สุขสามเณร ตอน2
หนุ่มชาวชนบทจึงบอกสหายชาวเมืองว่า อยากกินอาหารในถาดของท่านเศรษฐีเหลือเกิน สหายชาวเมืองรีบห้ามว่า อย่าพูดอย่างนั้นเลยเพื่อนยาก แค่คิดก็ยังไม่มีสิทธิ์ ท่านจะทานอาหารของท่านมหาเศรษฐีได้อย่างไร เลิกคิดซะเถอะ เพราะจะทำให้ทุกข์ใจเปล่าๆ แต่หนุ่มบ้านนอกกลับยืนกรานว่า อยากรับประทานอาหารของท่านเศรษฐีมาก
บอกว่าเพื่อน ฉันอยากกินอาหารของท่านเศรษฐีจริงๆหากไม่ได้กินคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เป็นแน่ เมื่อสหายชาวเมือง ฟังถ้อยคำที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น เเละเห็นกิริยาอาการของการอยากกินอาหารของท่านเศรษฐีจริงๆ ก็บังเกิดความสงสารไม่กล้าที่จะกล่าวห้ามอีกต่อไป ได้แต่เห็นใจเพื่อน จึงเข้าไปยืนอยู่ที่ท้ายที่ประชุม ตะโกนเสียงดัง 3 ครั้งว่า
ท่านเศรษฐีผู้มีจิตเมตตา ฉันขอไหว้ท่านล่ะ เมื่อคันธะเศรษฐีถามว่ามีเรื่องอะไรหรือ ก็บอกว่าเพื่อนของผมเป็นชาวชนบทเกิดอยากกินอาหารในถาดทองของท่าน เขาระงับความอยากในอาหารนั้นไม่ไหว หากไม่ได้กินของต้องตายเป็นแน่ ขอท่านเศรษฐีได้โปรดกรุณาสหายของผมด้วยเถิด
เศรษฐีเหตุผลไปว่า พ่อหนุ่มเราให้ท่านไม่ได้หรอก เพราะถ้าหากเราแบ่งให้เพื่อนของเจ้าได้กิน คนขอทานอีกมากมายในเมือง ก็ต้องมาขอเรากินบ้าง หากเราไม่ให้ ก็จะถูกหาว่าลำเอียงทางที่ดีเราไม่ควรให้ใครกินเลยดีกว่า จะได้ไม่ถูกว่าเป็นคนอคติ เจ้าเคยกินอาหารอย่างไรก็กินอย่างนั้นไปเถิด อย่าได้มาเสียเวลาขอเรากินเลย คงเป็นไปไม่ได้หรอก
สหายชาวเมืองถามว่า เพื่อนรักได้ยินคำตอบแล้วหรือยัง ถ้าได้ยินแล้วก็ควรเลิกล้มความตั้งใจเสีย การอยากกินอาหารของเศรษฐี ยากกว่าหาแหล่งน้ำกลางทะเลทรายเสียอีก หนุ่มบ้านนอกบอกว่าได้ยินแล้วสหายแต่ทำอย่างไรได้เล่า หากเราไม่ได้กินก็ขอยอมตายดีกว่า สหายชาวเมืองเห็นท่าไม่ดี เพราะเพื่อนนั่งซึมหมดอาลัยตายอยาก จึงร้องตะโกนไปทางเศรษฐีเป็นครั้งที่ 2 พลางอ้อนวอนให้ท่านเศรษฐีเห็นใจว่า
ท่านเศรษฐี เพื่อนของข้าพเจ้าหากไม่ได้ทานอาหารของท่าน คงต้องนอนตายอยู่ตรงนี้เป็นแน่ ขอท่านได้โปรดเมตตาเขาด้วยเถิดเพียงแค่แบ่งอาหารของท่านมาให้เขาได้ลองชิมบ้างก็ยังดี ขอท่านได้ให้ชีวิตแก่เพื่อนของข้าพเจ้าด้วยเถิด คันธเศรษฐีบอกว่า พ่อหนุ่มอาหารของเราแต่ละชนิดมีค่า100 กหาปณะเป็นอย่างน้อย บางชนิดมีค่าเป็น 1000 ก็มี เมื่อเราให้แก่ผู้ที่มาขอคนละเล็กละน้อยแล้วเราจะกินอะไร เอาเถอะ หากเพื่อนของเจ้าต้องการจริงๆเราก็พอมีวิธีให้เขาได้ลิ้มลอง
แต่เพื่อนของเจ้าต้องทำตามกติกาเสียก่อน ลองถามเขาเถิดว่า สามารถทำตามเงื่อนไขได้หรือไม่ สหายชาวเมืองหันมาบอกเพื่อนว่า เพื่อนรักพอมีทางที่จะได้กินอาหารของท่านเศรษฐีแล้วล่ะ แต่ว่าท่านจะต้องทำตามเงื่อนไขของเศรษฐีให้ได้เสียก่อน จึงจะได้กินอาหาร หนุ่มบ้านนอกดีใจมากที่มีความหวังของตัวเองยังพอมีโอกาสอยู่บ้างเหมือนมองเห็นแสงไฟริบหรี่ในยามรัตติกาล
ไม่ต้องหมดโอกาสและต้องมาตายเพราะความอยากในรสอาหารเสียแล้ว จากที่เหมือนคนหมดเรี่ยวหมดแรงก็รีบลุกขึ้นถามด้วยใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวังว่า จะให้ทำอย่างไรล่ะ ขอบอกมาเถิดเรายินดีทำให้ทุกอย่าง คันธเศรษฐีก็บอกว่า หากเจ้าอยากรับประทานอาหารของเราก็จะต้องทำงานรับจ้างในบ้านของเรา 3 ปีไม่ขาดตกบกพร่องเลย แล้วเราจะให้ถาดอาหารที่อร่อยถาดหนึ่งเเก่เจ้า หนุ่มชาวบ้านนอกฟังเงื่อนไขแล้วแทนที่จะหมดกำลังใจ กลับมีความปิติยินดีถ้าเป็นคนอื่นคงตอบปฏิเสธไปแล้ว แต่เขากลับยินดีรับเงื่อนไขของเศรษฐีทันที รีบกลับไปบ้านบอกลาลูกและภรรยาว่าพ่อจะไปทำงานในบ้านเศรษฐี 3 ปีแล้วจะกลับมา ฝ่ายลูกๆและภรรยาแม้จะช่วยกันอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่สามารถ ต้านทานความมุ่งมั่นของเขาได้
เขาได้ไปทำงานรับจ้างด้วยความตั้งใจ ทำการงานในบ้านเศรษฐีทุกอย่าง การงานที่ควรทำในบ้านในสวน ในไร่ ปรากฏว่าเขาทำจนเสร็จเรียบร้อย ชนิดที่ไม่มีที่ติเลย เงินที่เศรษฐี มอบให้ก็ฝากไปให้บุตรและภรรยาที่บ้าน ความขยันในการทำงานของเขานั้นอยู่ในสายตาของเศรษฐีตลอดมา
ทำให้รู้สึกชื่นชมในตัวเขาอย่างเงียบๆ ต่อมาชาวเมืองได้เรียกชื่อเขาว่า นายภัตตภติกะ หมายถึงผู้ทำงานรับจ้างเพื่อต้องการรับประทานอาหารที่มีรสเลิศ
โปรดติดตามตอนต่อไป
ธรรมะเพื่อประชาชน
คุณครูไม่ใหญ่