ขาดเสียซึ่งครูดี...ยากที่จะดีได้

วันที่ 11 มีค. พ.ศ.2563

ขาดเสียซึ่งครูดี...ยากที่จะดีได้

 

                อย่างไรก็ตาม เว้นพระบรมโพธิสัตว์ผู้ตั้งความปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือผู้ที่ตั้งความปรารถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้าเสียแล้ว ย่อมเป็นการยากที่จะสามารถฝึกฝนอบรมด้วยตัวของตัวเองโดยปราศจากครูบาอาจารย์หรือต้นแบบ ดังที่ปรากฏอยู่ใน ปัญญาวุฑฒิสูตร ว่าด้วยความเจริญด้วยปัญญา และ พหุการสูตร ว่าด้วยธรรมมีอุปการะมาก๒ ซึ่งมีอยู่๔ ประการ อันประกอบด้วย

 

               ๑) สัปปุริสสังเสวะ (การคบหาสัตบุรุษ) หาครูดีให้พบ


               ๒) สัทธัมมัสสวนะ (การฟังสัทธรรม) ตั้งใจฟังคำครูให้ชัด


               ๓) โยนิโสมนสิการ (การมนสิการโดยแยบคาย) ตั้งใจไตร่ตรองคำครูให้ลึก


               ๔) ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ (การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม)ลงมือทำตามคำครูให้ครบ

 

                 และด้วยการปฏิบัติตามธรรมดังกล่าวนี้ เป็นผลทำให้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันได้ในที่สุด ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า ต้นแบบที่ดีเป็นสิ่งที่ขาดเสียไม่ได้ในการเริ่มต้นฝึกฝนอบรมตนเอง

 

                เกี่ยวกับเรื่องต้นแบบที่ดีหรือครูดี ในสมัยพุทธกาล พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสยกย่องพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ดังที่ปรากฏใน สัจจวิภังคสูตร ดังใจความที่ว่า 

 

              “ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงคบสารีบุตรและโมคคัลลานะ เธอทั้งหลายจงคบสารีบุตร            และโมคคัลลานะเถิดสารีบุตรและโมคคัลลานะเป็นภิกษุฉลาด เป็นผู้อนุเคราะห์เพื่อนพรหมจารีทั้งหลาย      สารีบุตรเปรียบเหมือนผู้ให้กำเนิด โมคคัลลานะเปรียบเหมือนผู้บำรุงเลี้ยงทารกที่เกิดแล้ว สารีบุตรย่อมแนะนำในโสดาปัตติผล โมคคัลลานะย่อมแนะนำในประโยชน์ที่สูงสุด สารีบุตรสามารถที่จะบอก แสดงบัญญัติกำหนด เปิดเผย จำแนก ทำให้ง่ายซึ่งอริยสัจ ๔ ได้โดยพิสดาร”

 

              พระภิกษุทุกรูปนับตั้งแต่ในสมัยพุทธกาล เมื่อบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาแล้ว จะต้องทำการขอนิสัย คือ ผู้บวชเข้ามาใหม่จะต้องเข้าไปหาพระอุปัชฌาย์ เพื่อขอให้ท่านเป็นที่พึ่งที่อาศัย ปกครองสั่งสอน ให้การอบรมแก่ตนเองต่อไป กล่าวคือ

 

             ๑) ขอในรูปแบบการคุ้มครองป้องกันยามมีภัย


             ๒) ขอในรูปแบบปัจจัย ๔ คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานเภสัช เพื่อเป็นเครื่องอาศัยในการใช้สอยให้มีชีวิตรอดปลอดภัย


             ๓) ขอในรูปแบบข้อประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้อง ในการหา การใช้ การเก็บรักษาปัจจัย ๔ เพื่อไม่ให้ปัจจัย ๔ ทั้งหลายที่ได้มานั้น เป็นอุปสรรคต่อการบรรลุมรรคผลนิพพาน

 

            ๔) ขอในรูป แบบความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในธรรม กล่าวคือ ความเข้าใจถูกในพระธรรมวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เพื่อใช้ในการกำจัดกิเลสให้หมดสิ้นไป

 

             ดังนั้น การที่ใครจะฝึกฝนอบรมตนเองให้ได้ดี มีความจำเป็นที่จะต้องมีต้นแบบหรือมีครูดี หากขาดเสียซึ่งต้นแบบหรือครูดีเสียแล้ว ก็ยากที่จะฝึกฝนอบรมตนเองให้ดีได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงให้พระภิกษุผู้บวชเข้ามาใหม่ในพระพุทธศาสนา จะต้องทำการขอนิสัยเพื่อเป็นการเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์ เพื่อขอให้พระอุปัชฌาย์อนุเคราะห์ทั้งความปลอดภัย สิ่งของ ความประพฤติที่ดีงาม ความรู้ความเข้าใจในพระธรรมวินัย และวิธีปฏิบัติเพื่อให้บรรลุธรรม จนกระทั่งกิเลสหมดสิ้นไปในที่สุด

 

          "การที่ใครจะฝึกฝนอบรมตนเองให้ดีได้จำเป็นต้องมีต้นแบบหรือมีครูดีหากขาดเสียซึ่งต้นแบบหรือครูดีเสียแล้ว ก็ยากที่จะฝึกฝนอบรมตนเองให้ได้ดี"

 

เชิงอรรถ อ้างอิง

๑ องฺ.จตุกฺก. ๒๑/๒๔๘/๓๖๗-๓๖๘ (แปล.มจร)
๒ องฺ.จตุกฺก. ๒๑/๒๔๙/๓๖๘ (แปล.มจร)

๓ ม.อุ. ๑๔/๓๗๑/๔๑๗ (แปล.มจร)

จากหนังสือ ที่สุดแห่งธรรม ถึงได้ด้วยความเคารพ 3 

โดยคุณครูไม่เล็ก

 

 

 

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.017495882511139 Mins