" ยาไส้ " กับ " ยาใจ "

วันที่ 05 กพ. พ.ศ.2564

" ยาไส้ " กับ " ยาใจ "

 

640205_b.jpg

 

              วันนี้ ผมอยากจะชวนน้องๆ นิสิตนักศึกษามาศึกษา "ธรรมะ" กันบ้างครับ เพื่อเราจะไดัรู้ว่า ธรรมะจำเป็นขนาดไหนสำหรับชีวิตของคนเรา

 

             ความจริงแล้วพระพุทธศาสนามีความรู้ดีๆ เยอะ แยะมากมายที่ในยุคปัจจุบันคนไทยไม่ค่อยรู้ เพราะไม่ค่อยมีคนพูดถึงกัน และอาจจะมองว่าการเรียนธรรมะเป็นเรื่องล้าสมัย จึงทำให้ขาดความรู้ที่สำคัญต่อการประสบความสำเร็จในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย

 

            ด้วยผลของการมองข้ามความรู้ในพระพุทธศาสนา และค่านิยม ที่มองการศึกษาธรรมะเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายนี้เอง ก็ได้กลายเป็นผลร้าย ต่อประเทศชาติ คือการขาดความรู้บาปบุญคุณโทษในสังคม ทำให้เกิด ปัญหาสังคมตามมา โดยเฉพาะปัญหาศีลธรรมเสื่อมทราม เช่น ปัญหา ยาเสพติด ปัญหาโสเภณีเด็ก ปัญหาคอรัปชั่น ปัญหาอบายมุขครองเมือง เป็นต้น

 

             ปัญหาเหล่านี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงชี้ให้เห็นว่า เป็นปัญหาที่ เกิดจากความโลภ ความโกรธ ความหลงของคนเราบังคับบัญชาใจสั่งให้ กายทำความชั่วบาป

 

              สิ่งที่ต้องคิดหนักต่อมาจึงอยู่ที่ว่า ต้นเหตุปัญหาสังคมนั้นอยู่ที่ใจ แล้วทำอย่างไรคนส่วนใหญ่จึงจะเห็นว่า ธรรมะในพระพุทธศาสนา สามารถช่วยให้สังคมและประเทศชาติดีขึ้นได้ ?

 

             คำตอบคือเราต้องรู้ก่อนว่า ธรรมะทำหน้าที่อะไร ธรรมะทำให้เกิด ผลดีต่อตนเอง ครอบครัว ที่ทำงาน สังคม ประเทศชาติอย่างไร

             อธิบายได้ง่ายๆ ว่า คนเราทุกวันนี้อยู่ได้ด้วย "ใจ'' กับ "กาย" รวม กันเป็นหนึ่งเดียว

             ถ้ามีแต่กายไม่มีใจ เราเรียกว่า ศพ

             ถ้ามีแต่ใจไม่มีกาย เราเรียกว่า ผี

 

             ใจทำหน้าที่บังคับกาย โบราณจึงว่า "ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว" เพราะฉะนั้นกายจะทำดีหรือชั่วก็ขึ้นอยู่กับการบัญชาการของใจเป็นสำคัญ

 

              เพราะว่าคนส่วนใหญ่ใจป่วยหนักอย่างไม่มียาใจมา

              รักษา โลกจึงได้ร้อนเป็นไฟขึ้นทุกวัน ปัญหา
             สังคมต่างๆ จึงตามมา แล้วคราวนี้ไม่ว่าจะเดินไป

             ทางไหน ไปทำอะไรก็ให้รู้สึกว่ามันร้อนไปทุกอย่าง
             ก้าวทุกตารางนิ้ว

 

             แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งกายและใจอยู่ได้ด้วยอาหาร

 

             อาหารกาย คือ วัตถุที่กินแล้วอิ่ม ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย ประทัง ชีวิตให้อยู่รอดต่อไปได้ เช่น หมูเห็ด เป็ด ไก่ ขนม นม เนย เป็นต้น

 

            อาหารใจ คือ ความดีที่มาหล่อเลี้ยงใจให้เป็นสุข แม้ในเวลาจะต้อง ตายไปจากโลกนี้ก็ไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนว่าตายแล้วจะต้องไปตกนรกหมกไหม้ เช่น การให้ทานทำให้มีนํ้าใจมาควบคุมความโลภลงได้ ศีลทำให้มี ความเย็นใจมาควบคุมความโกรธลงได้ ภาวนาทำให้มีปัญญามาควบคุม ความหลงลงได้ เป็นต้น

 

            ร่างกายมนุษย์ของเรานี้ก็แปลกเป็นเหมือนผู้เจ็บป่วยอยู่ทุกวันต้อง อาศัยกินยาไส้ คืออาหารไว้หล่อเลี้ยงร่างกายอยู่เสมอ

 

            แต่ใจคนเรานี้แปลกยิ่งกว่า เป็นเหมือนเจ็บป่วยหนักกว่ากายอยู่ ตลอดเวลา เช่น คนอื่นเขาอยู่ดีๆ บางทีก็คิดจะไปโกงเขา คิดจะไปแย่ง ชิงลูกเมืยเขา คิดจะหลอกลวงเขา เป็นต้น ซึ่งอาการเจ็บปวยหนักทางใจ นี้เป็นเพราะความโลภ ความโกรธ ความหลงมันออกฤทธิ์ให้มีวินิจฉัย  ผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากทำนองคลองธรรม ใครไปเป็นเข้าก็นอนตาย ตาไม่หลับไปอีกชาติหนึ่ง

 

            และเพราะว่าคนส่วนใหญ่ใจป่วยหนักอย่างไม่มียาใจมารักษา โลกจึงได้ร้อนเป็นไฟขึ้นทุกวัน ปัญหาสังคมต่างๆ จึงตามมา แล้วคราวนี้ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ไปทำอะไรก็ให้รู้สึกว่ามันร้อนไปทุกย่างก้าวทุกตารางนิ้ว แม้ว่าจะหนีไปอยู่ในห้องแอร์เย็นๆ แล้ว แต่ใจก็ยังร้อนรนทุรนทุรายเหลือเกิน

 

             เช่น ถึงแม้ว่าจะกลับไปบ้าน ซึ่งเป็นสถานที่เดียวในโลกที่กลับไป แล้วรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย แต่เพราะใจป่วยเสียแล้ว บ้านที่เคยดีก็กลับ ร้อนเป็นไฟลุกเผาไหม้ให้ร้อนหนักเข้าไปอีก

 

             ถ้าเป็นนักเรียน หรือเป็นครูที่ใจป่วยเสียแล้ว เวลาไปโรงเรียน เดี๋ยวโรงเรียนก็ลุกเป็นไฟขึ้นมาอีกกองหนึ่ง

 

             ถ้าต้องทำงาน แต่ใจป่วยเสียแล้ว เวลาไปที่ทำงาน เดี๋ยวที่ทำงาน ก็ลุกเป็นไฟขึ้นมาอีกกองหนึ่ง

 

            และแม้ว่าจะมาบวชเป็นพระ ถ้าใจป่วยเสียแล้ว เผลอไปเล่นกับ ไฟคือกิเลสเข้า ผ้าเหลืองก็ร้อนลวกเป็นไฟได้อีกเหมือนกัน

 

            แล้วอาการใจป่วยนี้ สุดแสนจะยากลำบากต่อการรักษา ถ้าหาก รักษาไม่เป็นแล้วจะเจ็บหนักกว่าเก่าเพราะเอาเงินพันล้านมารักษาก็ไม่หาย มีครอบครัวสักร้อยครอบครัวก็ไม่หาย มีลูกสักพันคนก็ไม่หาย บางทียิ่ง ร้อนหนักไปกว่าเก่าเสียอีก แล้วหนีไปไหนก็ไม่พ้น เพราะว่ามันร้อนรน อยู่ข้างใน

 

            ใจจะหายป่วยได้ต้องใช้ยาใจรักษา

           ยาใจ คือ ธรรมะที่ทำหน้าที่เป็นอาหารหล่อเลี้ยงใจ

           ถ้าที่ไหนมีธรรมะที่นั่นก็เย็นใจเย็นกาย

 

           ถ้าบ้านมีธรรมะเดี๋ยวบ้านก็เย็น สถานที่ทำงานมีธรรมะเดี๋ยวที่ ทำงานก็เย็น โรงเรียนมีธรรมะเดี๋ยวโรงเรียนก็เย็น แล้วยิ่งวัดที่เป็นต้น แหล่งของธรรมะมีธรรมะก็ยิ่งเป็นที่พึ่งพิงให้กับประชาชน จะยิ่งร่มเย็น กันทั้งสังคม

 

          เพราะธรรมะมีคุณอย่างนี้ นักปราชญ์จึงกล่าวว่า คนมีธรรมะเดิน ทางไปตรงไหนในโลก โลกตรงนั้นก็เย็นขึ้นมา แม้แต่ต้องมายืนกลาง แดดก็ยังรู้สึกเย็นใจ นี่คืออานุภาพของธรรมะที่เป็นยาใจ

 

เรื่องเล่า...ของพี่ชายคนหนึ่ง
โดย ชัยภัทร ภัทรทิพากร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.067962952454885 Mins