งานที่แท้จริงของชีวิต

วันที่ 16 เมย. พ.ศ.2563

งานที่แท้จริงของชีวิต

งานที่แท้จริงของชีวิต

      สิ่งที่หลวงพ่อขอฝากต่อไปอีกเรื่อง ก็คือ เมื่อตอนต้นพรรษาเราได้มีโอกาสเรียนเรื่อง ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ซึ่งเป็นชีววิทยาชั้นสูงในพระพุทธศาสนา

      รูป คือ กาย

      เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ คือ ใจ

      การเรียนเรื่องขันธ์ ทำให้เรารู้ว่า คนเราประกอบด้วย ๒ ส่วนคือ “กาย” กับ “ใจ”

      กาย เมื่อถึงเวลา มันก็จะแตกสลายแยกย่อยกันไป กลายเป็นธาตุต่างๆ ทับถมจมดินไป

      ใจ ไม่ได้แตกสลายตามกายไปด้วย แต่ยังเวียนว่ายตายเกิดต่อไปอีก

      ถ้าถามว่า เมื่อไหร่ “ใจ” จึงจะเลิกเวียนว่ายตายเกิดกันเสียที

      เราก็เรียนกันมาแล้วว่า ถ้ายังไม่หมดกิเลส ก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไปอีก ไม่รู้จบสิ้น

      กิเลสเป็นของแปลก อุปมาเหมีอนผมบนศีรษะ โกนผมในวันนี้ พรุ่งนี้ผมก็งอกขึ้นมาใหม่อีกแล้ว

      หรือถ้าอุปมากิเลสเหมือนขี้ไคล เราอาบนํ้าเมื่อไหร่ ต้องมีขี้ไคลออกมาทุกครั้ง กิเลสมันก็งอกเร็วเหมือนกับขี้ไคลนั่นแหละ

      พวกเราที่ลาสิกขาออกไป ก็ต้องระมัดระวังให้ดี เพราะตามธรรมชาติกิเลสงอกง่ายอย่างนี้ ลำพังกิเลสของตัวเราก็มากพอแล้วหากเจอกิเลสของชาวบ้านผสมสมทบเข้าไปอีก ถ้าเกิดทนไม่ไหวเดี๋ยวก็จะโดนกิเลส มันอัดเสียสะบักสะบอม

      เพราะฉะนั้น ดีที่สุด คือ ถ้าเห็นไม่เข้าท่าเข้าทาง รีบกลับมาบวชใหม่อยู่กับหลวงพ่อนี่แหละ อย่าโง่ไปอยู่ทางโลกนานนักเลยภารกิจทางโลกเสร็จเมื่อไหร่ ให้รีบกลับมาบวชทันที

      เมื่อพวกเราก้าวมาถึงวันนี้แล้ว หลวงพ่ออยากตั้งคำถามกับพวกเราว่า ในเมื่อแต่ละคนมีกิเลสคอยจ้องทำร้ายชุกชุมมากถึงเพียงนี้ งานที่แท้จริงของชีวิตคืออะไรกันแน่

      ตามความเป็นจริงงานทำมาหาเลี้ยงชีพ ก็ยังเป็นเรื่องรองไม่ใช่เรื่องหลัก ยิ่งงานเลี้ยงลูก เลี้ยงภรรยา นั่นยิ่งเป็นงานที่เราแส่ไปหามาเป็นภาระให้ตัวเองโดยไม่จำเป็น

      เพราะฉะนั้น งานที่แท้จริงของทุกชีวิตในโลก ไม่ใช่เฉพาะงานของพระภิกษุ คือ งานทำความเพียรปราบกิเลส ส่วนงานอย่างอื่นนอกนั้นยังเป็นรอง

      เรายิ่งปราบกิเลสได้มากเท่าไหร่ นิสัยดีๆ ย่อมเกิดมากขึ้นเท่านั้น เพราะตัวการที่ทำให้เกิดนิสัยเลว คือ กิเลส ได้ถูกกำจัดออกไปจากใจ

      เรายิ่งปราบกิเลสได้มากขึ้นเท่าไหร่ ปัญญายิ่งสว่างไสวความแตกฉานในอรรถในธรรมยิ่งเพิ่มพูน จนกระทั่งเราสามารถเป็นครูสอนศีลธรรมแก่ชาวโลกได้ แล้วเราก็จะมีอาชีพใหม่เกิดขึ้นแทนคือ อาชีพครูสอนวิธีปราบกิเลสให้แก่ชาวโลกเมื่อชาวโลกเห็นคุณค่าของเราเขาก็ให้ข้าวปลาอาหารเป็นการบูชาธรรม เป็นการตอบแทนที่เรามาสอนให้เขารู้จักวิธีปราบกิเลสในตัว

      เพราะฉะนั้น งานปราบกิเลส คือ งานหลักของชีวิต คนที่ตั้งใจปราบกิเลส ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีกินมีใช้ ใครที่จำเป็นต้องลาสิกขาออกไป อย่าไปเสียเวลาอยู่นานเลย รีบกลับมาทำงานปราบกิเลสให้แก่ตัวเอง และเมื่อชำนาญแล้วก็เป็นครูสอนวิธีปราบกิเลสให้ชาวโลกกันต่อไป

      เมื่อเรารู้แล้วว่า งานที่แท้จริงของชีวิต คือ งานปราบกิเลสให้หมดไป เราก็มาศึกษาเรึ่อง ขันธ์ ๕ กันต่อไปอีก

      เราเรียนกันมาว่า ขันธ์ ๕ คือ กายและใจเป็นภาระหนัก

      หลวงพ่อก็อยากเตือนว่า ใครที่ยังไม่มีภรรยา เมื่อลาสิกขาออกไปแล้ว อย่าโง่ไปรับอาสาแบกขันธ์ให้คนอื่นอีก กลายเป็นแบกคราวละ ๑๐ ขันธ์ มีลูกอีก ๑ คนก็เป็น ๑๕ ขันธ์ เมื่อถึงตอนนั้นระวังจะขันไม่ออก ได้โอกาสเมื่อไรให้รีบกลับมาบวชใหม่กับหลวงพ่อเร็วๆ นะลูก

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0077513853708903 Mins