หลวงพ่อสอนอะไร (ตอนที่ ๘๒)
อยู่ได้เพราะครูดี
อาตมาเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพื่อไปร่วมงานทอดกฐินสามัคคีในหลาย ๆ วัด นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นชาวเอเชียและชาวต่างชาติมาพร้อมหน้าพร้อมตากันสร้างความดีโดยการทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา โดยไม่มีการแบ่งแยก ไม่มีความแตกต่างแต่อย่างใด
นอกจากจะไปร่วมงานทอดกฐินสามัคคีแล้ว หลายแห่งก็ได้จัดพิธีมุทิตาสักการะพระมหาเถระ พระเถระ เพื่อเป็นการให้กำลังใจและอนุโมทนากัน
อาตมาเอง ปีนี้ก็ต้องมาทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง เพราะครบ ๓๐ พรรษาแล้ว ทั้งถูกญาติโยม และพระน้อง ๆ สอบถามว่า ทำไมจึงอดทนอยู่มาได้จนถึงวันนี้
เจอคำถามนี้เข้า อาตมาได้แต่อมยิ้มแล้วตอบว่า ไม่เคยรู้สึกว่าต้องอดทนเลย เพราะที่ผ่านมาอยู่ด้วยความสุข จนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน
สิ่งสำคัญที่ทำให้อยู่อย่างมีความสุขในวันนี้ ชัดเจนว่า คือ อาตมาได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี หรือที่เรียกว่าสัปปายะ ซึ่งประกอบด้วย อาวาส อาหาร บุคคลและธรรมะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องบุคคลนั้น ต้องยกความดีทั้งหมดให้กับยอดครูของอาตมา คือ หลวงพ่อทั้งสอง
“ ทรงผมของพระภิกษุ คือ ทรงผมสุดท้ายสำหรับผู้มีบุญ ทรงอื่น ๆ ต้องตกแต่ง ต้องดูแล รักษา ต้องคอยเปลี่ยนทรงอยู่เสมอ เพราะมันยังไม่เสร็จ แต่สำหรับพระแล้ว นั่นคือ ทรงที่ไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว อีกทั้งจีวร ก็เป็นผ้าชุดสุดท้าย ของผู้แสวงหาทางพ้นทุกข์ เมื่อชายใดได้นุ่งห่มผ้าสีนี้ จะสลัดทุกข์จากทางโลก มุ่งสู่หนทางแห่งพระนิพพาน ”
นั่นคือ โอวาทที่หลวงพ่อธัมมชโย เคยให้กับธรรมทายาทไว้ และอาตมาก็ใช้เป็นข้อเตือนใจตนเองอยู่เสมอ
ส่วนหลวงพ่อทัตตชีโว จะคอยพร่ำสอนให้ปลูกฝังคุณธรรมให้กับตนเอง
“ ขอให้ทำความเข้าใจว่า คุณธรรมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นความเคารพ ความมีวินัย หรือความอดทนก็ตาม มันมีขีดจำกัดของมันอยู่ คุณธรรมทั้งสามนั้น มีโอกาสที่จะเสื่อมได้ แต่หากมีคุณธรรมที่สำคัญคือ ความกตัญญู มารองรับแล้ว จะทำให้คุณธรรมทั้งสามนั้น อยู่ได้อย่างมั่นคง เพราะฉะนั้น ให้ปลูกฝังความกตัญญูให้เข้าไปอยู่ในใจของเราตลอดเวลานะลูกนะ ”
ด้วยคำสอนอันทรงคุณค่าของหลวงพ่อทั้งสองเช่นนี้ จึงทำให้อาตมาสร้างบารมีได้อย่างมีความสุข และมั่นใจว่าเส้นทางนี้คือ เส้นทางที่ดีที่สุด ไม่มีเส้นทางไหนจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว
ขอขอบคุณบทความดี ๆ จาก
อาสภกันโต ภิกขุ
๒๕ พ.ย. ๕๙
anacaricamuni.blogspot.ae