แสงสว่างเห็นบ้าง หายบ้าง

วันที่ 30 สค. พ.ศ.2565

30-8-65-b.jpeg

สรุปโอวาทการปฏิบัติธรรมที่ ๓๐
 

                 แสงสว่างเห็นบ้าง หายบ้าง : (พระลูกชาย: ทำสบาย ๆ ความสว่างจะเกิดขึ้นแล้ว แว้บ...หาย แว้บ....หาย ทำยังไงมันถึงจะอยู่ได้นานครับ) ตอนแรกเราต้องยอมรับก่อนว่า แว้บ...หาย เรายอมมันก่อน ยอมรับสภาพที่เป็นเช่นนี้ ดีกว่าไม่มีแว้บมาให้เห็น หรือแว้บมาให้หาย เรายังเห็นอยู่ แว้บๆ ดีกว่า วิ้บๆ แล้วต่อไปจะค่อย ๆ เป็นนาที เรื่อยไปเป็นชั่วโมง ก็จะอยู่นานขึ้น เราต้องยอมรับมันให้ได้...ว่าเราก็ยังควบคุมไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่สิ่งใหม่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนที่ท่านจะตรัสรู้เหมือนกัน ท่านก็เล่าไว้ในพระไตรปิฎกจากพระโอษฐ์ บางที...พระตถาคตเจ้า ตอนท่านเป็นพระโพธิสัตว์ กำหนดเห็นแสงสว่าง เห็นบ้าง หายบ้าง...นี่นะ...คำนี่นะ...เห็นบ้าง หายบ้าง บางทีแสงสว่างก็มาอยู่นาน บางทีก็ไม่นาน...ท่านพูดกับพระอนุรุทธะ บางทีก็อยู่นาน บางทีก็อยู่ไม่นาน บารมีขนาดนั้น บางทีก็อยู่นาน บางทีก็อยู่ไม่นาน ของท่าน...ถ้าส่องกระจก ท่านได้ลักษณะมหาบุรุษของเราอะไรบุรุษ เออ นี่นะ นั่นท่านบอกเองเลย บางทีแสงสว่างก็เห็น บางทีก็ไม่เห็น บางทีแสงสว่างก็อยู่นาน บางทีก็อยู่ไม่นาน แต่พระตถาคตเจ้า สมัยเป็นพระบรมโพธิสัตว์ก็ประกอบความเพียร ฝึกฝนต่อไป ท่านก็เล่าถึงว่า อยู่ในป่าที่สงัด ความสะดุ้งกลัวเกิดขึ้น ตอนนั้นยังไม่ตรัสรู้ ความสะดุ้งกลัวเกิดขึ้นในอิริยาบถยืน ท่านก็ฝืนยืนในสภาพที่เกิดความกลัว พูดภาษาชาวบ้าน คือกลัวอยู่ในอิริยาบถไหน...ก็จะอยู่ในอิริยาบถนั้น จนกว่าจะชนะมัน ถ้านอนกลัว ก็จะนอนอย่างนั้น ไม่ลุกจนกว่าจะหายกลัวจึงลุก ถ้านั่งแล้วเกิดความสะดุ้งกลัว ก็จะนั่ง ถ้าเดินก็จะเดินอย่างนี้นะ แปลว่า.....สิ่งที่เราเจอนี่ ไม่มีอะไรใหม่ เป็นเช่นเดียวกับสมัยที่ท่านยังเป็นพระบรมโพธิสัตว์ก่อนตรัสรู้ธรรม เดี๋ยวเห็น เดี๋ยวหาย บางทีอยู่นาน บางทีไม่นาน ท่านเล่าให้พระอนุรุทธะฟัง พระอนุรุทธะตอนสุดท้ายก็เลิศทางทิพยจักษุ เพราะงั้น ลูกผ่านมาถึงขั้นนี้แล้ว นี่ก่อนตรัสรู้ธรรม เพราะฉะนั้น เราต้องยกชั้น วันนี้ไม่ต้องไปทำอะไร ทำหยุด ทำนิ่ง อย่างนี้อย่างเดียวนะจ๊ะ


คุณครูไม่ใหญ่

จากหนังสือ ง่ายที่สุดคือหยุดได้ เล่ม ๑

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.036551566918691 Mins