ธรรมะวันนี้ พลังมวลชน ตอนที่ ๗ คุตติลชาดก (ล.๕๗,น.๔๙๑, มมร.)
๗) ประชาชนทุบตีด้วยก้อนดิน และท่อนไม้นักดีดพิณลูกศิษย์จนตาย เพราะ ตีตนเสมอ
อาจารย์
๗.๑ คุตติลชาดก ว่าด้วย ลูกศิษย์คิดล้างครู (ล.๕๗,น.๔๙๑, มมร.) ความตอนหนึ่งว่า
พระโพธิสัตว์ได้กลับไปบ้าน ในเวลาเช้าพวกชาวเมืองทำมณฑป ที่ใกล้ประตูพระราชวัง
ตกแต่งที่ประทับสำหรับพระราชา พระราชาเสด็จลงจากปราสาท แล้วประทับนั่งกลาง
บัลลังก์ ณ มณฑปที่ประดับประดาแล้ว สตรีตกแต่งแล้วหนึ่งหมื่น และอำมาตย์ พราหมณ์
ชาวแว่นแคว้นเป็นต้น ต่างก็เฝ้าแหนอยู่พร้อมพรั่งชาวนคร ทั้งปวงชุมนุมกันแล้ว ต่างจัดตั้งรถ
ซ้อนรถ เตียงซ้อนเตียงที่สนามหลวง
แม้พระโพธิสัตว์อาบน้ำ ลูบไล้กายแล้ว บริโภคอาหารมีรสเลิศต่างๆ แล้ว ให้ถือพิณไป
นั่งบนอาสนะสำหรับตน.
ท้าวสักกเทวราชมาสถิตอยู่ในอากาศโดยไม่ปรากฏกาย พระโพธิสัตว์เท่านั้นเห็นท้าว
สักกเทวราช.
ฝ่ายมุสิละมานั่งบนอาสนะของตน มหาชนแวดล้อมแล้ว.
แม้ทั้งสองก็ดีดพิณตั้งแต่เริ่มเสมอกัน มหาชนต่างโห่ร้องยินดี ด้วยการบรรเลงของทั้ง
สองคน
ท้าวสักกเทวราชสถิตอยู่บนอากาศ บอกให้ได้ยินแต่พระโพธิสัตว์เท่านั้นว่า “ท่านจงเด็ด
พิณเสียสายหนึ่ง.”
พระโพธิสัตว์เด็ดพิณสายที่ ๑ ทิ้งแล้ว แม้เด็ดสายที่ ๑ ออกแล้ว เสียงยังดังออกได้จาก
เงื่อนที่ขาดแล้ว ดุจเสียงพิณเทพคนธรรพ์.
ฝ่ายมุสิละก็เด็ดสายพิณบ้าง แต่เสียงหาดังออกไม่.อาจารย์ได้เด็ดสายที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔
ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ เมื่อดีดแต่คันพิณเปล่าๆ เสียงยังดังตลบทั่วพระนคร เสียงโห่ร้องและธงโบก
สะบัดเป็นจำนวนพันได้เป็นไปแล้ว.
พระโพธิสัตว์ได้โยนห่วงที่๑ ไปในอากาศ ในคราวนั้นนางอัปสร ๓๐๐ นางลงมาขับฟ้อน
เมื่อโยนห่วงที่ ๒และที่ ๓ ไปแล้วนางอัปสรทั้ง ๙๐๐ ได้ลงมาฟ้อนรำตามนัยที่กล่าวแล้ว.
ขณะพระราชาได้ให้อิงคิตสัญญา โครงพระเศียรแก่มหาชน มหาชนต่างพากันลุกขึ้นคุก
คามมุสิละว่า “ท่านแข็งข้อกับอาจารย์ พยายามทำอาการตีเสมอ ท่านไม่รู้จักประมาณตน.”
ทุบตีด้วยก้อนหิน ต้นไม้เป็นต้น ที่ฉวยได้นั่นเองจนแหลกเหลว ให้ถึงแก่ความตาย จับเท้า
ลากไปทิ้งที่กองหยากเยื่อ.
พระราชามีพระทัยยินดี พระราชทานทรัพย์เป็นอันมากแก่พระโพธิสัตว์ ดุจฝนลูกเห็บโปรย
ปรายลงมา ชาวนครก็ให้เหมือนอย่างนั้น.
ทรงประชุมชาดกว่า
มุสิละ ในครั้งนั้น ได้เป็น เทวทัต ในครั้งนี้
ท้าวสักกะ ได้เป็น อนุรุทธะ
พระราชา ได้เป็น อานนท์
ส่วนคุตติลคนธรรพ์ คือ พระตถาคตเจ้า