.....สายลมที่โบกพัด เสมือนหนึ่งอุปสรรคที่ทำให้สับสนในบางครั้ง แต่สิ่งนั้นใช่ว่าจะเสียปล่าวสักคราวเดียว สายลมที่พัดผ่านตัวเราไป ย่อมนำมาซึ่งความร้อนและนำมาซึ่งความเย็นสบายหากเรามองอุปสรรค แล้วทำให้เกิดความท้อ แสดงว่าเรามองอุปสรรคยังไม่ถูกมุม ต้องมองอุปสรรคให้เหมือนใกล้สวรรค์ ใกล้สว่าง ใกล้ความสำเร็จ อยู่ที่เราจะมองให้เครียดหรือจะมองให้คลาย จะมองให้เพลียหรือจะมองให้เพลิน อุปสรรคไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องพบเจอเมื่อเจอแล้วอย่าวิ่งวกวนวุ่นวาย ต้อง “ หยุด ” ใจตั้งเสียหลักก่อน เหมือนนักกีฬาที่ต้องถอยหลังไปก้าวหนึ่งทุกครั้ง จึงจะสามรถกระโดดได้ไกล …และเมื่อนักกีฬาถอยไปตั้งหลักแล้ว จะมีจังหวะหนึ่งที่เขาจะหยุดใจเพื่อทำสมาธิ รวบรวมพลังทั้งหมด จังหวะนั้นเอง คือ “นาทีทอง” ที่สำคัญที่สุด คือจุดตัดสินแพ้หรือชนะอย่างแท้จริง
…เฉกเช่นชีวิตคนเรา จังหวะหยุด เพื่อตั้งหลัก คือ สิ่งสำคัญในชีวิต เมื่อชีวิตพบเจออุปสรรค อย่าหลงทาง กลับมาหาที่มั่นซึ่งเป็นแหล่งพลังของใจ นั่นคือศูนย์รวมปัญญาสู่แนวทางแก้ปัญหาในที่สุด หากเจออุปสรรคแล้วหมั่นข้าม เจ้าตัวอุปสรรคจะครั่นคร้าม หลบลี้หนีหน้าไม่อยากมาตอแยอีก เพราะรู้ว่าคนผู้นี้ไม่เคยหนี เจอทีไรต้องหาวิธีข้ามได้ทุกครั้งแต่ถ้าเจออุปสรรคแล้วท้อแท้ ไม่หมั่นข้าม เป็นฝ่ายหลบลี้หนีหน้าไปเสียเอง เจ้าตัวอุปสรรคจะลำพองใจ รุกรานเข้าใกล้ คอยตอแยต่อไปไม่สิ้นสุด ยิ่งมายิ่งสนุก เพราะรู้ว่าคนผู้นี้ไม่อาจหาญข้ามพ้นเราไปได้ คิดดูเถิด ว่าเราจะสู้ หรือ เราจะหนีถ้าสู้มีโอกาสชนะ แต่ถ้าหนี ย่อมประสบพบเจออยู่ร่ำไป
.....ในเมื่อสู้ก็ตาย ไม่สู้ก็ตาย(เหมือนกัน) เช่นนั้น สู้ต่อไปไม่ดีกว่าหรือทุกสรรพสิ่งในโลก ไม่มีอะไรเลวร้ายไปเสียหมด และไม่มีอะไรดีไปเสียหมดในร้ายย่อมมีดีม้าศึกยังกล้าออกรบยามศึกสงคราม ลูกนกยังกล้าหัดบิน ลูกศรยังกล้าพุ่งออกจากแล่ง สายน้ำยังกล้าไหลจากที่ต่ำไปยังที่สูง เราเป็นคนได้ชื่อว่าประเสริฐกว่าสัตว์อื่นใดในโลก ต้องกล้าทำความดีหนีความชั่วอย่างไม่หยุดยั้งเราเกิดมาเพื่อกล้า ไม่ใช่เกิดมาเพื่อกลัว เกิดมาเพื่อชนะ ไม่ใช่เกิดมาเพื่อแพ้เราจะกล้าทำความดี หลีกหนีความชั่ว ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งมีคนรู้หรือไม่รู้ก็ตาม อุปสรรคขวากหนาม ล้วนเป็นความงามของความสำเร็จ
.....หากเรารู้จักเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นครู จะกลับกลายเป็นความรอบรู้ ที่สามารถกอบกู้สถานการณ์ที่เลวร้าย …ให้กลายเป็นดีได้ในที่สุด
อุบลเขียว