คลายเครียดอย่างถูกวิธี

วันที่ 06 พค. พ.ศ.2560

คลายเครียดอย่างถูกวิธี ,วาไรตี้,บทความประจำวัน

 

 เรื่องที่ ๑ คลายเครียดอย่างถูกวิธี( ช่วงที่ ๖ บัณฑิตย่อม ฝึกจิตให้ผ่องใส)

 

            คนส่วนมากเมื่อเกิดความเครียดจากหน้าที่การงานแล้ว มักใช้ยาระงับประสาทคลายความเครียดบ้าง บางทีก็เล่นไพ่หวังจะคลายความเครียดบ้าง หรือไม่ก็หันหน้าเข้าไปหาอบายมุขตามผับ ตามเธคกันบ้าง เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ช่วยใหัคลายเครียด แต่จริงๆแล้ว กลับไม่ทำใหัคลายเครียดเลย แต่ยิ่งทำให้เกิดความเครียดสะสมหนักเข้าไปใหญ่ การคลายความเครียดแบบไหนเล่า จึงจะถูกวิธี และทำให้หายเครียดได้อย่างแท้จริง

       วิธีคลายความเครียดที่ถูกต้องจะต้องมีผลทำให้การทำงานทางจิตมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ทนต่อความเครียดได้ เมื่อถึงเวลาใช้ความคิดก็คิดได้นาน คิดได้ต่อเนื่องโดยไม่มีอาการอ่อนล้า คิดได้ลึก ซึ้งละเอียดลออ รอบคอบ ซึ่งวิธีคลายเครียดที่จะให้ได้ผลอย่างนี้ มีอยู่วิธีเดียว คือ การทำสมาธิเป็นประจำ

       การแก้เครียดด้วยการเสพอบายมุขเป็นการแก้ที่ไม่ถูกจุด กลับกลายเป็นการสะสมความเครียดลึกๆ เอาไว้ในใจ เพราะนอกจากทำให้เสียเงินเสียทองแล้ว ยังเสียสุขภาพ เสียเวลา มีโอกาสติดหนี้สิน ถลำลึกเช้าไปเป็นทาสของยาเสพติดได้ เสียงตายโดยไม่จำเป็น และ ในบางครั้งถ้าไม่ระมัดระวังให้ดีไปดูเรึ่องที่ไม่สมควรเข้า เช่น เรื่องเสื่อมเสียศีลธรรมต่างๆ ก็จะยิ่งเพิ่มความเครียด ความขุ่นมัว ความหยาบของใจจะมีมากขึ้นไปอีก ซึ่งก็อาจเสียคนและต้องเสียใจในที่สุด

        การใช้ยาระงับประสาทก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ระมัดระวังก็จะเป็นผลเสียต่อสุขภาพ ทำ ให้ประสิทธิภาพการทำงาน ประสิทธิภาพการคิดตํ่าลงเรื่อยๆ แม้ที่สุดการพนันแบบเล่นๆ ไม่เอาเงินเอาทองกัน ก็ไม่ควรทำเพราะเป็นการเพิ่มความเครียดอีกรูปแบบหนื่งโดยไม่รู้ด้ว รวมทั้งอาจเพาะนิสัยมีเหลี่ยมมีคูเพิ่มขึ้นมาอีกก็ได้

      การทำสมาธิมีอยู่หลายวิธี แต่วิธีหนึ่งที่ทำได้ง่ายๆ คือ ทุกคืนก่อนนอนให้นั่งในท่าทีสบายทีสุด อาจจะเป็นนั่งเก้าอี นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิก็ได้ แต่ไม่ควรนั่งพีง แก้วก็หลับตานั่งๆทำ ความรู้สึกเหมือน กับว่าเรานังอยู่ลำพังคนเดียวในโลก จากนันก็นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งทีเราจำได้อย่างดีดตาติดใจ นึกอาราธนาพระพุทธรูปนั้นให้มาอยู่ในกลางตัวเรา โดยที่องค์พระนั้นนั่งห้นหน้าไปทางเดียวกับเรา เป็นพุทธานุสติ ก็ย่อมทำได้ง่ายๆ

         แล้วให้นึกถึงองค์พระพุทธรูปนี้ ต่อเนึ่องกันไปไม่ขาดสาย คือนึกซ้ำแล้วชำอีก แล้วก็นึกอย่างเบาๆ โดยไม่ใช้ความพยายาม ทำนองเดียวกับนึกถึงบ้านนึกถึงหน้าคุณพ่อคุณแม่ของเรา เป็นการนึกจากในกลางท้องไมใช่นึกจากสมอง

        เมื่อนึกแล้วจะเห็นภาพองค์พระหรือไม่ก็ตาม ไม่ต้องกังวล ขอแต่เพียงให้ได้นึก แล้วใจก็จะสงบลงเอง ความเครียดก็จะค่อยๆมลายหายไป

        ในขณะที่กำลังนึกถึงองค์พระองค์นี้อยู่ ถ้ามีเรื่องอะไรสอดแทรกเข้ามาในความคิด ก็ให้มีสติรู้ท้น และอย่าไปต่อต้าน ทำเฉยๆ มิฉะนั้นจะเกิดความหงุดหงิด ให้ถึอเสียว่าเมื่อมาเองได้ ก็ย่อมไปเองได้เช่นกัน

        ต่อเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว ๕-๑๐ นาที เรื่องที่สอดแทรกเข้ามา ยังไม่ไป ยังรบกวนอยู่ จึงค่อยทำบริกรรมภาวนา คือท่องในใจว่า "สัมมาอะระหังๆๆ" ก็ได้ประคององค์พระให้นิ่งๆ ไปช้าๆ โดยทำความรู้สึกว่าแม้คำว่า สัมมาอะระห้ง" นั้น ก็คล้ายกับว่าเสียงนั้นดังผุดขึ้นมา จากกลางองค์พระในกลางท้องของเรา

        เมื่อประคองใจไปอย่างนี้เรื่อยๆไม่ข้าเรื่องที่มารบกวนก็จะหายไป แม้แต่คำว่า สัมมาอะระห้ง ก็จะเลือนไปเองโดยอัตโนมัติ คงมีแต่องค์พระอย่ในมโนภาพเท่านั้น ในไม่ช้าใจก็จะสงบลง ความเครียดก็จะหายไป

         นอกจากจะนั่งสมาธิอย่างนี้ทุกคืนไม่ว่าจะนั่งแค่ครื่งชั่วโมง หรือถึงหนึ่งชั่วโมงแล้วก็ตาม ในเวลาทำงานถ้ารู้สึกเครียดขึ้นมาเมื่อไร ก็ให้วางงานทิ้งไว้เสียชั่วคราว นั่งหล้บตาทำสมาธิในที่ทำงานนั่นแหละ สักพักหนึ่งอาจจะ ๑๐-๑๕ นาที ก็จะหายเครียดเอง แล้วจึงค่อยทำงานต่อไปการงานก็จะก้าวไกล อนาคตก็จะแจ่มใส จิตใจก็เบิกบาน แล้วเราก็จะเป็นที่รักของทุกๆ คนครับ

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.024050784111023 Mins