คลายเครียดอย่างถูกวิธี

วันที่ 25 กพ. พ.ศ.2564

คลายเครียดอย่างถูกวิธี

 

640225%20_b.jpg

 

                   คนส่วนมาก เมื่อเกิดความเครียดจากหน้าที่การงาน แล้ว มักใช้ยาระงับประสาทคลายความเครียดบ้าง บางทีก็เล่นไพ่หวังจะคลายความเครียดบ้าง หรือ ไม่ก็หันหน้าเข้าไปหาอบายมุขตามผับ ตามเธคกันบ้าง เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้คลายเครียด แต่จริงๆแล้ว กลับไม่ทำให้คลายเครียดเลย แต่ยิ่ง ทำให้เกิดความเครียดสะสมหนักเข้าไปใหญ่ การคลาย ความเครียดแบบไหนเล่า จึงจะถูกวิธี และทำให้หายเครียดได้ อย่างแท้จริง

 

                  วิธีคลายความเครียดที่ถูกต้องจะต้องมีผลทำให้การทำงานทาง จิตมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ทนต่อความเครียดได้ เมื่อถึงเวลาใช้ความคิด ก็คิดได้นาน คิดได้ต่อเนื่องโดยไม่มีอาการอ่อนล้า คิดได้ลึกซึ้งละเอียด รอบคอบ ซึ่งวิธีคลายเครียดที่จะให้ได้ผลอย่างนี้ มีอยู่วิธีเดียว คือ การทำสมาธิเป็นประจำ

 

                  การแก้เครียดด้วยการเสพอบายมุขเป็นการแก้ที่ไม่ถูกจุด กลับ กลายเป็นการสะสมความเครียดลึกๆ เอาไว้ในใจ เพราะนอกจากทำให้ เสียเงินเสียทองแล้ว ยังเสียสุขภาพ เสียเวลา มีโอกาสติดหนี้สิน ถลำลึก เข้าไปเป็นทาสของยาเสพติดได้ เสี่ยงตายโดยไม่จำเป็น และ ในบางครั้ง ถ้าไม่ระมัดระวังให้ดีไปดูเรื่องที่ไม่สมควรเข้า เช่น เรื่องเสื่อมเสียศีลธรรมต่างๆ ก็จะยิ่งเพิ่มความเครียด ความขุ่นมัว ความหยาบของใจจะมี มากขึ้นไปอีก ซึ่งก็อาจเสียคนและต้องเสียใจในที่สุด

 

                 การใช้ยาระงับประสาทก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ระมัดระวังก็จะเป็น ผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงาน ประสิทธิภาพการคิดตํ่าลงเรื่อยๆ

 

                แม้ที่สุดการพนันแบบเล่นๆ ไม่เอาเงินเอาทองกัน ก็ไม่ควรทำ เพราะเป็นการเพิ่มความเครียดอีกรูปแบบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว รวมทั้งอาจ เพาะนิสัยมีเหลี่ยมมีคูเพิ่มขึ้นมาอีกก็ได้

 

                การทำสมาธิมีอยู่หลายวิธี แต่วิธีหนึ่งที่ทำได้

                ง่ายๆ คือ ทุกคืนก่อนนอนให้นั่งในท่าที่สบาย

               ที่สุด อาจจะเป็นนั่งเก้าอี้ นั่งพับเพียบ นั่ง

               ขัดสมาธิก็ได้ แต่ไม่ควรนั่งพิง แล้วก็หลับตานิ่งๆ

               ทำความรู้สึกเหมือน กับว่าเรานั่งอยู่ลำพัง คนเดียวในโลก

 

               การทำสมาธิมีอยู่หลายวิธี แต่วิธีหนึ่งที่ทำได้ง่ายๆ คือ ทุกคืนก่อน นอนให้นั่งในท่าทีสบายที่สุด อาจจะเป็นนั่งเก้าอี นั่งพับเพียบ นั่ง ขัด สมาธิก็ได้ แต่ไม่ควรนั่งพิง แล้วก็หลับตานิ่งๆ ทำความรู้สึกเหมือน กับ ว่าเรานั่งอยู่ลำพังคนเดียวในโลก จากนั้นก็นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใด องค์หนึ่งทีเราจำได้อย่างติดตาติดใจ นึกอาราธนาพระพุทธรูปนั้นให้มา อยู่ในกลางตัวเรา โดยที่องค์พระนั้นนั่งหันหน้าไปทางเดียวกับเรา เป็น พุทธานุสติ ก็ย่อมทำได้ง่ายๆ

 

               แล้วให้นึกถึงองค์พระพุทธรูปนี้ ต่อเนื่องกันไปไม่ขาดสาย คือนึก ซ้ำแล้วซ้ำอีก แล้วก็นึกอย่างเบาๆ โดยไม่ใช้ความพยายาม ทำ นองเดียว กับนึกถึงบ้านนึกถึงหน้าคุณพ่อคุณแม่ของเรา เป็นการนึกจากในกลางท้อง ไมใช่นึกจากสมอง

 

              เมื่อนึกแล้วจะเห็นภาพองค์พระหรือไม่ก็ตาม ไม่ต้องกังวล ขอ แต่เพียงให้ได้นึก แล้วใจก็จะสงบลงเอง ความเครียดก็จะค่อยๆ มลาย หายไป

 

             ในขณะที่กำลังนึกถึงองค์พระองค์นี้อยู่ ถ้ามีเรื่องอะไรสอด แทรกเข้ามาในความคิด ก็ให้มีสติรู้ทัน และอย่าไปต่อต้าน ทำเฉยๆ มิ ฉะนั้นจะเกิดความหงุดหงิด ให้ถือเสียว่าเมื่อมาเองได้ ก็ย่อมไปเองได้ เช่นกัน

 

              ต่อเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว ๕-๑๐ นาที เรื่องที่สอดแทรกเข้ามา ยังไม่ไป ยังรบกวนอยู่ จึงค่อยทำบริกรรมภาวนา คือท่องในใจว่า "สัมมา อะระหัง ๆ ๆ" ก็ได้ ประคององค์พระให้นิ่งๆ ไปช้าๆ โดยทำความรู้สึกว่า แม้คำว่า "สัมมาอะระหัง" นั้น ก็คล้ายกับว่าเสียงนั้นดังผุดขึ้นมา จาก กลางองค์พระในกลางท้องของเรา

 

               เมื่อประคองใจไปอย่างนี้เรื่อยๆไม่ช้าเรื่องที่มารบกวนก็จะหายไป แม้แต่คำว่า สัมมาอะระหัง ก็จะเลือนไปเองโดยอัตโนมัติ คงมีแต่องค์ พระอยู่ในมโนภาพเท่านั้น ในไม่ช้าใจก็จะสงบลง ความ เครียดก็จะหายไป

 

              นอกจากจะนั่งสมาธิอย่างนี้ทุกคืน ไม่ว่าจะนั่งแค่ครึ่งชั่วโมง หรือ ถึงหนึ่งชั่วโมงแล้วก็ตาม ในเวลาทำงานถ้ารู้สึกเครียดขึ้นมาเมื่อไร ก็ให้ วางงานทิ้งไว้เสียชั่วคราว นั่งหลับตาทำสมาธิในที่ทำงานนั่นแหละ สักพัก หนึ่งอาจจะ ๑๐-๑๕ นาที ก็จะหายเครียดเอง แล้วจึงค่อยทำงานต่อไป

 

              การงานก็จะก้าวไกล อนาคตก็จะแจ่มใส จิตใจก็เบิกบาน แล้วเราก็จะ เป็นที่รักของทุกๆ คนครับ

 

 

เรื่องเล่า...ของพี่ชายคนหนึ่ง
โดย ชัยภัทร ภัทรทิพากร

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.026346850395203 Mins