ขันติ เป็นสุดยอดแห่งธรรมในการกำจัดกิเลสทั้งปวง
เมื่อพวกเรามีความเข้าใจในเรื่องวิธีการกำจัดกิเลสผ่านเรื่องใกล้ตัว คือ การทำภาวนาโดยตรง ผ่านการใช้ปัจจัย ๔ อย่างถูกต้องและผ่านการฝึกความรับผิดชอบต่อหมู่คณะแล้ว
สิ่งที่หลวงพ่ออยากจะสรุปให้พวกเราฟังต่อไปอีกก็คือทั้งหมดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกำหนดเป็นบทฝึกลงไปเป็นกิจวัตรในพระธรรมวินัยนั้น แท้จริงแล้ว คือการฝึกความอดทนในการกำจัดกิเลสให้แก่เราโดยที่เราไม่รู้ตัว
ในพรรษานี้ ใครที่อดทนปฏิบัติกิจวัตรเคร่งครัดมาก ก็ถางกิเลสออกไปได้มาก ใครที่อดทนน้อย ก็ถางกิเลสออกไปได้น้อย
เมื่อกิเลสถูกถางออกจากใจไปมากเท่าไหร่ คนที่ช่างอดทนก็กลับได้ความอดทนเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
ใครยิ่งตั้งใจถางกิเลสเป็นกิจวัตรมากขึ้นเท่าไหร่ ความอดทนในใจเรา ก็จะถูกยกระดับมากยิ่งขึ้นไปเท่านั้น ตรงกับพุทธพจน์ที่ว่า
ขันตี ปะระมัง ตะโปตี ติกขา
ขันติ คือ ความอดทน เป็นสุดยอดแห่งธรรมะที่ใขักำจัดกิเลสทั้งปวงให้หมดสินไป
นั่นก็หมายความว่า กิเลสทั้งหลาย มันยอมแพ้ให้แก่คนที่มีความอดทนเป็นสุดยอดแห่งธรรมะประจำใจ
และไมใช่เฉพาะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราเท่านั้นที่ตรัสอย่างนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ล้วนตรัสเช่นนี้เหมือนกันหมด
เพราะฉะนั้นหลวงพ่ออยากขอฝากพวกเราทุกรูปไว้ว่า อย่ามองว่า ขันติเป็นแค่ธรรมะ หรือหลักธรรมเท่านั้น แต่ขันติตัวจริงที่ฝึกจนฝังใจแล้ว ได้กลายเป็นนิสัยทรหดอดทนมีไว้เพื่อใช้ต่อต้านและกำจัดกิเลสอีกด้วย ขันติจึงเป็นนิสัยสำคัญที่ต้องเพาะให้มากเอาไว้ เพื่อใช้กำจัดกิเลสได้ดังใจนึก
สิ่งที่เราว่ายากๆ ในโลกนี้ แต่ที่ยากจริงๆ ก็คือ การถางกิเลสออกจากใจนี่แหละ คือ สุดยอดของความยากที่สุดแล้ว
ใครที่ตั้งใจบวชอยู่ต่อไปในเส้นทางธรรม ก็ขอให้ตั้งใจฝึกยกระดับความอดทนเพื่อถางกิเลสออกจากใจไปให้ใด้เยอะๆ ด้วย
เราอดทนฝึกตนตามพระธรรมวินิยเป็นกิจวัตรได้มากเท่าไหร่ก็ถางกิเลสออกไปในแต่ละวันได้มากเท่านั้นบุญบารมีก็เพิ่มขึ้นทุกวันแล้วในที่สุด การถางทางไปพระนิพพานของเรา ย่อมทำได้สำเร็จ
แม้ใครที่จะกลับไปใช้ชีวิตในทางโลก ก็ขอฝากไว้ว่า สุดยอดของธรรมะที่ใช้เผชิญโลกเผชิญชีวิต ไม่มีอะไรเกิน ขันติ
วิชาการต่างๆ ที่เราเรียนกันมาในทางโลกสารพัด ถ้าขาดขันติเสียแล้ว ความรู้ความสามารถเหล่านั้นที่เรียนมา ก็ไม่สามารถใช้ออกมาได้
ความสำเร็จทุกอย่างในโลกนี้ต้องเอาความอดทนต่อการกำจัดกิเลสไปแลกมาทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นวันนี้ท่านได้ ขันติ เป็นอุปกรณ์วิเศษออกไปจากวัดแล้ว เป็นทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ถางป่ากิเลสในใจตัวเองให้หมดไป เป็นทั้งอุปกรณ์ที่ใช้เผชิญแรงบีบคั้นสารพัดจากกิเลสในใจของชาวโลก
อย่างไรก็ดี ท่านที่คิดว่าตนเองได้ฝึกขันติมาดีแล้วตลอดทั้งพรรษาพร้อมที่จะออกไปเผชิญโลก ก็ขอเตือนว่านั่นยังไม่ใช่มีขันติจริงเพราะถ้าท่านมีขันติจริง ท่านต้องไม่ลาสิกขา
ส่วนท่านที่บวชอยู่ต่อก็เหมือนกันขอให้ฉุกคิดสักนิดว่าถ้าท่านมีขันติจริง วันนี้พระธรรมกายภายในตัวต้องผุด ปรากฏสว่างไสวเหมือนอย่างกับพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน ณ ศูนย์กลางกายของท่านแล้วแต่ที่ท่านยังเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง ก็เพราะยังมีขันติไม่พอ