..... พระธรรมคุณาภรณ์ พระเดชพระคุณหลวงพ่อกับอีกงาน หนึ่งที่นับว่าเป็นการให้กำลังใจได้เป็นอย่างดี คือการไปเยี่ยมเยียน เพื่อนสหธรรมิกและอุบาสกอุบาสิกาทั้งในคราวมีงานและโอกาสธรรมดา โดยเฉพาะญาติโยมที่ใกล้ชิดวัด ท่านจะหาโอกาสเยี่ยมอยู่เสมอ ๆ สำหรับคนในชุมชนนั้น ถ้าบ้านใดมีงานศพท่านจะไปร่วมนั่งฟังพระอธิธรรมด้วย ถ้าเขานำศพมาตั้งที่ศาลาบำเพ็ญกุศลที่วัดก็เป็นความสะดวกสบายแก่ท่านหน่อย ท่านถือปฏิบัติอย่างนี้เสมอมามิได้ขาด เมื่อพระเดชพระคุณไปส่งผู้เขียนไปเป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งมะสัง ท่านกำชับว่า “แกต้องไปเยี่ยมงานศพบ้านนี้ทุกงาน บ้านเล็กบ้านน้อยก็อย่ารังเกียจเป็นเด็ดขาด “ ผู้เขียนก็เลยถือปฏิบัติตามคำสั่งท่านมิเคยขาด เว้นเสียว่าจะมีธุระต้องไปต่างที่หรือมีงานจำเป็นจริง ๆ จึงจำใจต้องงดเว้น นับว่าท่านได้ใช้โอกาสนั้นให้กำลังใจต่อญาติโยม เป็นการใช้จิตวิทยาอย่างง่าย ๆ แต่ต้องมีความเสียสละความสะดวกสบายส่วนตัวอยู่เสมอ
...... นอกจากไปเยี่ยมบ้านหรืองานศพแล้ว ท่านยังถือปฏิบัติที่น่าประทับใจอีกอย่าง คือ การไปเยี่ยมคนป่วยที่ท่านรู้จักทั้งฆราวาส และพระภิกษุเพื่อนสหธรรมิก ท่านมักสวดพุทธมนต์ให้คนป่วย ไม่มีสติรับรู้ถึงการไปเยี่ยมและสวดของท่านด้วยซ้ำ คนป่วยได้กำลังใจช่วยให้หายป่วยไปได้ ไม่เพียงเยี่ยมเท่านั้น ท่านยังมักควักสตางค์ให้ทั้งคนป่วยและคนเฝ้าไข้ มีออกบ่อยที่ทั้งคนไข้และคนเฝ้าไข้ไม่ใช่คนขัดสนอะไร แต่ท่านก็ยังให้ตามน้ำใจอันเอื้อเฟื้อของท่าน คิดว่าท่านคงให้เพื่อให้เกิดกำลังใจมากกว่า
...... ปฏิปทาที่ท่านมีนี้คนรุ่นหลังควรถือเอาเป็นตัวอย่างเพื่อผลสำเร็จของการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะพระสงฆ์เราจะช่วยกำหัวใจของชาวบ้านและเพื่อนสหธรรมิก ตลอดถึงศิษยานุศิษย์ได้เป็นอย่างดี
...... ยังมีงาน และคุณลักษณะอันดีงามของพระเดชพระคุณอีกมากมายที่ไม่ได้พูดถึง เช่น วิสัยทัศน์อันกว้างไกลที่ท่านได้ริเริ่มสร้างพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่สอง ที่วัดไชยชุมพลฯ นี้ นับว่าเป็นสถานแสดงพิษสงครามให้ชาวโลกได้ตระหนัก ถึงมหันตภัยของสงคราม ควรจะเป็นอยู่กันอย่างสันติระหว่างมวลมนุษยชาติ และงานการนำชาวพุทธไปนมัสการสังเวชนียสถานที่ท่านถือว่าเป็นงานสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมีคุณค่ามีประโยชน์ในภายในอย่างมากมาย ต้องใช้ความทรหดอย่าง สูงและงานอื่น ๆ อีกมากแต่ก็ไม่มีเนื้อที่อำนวยต่อการถ่ายทอด
...... สรุปความว่า พระเดชพระคุณเกิดมาในยุคที่โลกมีความเปลี่ยนแปลงสูงมาก จากช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๕ ถึงต้นศตวรรษที่ ๒๖ นี้ ยุคเช่นนี้ต้องมีคนที่มีความเข้มแข็งอย่างแท้จริงจึงจะเป็นตัวอย่าง ของสังคมได้ในหลาย ๆ ด้าน สังคมจึงไปรอด รูปแบบของผู้นำที่สมบูรณ์ที่สุดก็คือ นำทางศาสนานี่แหละจึงจะทำ ประโยชน์ได้มากที่สุด เมื่อโลกเข้าสู่สมัยที่มีรูปแบบระดับหนึ่งและ มีตัวอย่างจากคนดีสำคัญ ๆ ในโลกพอจะนำโลกไปสู่สุคติได้ คนดีมีความสำคัญก็จากไป งานของโลกจึงเป็นภาระของคนรุ่นหลังต่อไป
..... บัดนี้ ท่านคงทิ้งไว้แต่ความภาคภูมิใจให้แก่ศิษยานุศิษย์ว่า ได้มีวาสนาได้เป็นศิษย์ใกล้ชิดพระเดชพระคุณ มีวาสนาได้มีแบบอย่างการดำเนินชีวิตที่เยี่ยมยอดดังท่านได้ทำให้ดูแล้ว ความภาคภูมิใจนี้ไม่มีวันเลือนหายไปจนตราบชีวิตจะหาไม่ฯ
พระมหา ดร . ศุภชัย ปัญญาวชิโร