คำถาม ตัวลูกเองมีลูกสาว ๒ คน พาเข้าวัดตั้งแต่ยังเล็กๆ เขารู้ว่าการให้ทาน รักษาศีล สมาธิ ดีอย่างไร แต่พอโตเป็นวัยรุ่นแล้ว เขาจะติดเพื่อนมากกว่าติดแม่ ชักชวนมาวัดแต่ละครั้งก็ยากเหลือเกิน จะมีวิธีทำอย่างไรที่จะสามารถชวนเขามาวัดได้อย่างสม่ำเสมอเจ้าคะ ?
ตอบ ลูกของคุณโยมเข้าวัดปฏิบัติธรรมกันมาตั้งแต่เล็ก ก็นับว่าเป็นบุญวาสนาของเขา เป็นเครื่องสะท้อนว่าเราเลี้ยงเขาเป็น แต่อย่างไรก็ตามเราเลี้ยงลูกเป็นในระดับที่เขายังเล็กอยู่ พอเขาก้าวเข้าสู่วัยรุ่น จิตใจของเด็กวัยรุ่นกับเด็กวัยเล็กไม่เหมือนกัน คุณโยมจะใช้ลักษณะการอบรมแบบเดียวกันกับตอนเล็กๆ ไม่ได้
.....เด็กเมื่อก้าวเข้าสู่วัยรุ่น เขาเริ่มมองไปข้างหน้าถึงอนาคตของเขา เพราะฉะนั้นมีเรื่องเรียนรู้เรื่องสนุกตื่นเต้นกับชีวิตเข้ามาแทน แต่ไม่ได้หมายความว่า เขาจะไม่สนใจเรื่องบุญ หรือไม่รักแม่ เขายังสนใจอยู่ แต่ก็เริ่มมีความอยากเรียนรู้สนุกกับชีวิตขึ้นมาอีกด้วย
.....กรณีนี้แก้ไม่ยาก เมื่อเรารู้แล้วว่า ลูกกำลังมองไปในอนาคต เราก็สอนลูกว่า "ลูกเอ๊ย อนาคตของลูกจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวนั้นมีอยู่ ๒ เรื่องใหญ่ คือ ความเก่งและความเฮงของลูก
.....คนที่มีความเก่งแต่ไม่เฮงจะหยิบอะไรก็ไม่สำเร็จหรอกลูกเอ๋ย เพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกับพ่อแม่ที่เขาเรียนเก่ง แม้ฝีไม้ลายมือการทำงานก็เก่งกว่าพ่อแม่ก็มีอยู่หลายคน แต่เขากลับไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตเท่าที่ควร เพราะเขาเก่งแต่ไม่เฮง
.....แม่กับพ่อของลูกมีความรู้ความสามารถอยู่ในระดับพอประมาณ คือไม่ถึงกับเก่งนักแต่มีความเฮง เมื่อพูดถึงความเฮง แม่ไม่ได้พูดให้ลูกคิดถึงเรื่องลมๆ แล้งๆ แต่กำลังจะบอกว่า ลูกจะต้องสร้างเหตุแห่งความเฮงหรือความสำเร็จของชีวิตนั่นเอง
....."ความเฮง" ความมีโชคมีลาภ ความสำเร็จ นอกจากเกิดจากความเก่งแล้ว ยังเกิดจาก "บุญ" ด้วย บุญที่เกิดจากการให้ทาน รักษาศีล ทำภาวนา และที่สำคัญอย่างมาก คือ บุญที่เกิดจากการขวนขวายในการงานที่เหมาะควร เรื่องการทำทาน ลูกก็ทำกับแม่มาตลอด แม่ก็ภูมิใจที่ลูกรักการทำทานเหมือนแม่ซึ่งนอกจากได้บุญแล้ว ยังเป็นการปูพื้นฐานความมีใจงามอีกด้วย ชาตินี้แม่มั่นใจว่าลูกแม่จะไม่เอาเปรียบไม่คดโกงใคร
.....เรื่องการรักษาศีล ตั้งแต่เล็ก ลูกแม่รักษาศีลตามแม่ตลอดเวลา ซึ่งแม่ก็ภูมิใจ เป็นหลักประกันว่า ถึงลูกจะไม่สวยเหมือน มิสยูนิเวิร์ส แต่ลูกก็จะสามารถข่มอารมณ์โกรธได้ ไม่ว่าจะมีอะไรมากระทบกระทั่งกระแทกกระทั้นลูกก็ตาม แล้วสิ่งนี้จะเป็นเสน่ห์ของลูก
.....เรื่องการทำภาวนา ลูกแม่ตั้งใจทำภาวนามาทุกคืนกับแม่ ฟ้องว่าลูกใจใส ความใจใส จะทำให้ลูกมีความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ นี่เป็นสิ่งที่แม่เพาะให้ ลูกก็สังเกตได้ด้วยตัวเองว่า เวลาเข้าหมู่คณะลูกสามารถมีข้อเสนอแนะดีๆ กับหมู่คณะตลอดมา แล้วก็เคยมาเล่าให้แม่ฟัง อย่างนี้แม่ก็ภูมิใจ
.....แต่มีอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งแม่และพ่อฝึกมาตลอด คือการขวนขวายที่จะทำในสิ่งที่เหมาะควร ถ้ามีงานบุญเกิดขึ้นที่ไหนก็จะรับอาสาเข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่บ้าง ไปรับผิดชอบในหน่วยงานนั้นๆ บ้าง นอกจากจะได้บุญแล้ว ยังเป็นการฝึกให้รู้จักงาน รู้จักเพื่อน และรู้จักแก้ไขปัญหาการกระทบกระทั่งได้ดีขึ้น
.....บางครั้งพ่อของลูกก็เข้าไปจับงานการเมือง ไปช่วยสมาคมต่างๆ ของหมู่บ้าน ความที่เข้าไปรับผิดชอบงานของส่วนรวมนี้ เพราะฉะนั้นพ่อของลูกจึงกลายเป็นคนมีเสน่ห์แรงคนหนึ่งเหมือนกัน เมื่อหมู่คณะมีภาระอะไรเกิดขึ้นแล้ว พรรคพวกเพื่อนฝูงก็จะโทรมาตามคุณพ่อของลูกไปช่วย จากความที่ขวนขวายในสิ่งที่ชอบมาตลอดชีวิต ทำให้ทั้งพ่อแม่จะทำอะไรขึ้นมาก็ได้รับความสนับสนุนช่วยเหลือจากพรรคพวกเพื่อนฝูง แม้ผู้ใหญ่ตลอดมา เวลาทำอะไรผิดพลาด พลั้งเผลอไป ก็มีพรรคพวกเพื่อนฝูงยื่นมือเข้ามาช่วยประคับประคองไม่ให้ล้ม นี่คือความเฮงที่พ่อกับแม่สร้างมากับมือไม่ใช่เพราะว่าฤกษ์ดี วันนี้ลูกกำลังจะต้องเตรียมตัวบินไปข้างหน้า วันหนึ่งก็ต้องจากแม่ไปสร้างครอบครัวของตัวเอง ขอให้รีบสร้างความเฮงให้กับตัวเอง วันพระหรือวันอาทิตย์ไปวัดกับแม่ ไปสมัครเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครช่วยกันทำงานบุญ หรือเวลาคุณพ่อไปทำงานอะไรที่เป็นส่วนรวมของหมู่บ้านบ้าง ของสมาคมบ้าง แล้วต้องการความช่วยเหลือ ก็รีบไปช่วยตามเลย แล้วลูกแม่จะมีความเฮงติดตัวตลอดชีวิต ด้วยน้ำมือของลูกเอง"