.....ผู้เขียนแจ้งเจตนารมณ์ ที่มาของหนังสือเรื่องนี้ไว้ด้วยเหตุผลดี ๆ ในสามประการคือ เพราะตนเองปรารถนาจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาให้ดียิ่งขึ้น มีความหวังว่าจะช่วยให้ผู้ที่สงสัยใคร่รู้เช่นเดียวกับเขา ได้เริ่มรู้จักพระพุทธศาสนามากขึ้นเช่นกัน และเพื่อเป็นการบูชาคุณบุพการี จึงน้อมนำยกเกี่ยวกับบทสวมนต์มาเป็นแนวในการทำความเข้าใจพระพุทธศาสนา ก็เพราะคิดว่าจะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวกันที่สุด และทุกคนก็น่าจะสวดกันได้อยู่บ้าง แต่เมื่อไปสอบถามถึงความหมายที่ลึกซึ้งกันเข้าจริง ๆ ท่านผู้เขียนเองก็รู้ว่าตนเองก็ยังไม่ทราบ ได้แต่เพียงท่องตาม ๆ กันมา จึงได้เริ่มพยายามหาทางทำความเข้าใจยิ่งขึ้น
.....เมื่อค้นคว้าเข้าไปหาความจริง ก็เห็นว่าบทสวดมนต์ที่ใช้กันอยู่นั้น เป็นการสรุปหัวข้อธรรมที่สำคัญ ๆ ของศาสนาเอาไว้ และเมื่อเข้าใจกับบทสวดมนต์ ก็จะเข้าใจพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น และเกิดศรัทธามากยิ่งขึ้นตามไปด้วย
.....โดยหากเมื่อใด ปัญญากับศรัทธารวมเข้าสนับสนุนซึ่งกันและกันเมื่อไหร่ เมื่อนั้นจะทำให้การสวดมนต์นำไปสู่ความเข้าใจในธรรมะแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนยิ่งขึ้น
.....จากสิ่งที่ถือปฏิบัติตามกันมาเพื่อมาลำดับความเข้าใจ จนรู้ซาบซึ้งตั้งแต่การนมัสการพระรัตนตรัย ความหมาย ธูปสามดอก จัดเป็นอามิสบูชา จุดขึ้นเพื่อบูชาพระคุณแห่งพระรัตนตรัยโดยลึกซึ้งถึงที่มา ในบทของไตรสรณคมน์ เป็นทางเข้าสู่พระศาสนา สอนให้ไหว้พระ ไหว้อะไร ด้วยความน้อนระลึกบูชาองค์พระปฏิมากรตัวแทนพระบรมศาสดาผู้ทรงพระคุณอันยิ่ง และสวดมนต์กันไปทำไม ด้วยการปฏิบัติบูชา ยังตนให้มีทั้งศีล สมาธิ ปัญญาขึ้นได้พร้อม ๆ กัน
.....และการสวดเพื่อสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ตามคุณสมบัติและองค์คุณอันประเสริฐ
.....ผู้เขียนค้นคว้าอธิบายความหมายของศัพท์ศาสนาที่ใช้สวดกันนี้ จากพระไตรปิฎก เป็นหลักสำคัญ ทั้งที่เกี่ยวกับศัพท์ หมวดธรรมต่าง ๆ ไม่ใช่ถอดคำอธิบายแบบสวดมนต์แปลแต่เป็นการช่วยหยิบยกมาอธิบายเป็นส่วน ๆ ให้ชัดเจนขึ้น เพื่อที่ว่าจะทำให้ได้รับประโยชน์เพราะลึกซึ้งในความหมาย ความรู้ความเข้าใจที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นส่วนช่วยเปิดประตูให้เดินไปสู่ตู้พระธรรม เพื่อมุ่งหาความรู้โดยตรงจากพระไตรปิฎก และสนใจศึกษาเล่าเรียนพระไตรปิฎกมากยิ่งขึ้นด้วย
.....สำหรับท่านที่ปรารถนา “รู้ซึ้ง จึงสวด นะโม ตัสสะ…” ด้วยเช่นกัน สอบถามหนังสือเล่มนี้ได้ตามร้านจำหน่ายหนังสือทั่วไปค่ะ
สุ. พูนพิพัฒน์.