หาที่ในที่
เมื่อแรกเริ่มสร้างวัดนั้นคุณยายมีอายุ 61 ปี ถ้าเป็นคนทางโลกก็คงปลดเกษียณกันแล้ว แต่คุณยายเพิ่งเริ่มงานคือการสร้างวัด โดยสร้างเป็น “ศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม” ก่อน แล้วจึงพัฒนาเรื่อยมาจนกระทั่งกลายเป็น “วัดพระธรรมกาย” ซึ่งคุณยายทุ่มเททําทุกอย่าง ทั้งหาที่ดิน หาทีมงานและหาทุนสร้างวัด
เริ่มตั้งแต่การหาที่ดิน คุณยายไม่ได้ออกเดินทางตระเวนหาอย่างทั่วๆ ไปท่าน “หาที่ในที่”โดยใช้อานุภาพจากธรรมปฏิบัติเพื่อตามผู้ที่เป็นเจ้าของบุญให้กลับมาร่วมบุญกันอีก ท่านตามหาเจ้าของบุญด้วยการนั่งหลับตาทําสมาธิเพียงอย่างเดียว หลวงพ่อไม่เห็นท่านทําอย่างอื่น ไม่ต้องใช้สื่อไม่ต้องโฆษณา หลับตาทําสมาธิแล้วก็มีคนมาร่วมบุญกับท่าน
การหาที่ในที่ หาทีมในที่ และหาทุนในที่หมายถึงการ “นั่งเข้าที่” หรือ “นั่งสมาธิ” ทําใจหยุดนิ่งจนมีอานุภาพเพียงพอที่จะทําให้สมปรารถนาเมื่อคุณยายได้ที่ดินแล้วท่านก็หาทุนรอนต่อ และหาทีมงานด้วยการตามลูกหลานของท่านที่ได้เคยสร้างบุญบารมีร่วมกันมาในภพชาติก่อนๆ ไม่ว่าจะกระจัดกระจายไปอยู่ที่ใดก็ตามให้กลับมาร่วมสร้างบุญกันอีก
ตอนที่เริ่มหาที่ดินสร้างวัดนั้น หลวงพ่อเพิ่งบวชได้เพียงวันเดียว หลวงพ่อวาดฝันกลางอากาศเอาไว้ว่าต้องมีที่ดินสัก 200 ไร่ แต่ไม่ทราบว่าจะหาได้จากที่ไหน จึงได้แต่บอกกับคุณยาย ท่านถามหลวงพ่อในขณะที่นั่งปฏิบัติธรรมด้วยกันว่า “ท่านจะเอาที่แบบไหนล่ะ” คุณยายรีบจัดการให้หลวงพ่อเพราะท่านทราบดีว่ายังไงหลวงพ่อก็อยู่ที่เดิมไม่ได้เพราะความคิดอ่านไม่ค่อยเหมือนคนอื่น ควรที่จะย้ายไปอยู่อีกที่หนึ่ง หลวงพ่อพิจารณาคําพูดของคุณยายแล้วก็พบว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นเป็นความจริง เราคิดไม่ค่อยเหมือนคนทั่วไป แล้วคุณยายก็รู้เสียด้วย คงจะดีเหมือนกันหากเราทําตามคําแนะนําของคุณยายคิดได้ดังนี้แล้วหลวงพ่อก็บอกลักษณะของที่ดินสําหรับสร้างวัดอย่างที่หลวงพ่อชอบ “ยาย... เอาติดน้ำนะ เจ็บป่วยก็ไปโรงพยาบาลง่าย ไปมาสะดวกแล้วก็ฟรี” ท่านรับคําอย่างสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “ค่ะ” ท่านพูดอยู่คําเดียวแล้วก็นั่งหลับตาทําสมาธิเพื่อหาที่ในที่ โดยนั่งเยื้องๆ เฉียงๆ ห่างจากหลวงพ่อสักประมาณ 2 เมตร แล้วหลวงพ่อก็คอยสังเกตว่าท่านจะไปหาที่ได้อย่างไร
วิธีหาของคุณยายคือนั่งหลับตา พอถึงวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2512 หลังจากหลวงพ่อบวชได้2เดือน หมู่คณะของเราก็ได้ที่ดินสมดังปรารถนา โดยคุณถวิล วัติรางกูล (ต่อมาเป็น อุบาสิกาแม่ชีถวิล วัติรางกูล) เป็นผู้แนะนําที่ดินแปลงนี้ให้เพราะท่านรู้จักคุ้นเคยกับคุณวรณีสุนทรเวช ซึ่งเป็นลูกสาวของคุณหญิงประหยัด แพทยพงศาวิสุทธาธิบดีเศรษฐินีซึ่งมีที่ดินจํานวนมาก คุณถวิลทราบมาว่าคุณหญิงประหยัดมีที่ดินแปลงหนึ่งอยู่แถวรังสิต มีเนื้อที่พอจะสร้างวัดได้จึงนําเรื่องมากราบเรียนคุณยาย พร้อมกับนัดหมายว่าจะไปพบท่านเพื่อขอซื้อที่แปลงนี้
เมื่อถึงวันนัดหมาย ตัวแทนของหมู่คณะเรา ซึ่งนําโดยคุณถวิล วัติรางกูล และหลวงพ่อทัตตชีโว (ขณะนั้นยังไม่ได้บวช) ได้เดินทางไปยังบ้านของคุณหญิงประหยัดเพื่อขอซื้อที่ อันที่จริงตั้งใจว่าจะขอรับบริจาคที่ผืนนี้แต่ถ้าท่านไม่ให้ก็จะขอซื้อแทน ซึ่งเราไม่ทราบมาก่อนเลยว่าเป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณหญิงประหยัดพอดีเมื่อไปถึงท่านก็ยิ้มให้เพราะนึกว่ามางานวันเกิด ท่านถามพวกเราว่ามาทําไม ก็ตอบไปว่าเห็นท่านมีที่ดินอยู่แปลงหนึ่ง เลยรังสิตไปไม่มากนัก จึงอยากจะขอซื้อเพื่อสร้างวัด พูดดังนี้แล้วทั้งคุณหญิงประหยัดและอาจารย์วรณีก็นั่งนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง แต่สําหรับหมู่คณะของเราแล้วช่างเป็นเวลาอันยาวนาน เพราะไม่รู้ว่าท่านจะตอบปฏิเสธหรือตกลง หรือว่าจะไล่เราออกจากบ้านก็ไม่อาจทราบได้ในที่สุดท่านก็เอ่ยปากบอกว่า “ไม่ขาย” ทําให้ทุกคนหัวใจแทบสลาย เพราะระดับคหบดีอย่างท่านบอกว่าไม่ขายแล้วเราจะทําอย่างไรกันต่อไป คุณหญิงยิ้มแล้วพูดต่อว่า “ฉันจะยกให้ฟรี” วันนั้นทีมงานของเรากลับมาเล่าให้ฟังว่า หัวใจเต้นระรัวเมื่อเจ้าของที่เปรยว่าฉันไม่ขายแต่ฉันจะยกให้ความปีติยินดีก็บังเกิดขึ้นแก่หมู่คณะของเรา และเมื่อหลวงพ่อมาดูที่ดินเป็นครั้งแรก ก็เป็นการเห็นพร้อมๆ กันกับท่านเจ้าของที่ดินซึ่งเดินทางมาพร้อมกับหลวงพ่อเพื่อกล่าวคําถวายผืนแผ่นดินที่ตัวท่านเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะท่านมีที่ดินมากมาย เมื่อมาถึงแล้วท่านก็ถามกับนายกองนาว่า “ที่ฉันอยู่ตรงไหน” เพราะมีที่ดินหลายแห่งจนไม่รู้ว่าแปลงนี้อยู่ตรงไหนแน่ นายกองนาก็พาท่านมาดูว่าที่ของท่านอยู่ตรงนี้ เป็นผืนที่ดิน 200 ไร่ เมื่อคุณหญิงได้ทําพิธีถวายที่ดินแล้ว เราจึงได้เริ่มลงมือสร้างวัดกัน แต่เนื่องจากที่ดินถูกเวนคืนไป 4 ไร่ จึงเหลือเพียง 196 ไร่ ซึ่งติดน้ําทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทั้งฝั่งคลองสาม และคลองแอล ต่อมาภายหลังจึงมีน้ำบาดาลและน้ำประปาเข้าถึง
สิ่งที่เกิดขึ้นทําให้หลวงพ่อและหมู่คณะทึ่งในความสามารถของคุณยาย ไม่ทราบว่าท่านทําได้อย่างไร วันหลังหลวงพ่อก็มาถามท่านว่า “ยาย... ยายทําไงนะ” ท่านตอบว่า “ยายก็ทําเฉยๆ นั่งนิ่งๆ เฉยๆแล้วยายก็ดูว่าใครเป็นเจ้าของบุญ” หลวงพ่อชอบใจวิธีของท่านมาก เพียงแค่นั่งเฉยๆ แล้วตรวจดูว่าใครเป็นเจ้าของบุญ รู้สึกอยากทําเป็นบ้าง คุณยายเฉลยว่าเวลาจะสร้างวัดท่านก็ใช้วิธี“ดูเฉยๆ ดูไปเรื่อยๆ เอามนุษย์ทั้งหลายมารวมกัน แล้วก็ตั้งผังลงไป ยายทําจนชํานาญแล้ว” แสดงว่าคุณยายชํานาญในการหาผู้มีบุญมาก แล้วท่านก็ตั้งผังเหมือนการเซ็ตโปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยทําทั้งวันทั้งคืนให้แน่นหนา นี้เป็นส่วนหนึ่งซึ่งถือเป็นผลงานของคุณยายโดยแท้
หลวงพ่อประทับใจมากที่คุณยายสามารถสร้างวัดพระธรรมกายได้ใหญ่โตถึงเพียงนี้ โดยเริ่มต้นจากไม่มีอะไรเลย และท่านเองก็อ่านหนังสือไม่ออกเขียนไม่ได้รู้สึกทึ่งว่าทําไมท่านจึงกล้าคิดกล้าทํา แต่ในความจริงแล้วท่านไม่ต้องใช้ความกล้าอะไรเลย เพียงแต่นั่งนิ่งๆ เงียบๆ เฉยๆ แค่ถามหลวงพ่อว่าจะเอาอย่างไรแล้วก็หลับตาเท่านั้นเอง