เรื่องที่ ๓ "นึกถึงแม่บ้างนะครับ” (ช่วงที่ ๓ เรื่องต้องคิด ... ชีวิตมหาวิทยาลัย)
เดือนนี้ ก็สิงหาคมแล้วนะครับ น้องๆ ก็คงเรียน
ผ่านไปครึ่งเทอมแล้ว เป็นครึ่งเทอมที่หมดไปกับ
กิจกรรมรับน้องล้วนๆ พอจบรับน้อง ก็ต่อกันด้วย
สอบกลางภาค จากประสบการณ์ของผม ล้าใครตั้ง
หลักอ่านหนังสือมาตั้งแต่ก่อนรับน้อง สอบกลาง
ภาคเที่ยวนี้ ก็คงฉลุย
แต่ถ้าใครมัวฉลองรับน้องกันเพลิน ก็เป็นอันเดาได้ว่า สอบกลางภาคเทอมนี้ คะแนนปิ๋วแหงๆ และอาจมีลิทธถึงขันติดโปรฯ แรก (เกรดเฉลี่ยตํ่ากว่า ๒.๐)ในชีวิตอีกด้วย(ไม่ได้ขู่)ผมคิดว่า ยังไงล่ะก็นึกถึงความหวังของแม่ไว้บ้างก็ดีนะครับ เราจะได้ไม่ลืมไปว่า เราเข้ามหาวิทยาลัยมาทำไม จริงไหมครับ
สำหรับเดือนนี้ ผมก็มีข้อสังเกตในเดือนแห่งวันแม่นี้มาฝาก
พวกเราทุกคนรู้ดืว่า วันที่ ๑๒ ลิงหาคมของทุกปี คือวันแม่แห่งชาติชึ่งก็เป็นวันหยุดด้วย แต่จากการตั้งข้อสังเกตในแต่ละปี ผมพบว่าลูกหลายๆคน ทำอะไรให้แม่ในวันนี้เม่เหมือนกัน
บางคนเริ่มต้นวันแม่ ด้วยการออกจากบ้านไปหาเพื่อนที่นัดไว้ ตอนเช้า กินเที่ยวกันจนเย็น แล้วพอตกคํ่าก็ไปจบกันที่บาร์ผับ เสร็จแล้วก็เมาและกลับมาบ้าน มาให้แม่รอเปิดประตูตอนดึก ซึ่งนี่เป็นภาพที่ผมเห็นบ่อยๆ และดูเหมือนคนที่จะไม่สบายใจที่สุดในบ้านก็คือ "แม่" นั่นแหละครับ ที่ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ห่วงใยเป็นที่สุด
ขณะที่บางคนวันนี้เม่ออกไปไหน นัดเพื่อนมาฉลองที่บ้าน ตั้งวงกินเหล้ากันตั้งแต่แปดโมงเช้ายันเย็น ยิ่งถ้าปีไหนมีวันแม่ที่พ่วงกับวันเสาร์อาทิตย์ ทำให้หยุดต่อเนี่องกัน ๓ วัน ยิ่งเปลืองกับข้าว เปลืองเหล้าเปลืองเงินเข้าไปใหญ่ ในที่สุดเงินก็หมดกระเป๋าแล้วเดือนนี้แล้วก็เริ่มต้นชีวิต หลังสร่างเมาด้วยคำว่า "แม่...ขอยืมเงิน" เฮ้อ...ชีวิต
บางคนไม่ใช่อย่างที่ผมพูดถึงครับ วันนี้ลืมแม่ ลืมเพื่อน ลืมพื่ ลืมน้อง ไปหนี่งวันคนเดียวที่ไม่ลืม ก็คือคนที่จะหามาให้แม่ช่วยเลี้ยง อีกคนนั่นแหละครับ (คิดดูเอาเองว่าใคร)ผมนั่งดูพวกเขาแล้วก็ขำดี ไม่ได้อิจฉาที่เขามีแฟนหรอกครับ แต่ตลกว่า แม่เลี้ยงเจ้าคนเดียวกับพื่น้องของเจ้า ก็แทบตายแล้ว ยังจะหาลูกชาวบ้านมาให้แม่เลี้ยงอีกคนก็เอาเถอะใครจะเลือกแบบไหนก็แล้วแต่ถูกใจ แต่ผมคิดว่า แม่คงขออย่างเดียว "อย่าชิงสุกก่อนห่ามนะลูกนะ"
แต่ทีผมเซอร์ไพรส์ ก็คือ คนๆ นี้คร้บ ในวันธรรมดา ก่อนออกจากบ้านไปทำงาน เขาจะก้มกราบแม่บังเกิดเกล้า ที่แทบเท้าของท่าน เรียกว่าภาพนี้เรียกบ่อนํ้าตาออกมาจากผู้พบเห็นเลยทีเดียวครับ
แล้วพอวันแม่มาถึง นํ้าตาแห่งความตื้นตันของผม ก็อาบแก้มเลยไม่ใช่ว่าผมขี้แย แต่มันซึ้งจริงๆ โดยเฉพาะของขวัญที่เขาให้ก้บแม่ มันซื้อหามาด้วยเงินไม่กี่สิบบาทหรอกครับ แต่ว่าคุณค่ามันมากกว่านั้น เพราะมันเป็นสัญล้กษณ์ของการบูชา เขาไม่ใช่คนรํ่ารวย แต่ของขวัญของเขานี่สิ
เขาไปตลาดแต่เช้า เพี่อหาของที่แม่ชอบใจมาให้แม่กิน แวะร้านค้าร้านหนึ่ง เพี่อซื้อของขวัญให้แม่ พอกลับถึงบ้าน เขาก็จัดการเอาเมนูโปรดของแม่ใส่จาน แล้วกินข้าวกับแม่ที่มองเขาด้วยสายตาที่เอ็นดู หลังจากทานข้าวเสร็จ เขาก็ก้มลงไปกราบแม่ครับ แน่นอนนํ้าตาของแม่น่ะไหลพรากไปแล้ว แล้วเขาก็เอาของขวัญลํ้าค่าออกมา
"พวงมาล้ยดอกมะลิหนึ่งพวง"เขาวางไวในมือของแม่ แล้วก็บอกกับแม่ว่า"ผมขอบพระคุณแม่มากครับ ที่เลี้ยงผมมาจนเป็นผู้เป็นคนได้ในทุกวันนี้ แม่คงเหนึ่อยมากนะครับกว่าผมจะรู้ว่าแม่รักผมแค่ไหน"
นํ้าตาผมร่วงเลยครบ ซึ้งใจที่เห็นภาพนี้ ลองคิดดูนะครับ จะมีแม่สักกี่คนในโลกนี้ที่ได้รับของขวัญลํ้าค่าจากลูกเช่นนี้ นึ่แหละครับ วันแม่เหมือนก้น แต่ใช้เวลาที่มีค่าไปอย่างไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นวันแม่ปีนี้ ก็อย่าลืมแสดงความกตัญญกตเวทีต่อคนที่รักเรามากที่สุดในโลกนะครับ