คัมภีร์ใบลาน สืบสานพระธรรม
ตอน 7 "หอไตร กลางสายธาร "
หอไตร ทำไมจึงต้องปลูกอยู่กลางน้ำ และความงามงดตามธรรมชาติของสายน้ำที่พลิ้วไหวช่วยรักษาคัมภีร์โบราณให้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนานได้อย่างไร หาคำตอบได้ใน ‘คัมภีร์ใบลาน สืบสานพระธรรม’ ตอนที่ 7
เมื่อยามอากาศร้อนอบอ้าว สายลมพัดพาความชุ่มชื้นของกระแสน้ำลอดผ่านร่องไม้ช่วยให้อากาศภายในเรือนไม้หลังนี้ปลอดโปร่งขึ้น ความเย็นจากสายลมและความพลิ้วไหวบนผืนน้ำยังทำให้จิตใจของผู้มาเยือนสงบนิ่งลงได้อย่างประหลาด สายน้ำใสเย็นจึงเปรียบประหนึ่งสายธรรมที่นำพาดวงจิตให้สงบ ตั้งมั่นเป็นสมาธิ เกิดเป็นดวงปัญญาสว่างไสว
นอกจากความงดงามตามธรรมชาติแล้ว ‘สายน้ำ’ ยังมีประโยชน์ในเชิงอนุรักษ์คัมภีร์โบราณ บูรพชนจึงนิยมสร้างหอไตรไว้กลางน้ำ เพื่อเก็บรักษาคัมภีร์ใบลานที่จารึกพระไตรปิฎก และคำสอนในพระพุทธศาสนา รวมถึงความรู้เรื่องอื่นๆ อาทิ วรรณคดีพื้นบ้านโบราณ หรือตำรายา เป็นต้น
ในอดีตหอไตรหรือหอธรรมจึงเป็นเสมือนห้องสมุด แหล่งขุมทรัพย์ทางปัญญาสำหรับพระภิกษุสงฆ์สามเณรเข้ามาศึกษาหาความรู้ เป็นพื้นที่สงวนเฉพาะสงฆ์เท่านั้น บุคคลภายนอกไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปได้ แม้กระทั่งตัวคัมภีร์ใบลานที่อยู่นอกหอไตรก็ไม่อนุญาตให้สตรีเพศจับต้อง เพราะถือว่าคัมภีร์ที่ได้รับการจารและตรวจทานเรียบร้อยดีแล้วเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ควรค่าแก่การเคารพบูชา
การเก็บรักษาคัมภีร์ไว้ ณ หอไตรกลางน้ำ นับว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยให้คัมภีร์ใบลานพ้นจากภัยต่างๆ จนสามารถอยู่รอดปลอดภัย ผ่านกาลเวลามาได้ถึงปัจจุบัน เพราะสายน้ำเป็นเกราะป้องกันตัวอาคารที่เป็นเรือนไม้ ไม่ให้ปลวก มด แมลงและสัตว์อื่นๆ ไม่ให้เล็ดลอดเข้าไปกัดแทะทำลายคัมภีร์ภายในหอไตร
Cr : mps-center.in.th
อีกทั้งความชุ่มชื้นของสายน้ำที่พัดผ่านตามร่องพื้นไม้กระดานของหอไตร ทำให้อากาศภายในอาคารชุ่มเย็น ช่วยรักษาน้ำมันตามธรรมชาติในเนื้อลาน ทำให้คัมภีร์ใบลานยังคงความยืดหยุ่น ไม่แห้งกรอบ จึงทำให้สามารถคงสภาพได้นานหลายร้อยปี ประโยชน์อีกทางหนึ่ง คือ เมื่อเกิดอัคคีภัย สายน้ำจะเป็นแนวป้องกันสมบัติอันล้ำค่าของพระศาสนาไม่ให้มอดไหม้สูญไปกับเปลวเพลิง
Cr : mps-center.in.th
นอกจากนี้ความสงบเย็นของสายน้ำยังเป็นเครื่องป้องกันสิ่งรบกวนจากภายนอก ไม่ให้เข้ามาทำลายสมาธิพระภิกษุผู้ศึกษาธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้รู้แจ้งแตกฉานในธรรมะอันลุ่มลึกไปตามลำดับ
ในทุกภาคของประเทศไทยมีการสร้างหอไตรกลางน้ำไว้มากมายมาแต่ในอดีต ซึ่งต่างล้วนมีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ที่วิจิตรตระการตาด้วยศิลปะเฉพาะถิ่นของช่างฝีมือแห่งยุคสมัยที่ตั้งใจบรรจงสร้างให้งดงามที่สุด หลายแห่งอนุญาตให้ผู้สนใจศึกษาเข้าเยี่ยมชม อาทิเช่น หอไตรกลางน้ำ ณ วัดมหาธาตุ จังหวัดยโสธร ซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาแต่แรกสร้างเมือง
หอไตรกลางน้ำ วัดมหาธาตุ
หอไตรแห่งนี้ถือเป็นหอไตรกลางน้ำที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของภาคอีสาน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นอาคารที่ใช้ศิลปะผสมผสานแบบช่างศิลป์ของลาวและรัตนโกสินทร์ได้อย่างลงตัว สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง
ผนังของห้องเก็บพระไตรปิฎกพร้อมทั้งเสาและเครื่องบนของหอไตรเขียนลายรดน้ำ ผนังจำหลักลายแนวพรรณพฤกษา บานหน้าต่างประดับแผงรวงผี้ง ส่วนล่างทำเป็นรูปมะหวด และลวดลายปิดทองประดับกระจกสี
เมื่อเข้าไปภายในหอไตรตรงกลางจะพบห้องสำหรับเก็บคัมภีร์ใบลานจำนวนมาก พื้นที่ส่วนนี้จะยกสูงกว่าพื้นระเบียงทางเดินโดยรอบใต้ชายคา ซึ่งเป็นที่เก็บรักษาตู้พระธรรม หีบพระธรรม และโบราณวัตถุที่ทรงคุณค่า และเป็นพื้นที่ให้พระภิกษุสามเณรเข้าไปนั่งศึกษาคัมภีร์ใบลาน กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนหอไตรวัดมหาธาตุเป็นโบราณสถานของชาติ เป็นสมบัติคู่เมืองยโสธร เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๑
พระเทพวงศาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดยโสธร เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ
พระเทพวงศาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดยโสธร เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ จังหวัดยโสธร เคยกล่าวไว้ว่า
“...ความเป็นมาของหอไตรกลางน้ำวัดมหาธาตุนี้ บูรพาจารย์โบราณได้ช่วยกันอนุรักษ์รักษามา และเป็นจุดเด่นจุดสำคัญของวัดด้วย เพราะเป็นแหล่งรวมหลักคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งสามารถให้ญาติโยมที่เข้าใจในภาษาสามารถที่จะค้นคว้าได้
คัมภีร์ใบลานบางส่วนมาจากเวียงจันทน์ และบางส่วนก็เป็นของคณะครูบาอาจารย์โบราณที่ท่านมีฝีมือ เนื้อหาที่จารจารึกไว้ใส่ใบลาน มีอยู่หลายเรื่อง เช่น วรรณคดี ประวัติศาสตร์ ซึ่งมีพระมหาเถระช่วยกันรักษามาเป็นยุคๆ เป็นเรื่องต่างๆ ที่มีความสำคัญ จำเป็นที่จะต้องศึกษาแล้วนำมาประพฤติปฏิบัติ ท่านคิดถึงอนุชนรุ่นหลังที่จะได้มาศึกษาด้วย
ที่ต้องเก็บไว้กลางน้ำ เขาเล่ากันว่า เป็นการเก็บหนังสือโบราณที่ดีที่สุด เพราะว่า หอไตรบางส่วนเป็นไม้ เมื่อสร้างกลางน้ำ ปลวกไม่กิน ปลวกเข้าไม่ถึง ก็เลยปลอดภัย ”
ณ วันนี้ หอไตรวัดมหาธาตุแห่งนี้และอีกหลายๆ แห่ง ยังคงเป็นคลังความรู้แก่ผู้ที่สนใจศึกษาพระพุทธศาสนาจากหลักฐานต้นแหล่ง รวมถึงผู้แสวงหาความรู้ภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษได้จดจารต่อกันมาหลายชั่วอายุคนด้วยความพากเพียรอุตสาหะ อีกทั้งศิลปะแบบช่างศิลป์โบราณของตัวเรือนไม้หอไตรก็นับวันจะหาดูได้ยากยิ่ง เราจึงไม่ควรละเลยและช่วยกันอนุรักษ์รักษาอย่างจริงจัง
แม้กาลเวลาจะผ่านไป สายน้ำจะไหลไปไม่หวนกลับ แต่สายธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไหลรินสู่ดวงใจของทุกผู้คน ตราบเท่าที่พุทธศาสนิกชนยังช่วยกันธำรงรักษาไว้ให้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองสืบทอดไปอีกนานเท่านาน
เรียบเรียงจากบทความใหม่จากวารสารอยู่ในบุญ
เรื่องหอไตร...กลางสายธารแลสายธรรม ฉบับเมษายน 2557