.....ศาสตราจารย์นายแพทย์ชิเงโมริ คิวโทกุ ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์ของญี่ปุ่น หลังจากที่ได้ทำงานและวิจัยเกี่ยวกับโรคจิตสรีระ โรคหืดรุนแรง และการเลี้ยงดูเด็กมาตลอดจนเกษียณอายุ ก็ได้ข้อสรุปจากงานที่ทำมาตลอดชีวิตว่า
" โรคภัยไข้เจ็บหรือความผิดปกติใดๆ ที่เกิดกับเด็กในสมัยปัจจุบันนี้ ตั้งแต่ในกรณีที่รุนแรงเช่น โรคหืดรุนแรง การฆ่าตัวตายของเด็ก การก่อการอาละวาดในครัวเรือน ฯลฯ จนถึงกรณีที่เบาบางลง เช่น การที่เด็กเอาแต่ใจตนเอง การที่เด็กเป็นหวัดเป็นประจำและอื่นๆ ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้มีสาเหตุมาจากการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมของพ่อแม่นั่นเอง"
จากข้อมูลทั้งหมดที่ยกมาให้ดู ก็คงจะไม่ผิดนักหากจะสรุปว่า ผู้ใหญ่ที่สร้างปัญหาในวันนี้คือ เด็กที่มีปัญหาจากการเลี้ยงดูที่ผิดพลาดในอดีต และเช่นกัน ผู้ใหญ่ที่สร้างสรรค์คุณประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศชาติในวันนี้ น่าจะเป็นผู้ที่ได้รับการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนอย่างดีในวัยเด็ก
ฉะนั้นสถาบันครอบครัวจึงเป็นหน่วยของสังคมที่เล็กที่สุด แต่สำคัญที่สุดต่อการกำหนดชะตากรรมของชาติบ้านเมือง ตลอดจนถึงทั้งโลกอีกด้วย
บ้านในอุดมคติเกิดขึ้นได้จริงหรือ ?
คำถามนี้ดูเหมือนจะตอบยาก เพราะปัญหาสังคมไทยเวลานี้ เหมือนคนป่วยด้วยโรคนานาชนิดที่เรื้อรังมานาน จนหาสมุฏฐานของโรคไม่เจอ คงเป็นเรื่องเหลือเชื่อหากจะมียาวิเศษขนานเดียวที่แก้ไขได้ทุกโรค
แต่สำหรับกรณีนี้ต้องบอกว่า ไม่น่าเชื่อแต่ก็เป็นความจริง !!
เพราะความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับทุกสังคมในโลกคือ " ปัญหาทุกปัญหาเริ่มต้นที่บ้าน และสติปัญญาสำหรับแก้ไขปัญหาก็เริ่มต้นที่บ้านเช่นกัน" ดังนั้นบ้านกัลยาณมิตรจึงเป็นสูตรสำเร็จที่แก้ไขปัญหาสังคมได้จริง สรุปเช่นนี้ออกจะเร็วไปหน่อยสำหรับบางท่าน เราลองมาพิจารณาเริ่มต้นจาก ปัญหายาเสพติดของเยาวชนไทย
จากผลงานวิจัยหลายๆ ชิ้น เกี่ยวกับเด็กและเยาวชนที่ติดยาเสพติด ในประเด็นสาเหตุเบื้องต้นที่ทำให้เด็กติดยา สามารถประมวลสรุปได้ว่ามาจากเหตุ ๓ ประการหลักคือ
๑. ติดยาเสพติดเพราะเพื่อนชวนให้เสพ คิดเป็น ๗๓ %
๒. ติดยาเสพติดเพราะครอบครัวแตกแยก คิดเป็น ๒๕ %
๓. ติดยาเสพติดเพราะถูกหลอกให้เสพ คิดเป็น ๒ %
จากเหตุผลทั้งสามประการข้างต้น หากวิเคราะห์กันให้ลึกซึ้งลงไปก็จะพบว่า กรณีการเสพยาเพราะเพื่อนชวน หรือถูกหลอกให้เสพนั้น เป็นผลมาจากเด็กที่มีพื้นฐานจิตใจที่อ่อนแอ เนื่องจากไม่ได้รับการปลูกฝังที่ดีพอมาจากครอบครัว และที่แย่กว่านั้นคือเป็นเด็กขาดความอบอุ่น ไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัว ถึงได้ยอมรับการชักชวนจากเพื่อนให้เสพยาเสพติดได้ง่าย และเสพจนกระทั่งติดและเลิกไม่ได้ในที่สุด
ฉะนั้นประเด็นหลักของสาเหตุการติดยาจึงมาลงเอยที่ " การเลี้ยงดูและบรรยากาศในครอบครัว" ซึ่งมีส่วนอย่างสำคัญยิ่งต่อพฤติกรรมของเด็ก ตั้งแต่ การเลือกคบเพื่อน การเลือกสถานที่ไป รวมทั้งการแยกแยะว่าสิ่งใดดี - ชั่ว ถูกผิด ควรไม่ควรอย่างไร และความยับยั้งชั่งใจไม่ให้ถลำไปในทางที่ผิด
หากพ่อแม่ได้ให้ความอบอุ่นอย่างเพียงพอแก่เด็กๆ ให้การอบรมสั่งสอนที่ดีพอ รวมทั้งได้เห็นตัวอย่างที่ดีๆจากในบ้าน ย่อมจะมีผลให้เด็กมีจิตใจและอารมณ์ที่มั่นคง ตลอดจนสามารถแยกแยะวินิจฉัยได้อย่างถูกต้องจนไม่หลงไปเสพยาเสพติด หรือทำผิดในกรณีอื่นๆ
หากบางท่านเห็นว่า ผู้เขียนออกจะด่วนสรุปเกินไปด้วยข้อมูลเพียงเท่านี้ เราจะไปดูกันต่อ ซึ่งต้องขอย้อนกลับไปกล่าวถึงที่ผู้เขียนได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า สังคมบ้านในอุดมคติ คือรูปแบบของสังคมพุทธไทยในอดีต ที่เราฟื้นฟูมาปรับใช้ใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน สิ่งที่จะถามต่อไปคือ แล้วบรรพบุรุษไทยนำต้นแบบจากไหนมาสร้างเป็นสังคมไทยที่สงบสุขในอดีต
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงชี้ให้เห็นมาตรฐานของสังคมและวิธีการสร้างสังคมให้สงบสุขอย่างชัดเจน เริ่มต้นตั้งแต่ อะไรคือตัวปัญหาที่แท้จริงในสังคม ตัวปัญหานั้นมาจากไหน ?
และสุดท้าย จะเริ่มต้นแก้ไขปัญหาอย่างไร ? และจากจุดไหนก่อน ?
คำตอบ คือ เริ่มต้นจากตัวเราเองก่อน ที่เป็นคนดีมีศีลธรรม จากนั้นจึงนำไปสู่บุคคลแวดล้อมรอบตัวเรา ได้แก่ พระภิกษุสงฆ์ ผู้เป็นครูสอนศีลธรรม บิดามารดาผู้ให้กำเนิด ครูบาอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้ สามีภรรยาและบุตรธิดาที่ต้องเลี้ยงดู มิตรสหายที่เกื้อกูลกัน รวมไปถึงเหล่าบริวาร หรือลูกน้องที่อยู่ในความดูแล ทำหน้าที่ต่อบุคคลเหล่านี้อย่าให้บกพร่อง คือมีความเคารพ มีความกตัญญูกตเวที รู้หน้าที่ของตนที่ควรกระทำต่อบุคคลต่างๆ ถ้าทุกครอบครัวทำได้อย่างนี้ สังคมจึงจะดีขึ้นมาได้
ครอบครัว เป็นสถาบันสังคมขั้นพื้นฐาน เปรียบเสมือนเบ้าหลอมชีวิต จิตวิญญาณของทุกชีวิตในครอบครัว ในปี 2537 องค์การสหประชาชาติได้กำหนด ให้เป็นปีครอบครัวสากล ได้สร้างแรง รุกเร้าให้ทั่วโลก เห็นความสำคัญของครอบครัว สำหรับประเทศไทย คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบนโยบาย และแผนงาน ในการพัฒนาสถาบันครอบครัว เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2540 นับว่าเป็นนิมิตรหมาย อันดียิ่ง
สำหรับการพัฒนาสถาบันครอบครัวไทย เรากำลังก้าวสู่สหัสวรรษใหม่ เป็นสหัสวรรษแห่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี สังคมไทยจะปรับเข้าสู่ยุคแห่งโลกาภิวัฒน์มากขึ้น เป็นสังคมแห่งข้อมูลข่าวสาร สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มีผลกระทบ ต่อสถาบันครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม คือการปลูกฝังศีลธรรมควบคู่กันไปด้วย เริ่มตั้งแต่การทำทาน รักษาศีล และการเจริญภาวนา ซึ่งเป็นหลักธรรมพื้นฐานที่จำเป็นต่อความสุขความสำเร็จในชีวิตทุกชีวิต ให้เป็นทั้งคนเก่งและคนดีจึงจะสมบูรณ์ที่สุด