หินจมน้ำ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกับนายบ้านนามว่าอสิพันธกบุตร
ดูก่อนนายคามณี..
เปรียบเหมือนบุรุษโยนหิน ก้อนหนา ใหญ่ ลงในห้วงน้ำลึก หมู่มหาชนพึงมาประชุมกัน เเล้วสวดวิงวอนสรรเสริญ ประนมมือ เดินเวียนรอบหินนั้นว่า ขอจงโผล่ขึ้นเถิดท่านก้อนหิน ขอจงลอยขึ้นเถิดท่านก้อนหิน ขอจงขึ้นบกเถิด ท่านก้อนหิน
ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ก้อนหินนั้นพึงโผล่ขึ้น พึงลอยขึ้น หรือพึงขึ้นบก เพราะเหตุเเห่งการสวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือ เดินเวียนรอบของหมู่มหาชนบ้างหรือ
(คาม.) : ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า
ดูก่อนนายคามณี ฉันนั้นเหมือนกัน บุรุษคนใดฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ มากไปด้วยอภิชฌา (ความโลภอยากได้ ) มีจิตพยาบาท มีความเห็นผิด หมู่มหาชนพึงมาประชุมกันเเล้ว สวดวิงวอน สรรเสริญ ประนมมือ เดินเวียนรอบบุรุษนั้นว่า ขอบุรุษนี้เมื่อตายไป จงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ก็จริง เเต่บุรุษนั้นเมื่อตาย พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
ภูมกสูตร มก. เล่ม ๒๙ หน้า ๑๙๐