท่านหัวเราะแล้วตอบว่า
“ มันก็เกิดแรงฮึดสิ คอยดูนะ หนูจะไปเอาปริญญามาให้ได้ แล้วมันก็ไปทำ จบเร็วด้วย แถมวันที่มันจบ เอาปริญญามาอวดหลวงพ่อ บอกว่าได้เกียรตินิยมด้วย ”
จากหลักที่หลวงพ่อให้ไว้ในครั้งนั้นโดยสรุปก็คือว่า ต้องดูคนให้เป็นและหาวิธีการในการจัดการกับแต่ละคนด้วยวิธีที่แตกต่างกันออกไป ทำให้อาตมานำมาใช้ในการดูแลหมู่คณะมาจนถึงทุกวันนี้
ขอขอบคุณบทความดี ๆ จาก
อาสภกันโต ภิกขุ
๒๑ ก.ย. ๕๙
anacaricamuni.blogspot.ae