11 มีนาคม 2527
สวัสดี พี่ตุ๋ม ที่รัก
ไม่ได้เขียนจดหมายคุยนานเเล้ว คิดถึงจังเลย วันนี้ขอคุยให้เยอะๆหน่อยนะ วันนี้จะคุยอะไรดี... คุยธรรมะดีกว่า...ที่พี่ตุ๋มบอกว่าอยากจะฟังประสบการณ์การนั่งปฎิบัติธรรม ของเปิ้ล วันนี้ว่างๆ เลยเขียนมาเเล้วให้พี่ฟัง
น้องเปิ้ลเริ่มนั่งสมาธิ มาเมื่อเดือนเมษายนปีที่เเล้ว ซึ่งตอนนั้น น้องเปิ้ลเถียงกับคุณพ่อ เรื่อง นรก สวรรค์ มีจริงหรือเปล่า คุณพ่อบอกว่ามีจริง ตอนนั้นน้องเปิ้ลยังไม่เชื่อคุณพ่อ เเต่ก็เชื่อนิดๆ หน่อยๆ นั่นเเหละ เพราะคิดว่าคุณพ่อคงไม่หลอกน้องเปิ้ล เอาเป็นว่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งก็เเล้วกัน คุณพ่อเลยเเนะนำให้พิสูจน์ความจริง น้องเปิ้ลเลยยอมนั่งสมาธิ
พิเริ่มนั่งได้เดี๋ยวเดียว มันก็เกิดอะไรไม่รู้เป็นแสงสว่างจ้า น้องเปิ้ลก็เลยยิ่งภาวนาสัมมาอะระหังใหญ่ แล้วยิ่งภาวนาก็ยิ่งค่อยๆลืมที่จะภาวนาไปทุกที จะหยุดภาวนา เเละก็เห็นดวงสว่างใสเป็นเพชรสว่างเท่าพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน
น้องเปิ้ลตื่นเต้นมาก เลยชวนคุณพ่อไปวัด ในวันอาทิตย์ ไปกราบหลวงพ่อธมฺมชโย หลวงพ่อท่าน หลวงพ่อสอนให้น้องเปิ้ลนั่งธรรมอีกเเป๊บเดียวก็ได้เเบบเดิมอีก น้องเปิ้ลก็พยายามทำใจให้นิ่งที่สุด เท่าที่จะนิ่งได้
ในขณะนั้นน้องเปิ้ลมีความสุขที่สุดเท่าที่เคยพบมาในชีวิต สุขจนไม่รู้จะอธิบายยังไงดี สุขคล้ายกับตอนที่เราโล่งใจ มันไม่รู้จะบรรยายยังไงดี ยิ่งสว่างก็ยิ่งสุข สว่างก็ยิ่งเย็น มันเย็นเหมือนติดเเอร์ไว้ในท้องอย่างนั้นเเหละ รู้สึกตัวเบาๆเหมือนกับลอยอยู่ในอวกาศ เเละรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
หลวงพ่อบอกว่า ดวงนี้เรียกว่า ดวงปฐมมรรค เป็นเเค่ขั้นต้นๆ เท่านั้นเอง น้องเปิ้ลก็เลย นึกในใจว่านี้เเค่ขั้นต้นๆยังมีความสุขถึงเพียงนี้ ถ้าขั้นสูงจะขนาดไหนนะ
หลังจากนั้นอีกไม่นานนัก คุณพ่อได้พาไปกราบศพหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ เเละนั่งสมาธิต่อหน้าศพของท่าน น้องเปิ้ลนั่งไปสักพักหนึ่งก็เกิดดวงเเบบเดิมอีก หลังจากนั้นก็เหมือนโดนดูดเข้าไปในเครื่่องดูดฝุ่นอย่างนั้นเเหละ รู้สึกตัวว่าเข้าไปอยู่ในที่โล่งกว่าเก่าเหมือนอยู่ในอวกาศ อันกว้างใหญ่ไพศาล ตัวเบาเหมือนกับวางของที่เเบกมาบนบ่า รู้สึกโล่งเย็นสว่างกว่าเดิมมาก
หลังจากนั้นอีกซัก 5 นาที ก็เห็นมีคนตัวใสๆ เป็นเเก้วหน้าตาเหมือนน้องเปิ้ล นั่งซ้อนอยู่กับตัวน้องเปิ้ล เเต่ซ้อนเเล้วเเทนที่จะหนักกลับรู้สึกตัวเบาขึ้นกว่าเดิมอีก ร่างใสนี้เกิดมาเหมือนเป่าแก้วจากหลอดที่อยู่ศูนย์กลางกายเเล้วเป่าเป็นรูปคนใสเป็นเเก้วจากเล็กๆ ขยายใหญ่จนเท่าตัวน้องเปิ้ล
....ในวันอาทิตย์ น้องเปิ้ลไปกราบหลวงพ่อธมฺมชโยอีกที. หลวงพ่อก็บอกว่าให้นำกายหยาบ ดวงสว่าง เเละกายที่น้องเปิ้ลพบใหม่ (น้องเปิ้ลมารู้ทีหลังว่ากายนั้นเรียกว่า กายมนุษย์ละเอียด) มาซ้อนกัน มาถึงตรงนี้พี่ตุ๋มคงงงซีนะว่าจะซ้อนกันได้อย่างไร มันเหมือนกับสิ่งที่ละเอียดกว่า มันก็จะซ้อนกับสิ่งที่หยาบกว่าได้ เช่น พี่ตุ๋มลองคิดถึงหน้าน้องเปิ้ลให้อยู่ในท้องของพี่ตุ๋มซิ... ความนึกคิดคือรูปหน้าน้องเปิ้ล มันเป็นสิ่งที่ละเอียดกว่าร่างเนื้อของพี่ตุ๋ม จึงซ้อนกันได้เข้าใจไหมครับ
หลวงพ่อสอนให้เข้ากลางของกลางไปเรื่อยๆ น้องเปิ้ลพบดวงอีก 6 ดวง เเต่ละดวงก็กลั่นให้ใจใสสะอาดขึ้นๆ ตลอดเวลา เมื่อเข้ากลางดวงที่6 มันก็ไปเจอกายอีกกายหนึ่งเเต่หล่อกว่า กายละเอียดอีก มีจุกด้วย ใส่ที่ครอบผมเเละมีเครื่องประดับ ประดาสวยงาม หลวงพ่อบอกว่า กายนี้ คือ กายทิพย์ มันก็อันเดียวกันกับ เทวดานั่นเเหละ รูปของเทวดาก็เหมือนกายทิพย์นั่นเเหละ ที่คนเขาวาดเทวดาใส่ชฎาเเหลมๆ ใส่รองเท้าหัวงอนๆ ไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย เพราะคนวาดไม่ได้เห็นองค์จริง ของจริงสวยกว่ามากมาย
กายใหม่เนี่ยมันยิ่งสุขกว่าเดิมอีก คือว่าสุขนี่มันมีหลายระดับหลายเเบบ สุขเเบบเดียวกัน เเต่ว่ามันสุขมากขึ้นเรื่อยๆ มันบอกไม่ถูก โล่ง เบา สบาย เหมือนอยู่ในที่ที่ไม่มีขอบเขต หลวงพ่อให้เข้ากลางกายทิพย์นี้ไป พอเข้าไปก็ไปเจอดวงอีก 6 ดวง เเต่ใสกว่าชุดเเรก เเล้วก็ไปเจออีกกายหนึ่ง คล้างกายเมื่อกี้นี้ นั่นเเหละ เเต่ว่ามันเหมือนมีรายละเอียดเเละชัดกว่า เหมือนกับมองต้นไม้ที่อยู่ในระยะไกล เทียบกับต้นไม้ที่อยู่ในระยะใกล้ เราย่อมมองเห็นรายละเอียด ของต้นที่อยู่ใกล้ได้มากกว่าชัดกว่า หลวงพ่อบอกว่า กายนี้เรียกว่ากายทิพย์ละเอียด
น้องเปิ้ลจึงไปกราบ หลวงพ่ออีก หลวงพ่อให้ทำเเบบเดิมอีก จนพบ กายรูปพรหม ....พรหมที่ว่านี้ไม่ได้มี 4 หน้า เหมือน พรหมตาม 4 เเยกเอราวัณ ...มี 4 หน้า เเล้วเวลานอนไม่รู้เอาหน้าไหนขึ้น หน้าไหนลง น้องเปิ้ลก็เข้ากลางไปเรื่อยๆ จนได้ดวงสว่าง อีก 6 ดวง เเล้วจึงพบ กายรูปพรหมละเอียด เเล้วก็เข้าไปอีก 6 ดวงอีก ในดวงที่ 6 ก็พบกายอรูปพรหม ในกายอรูปพรหมนี้ก็มีอีก 6 ดวง หลังจาก 6 ดวงนี้ น้องเปิ้ลก็เจอ ธรรมกายโคตรภูในที่สุด
พอได้ธรรมกาย หลวงพ่อก็ให้ขึ้นไปฝึกปฏิบัติธรรมบนดอยสุเทพที่เชียงใหม่ ตั้งเเต่เริ่มฝึกมาถึงตรงนี้ใช้ระยะเวลา 2 เดือนเศษๆ ในขณะที่น้องเปิ้ลอยู่บนดอย มีอะไรสนุกๆ เยอะเเยะเลย เช่นไปดูนรก-สวรรค์ ไปดูใจคนที่อยู่บนดอยด้วยกัน เเละคนที่อยู่ที่อื่นๆ อีกด้วย หลวงพ่อท่าน พูดว่า "ตอนที่อยู่ปฏิบัติธรรมบนดอยนี้เป็นธรรมะบันเทิงจริงๆ เลย" น้องเปิ้ลก็เห็นด้วย เพราะสนุกมากไม่มีอะไร เคร่งเครียดเลย
ตอนที่ลงจากดอยมาเเล้ว น้องเปิ้ลก็ได้นำพระธรรมกายมาใช้กับชีวิตประจำวัน ช่วยในการเรียนหนังสือทำให้จำได้ดีขึ้น โดยการใช้ธรรมกายช่วยจำ พี่ตุ๋มคงสงสัยซินะว่า พระธรรมกายช่วยจำได้อย่างไร การที่ให้พระธรรมกายช่วยจำนั้นทำได้โดยเข้ากลางจนถึงพระธรรมกาย เเล้วก็อาราธนาให้พระธรรมกายท่านช่วยจำ หลวงพ่อท่านบอกว่า ความจำนี้ เป็น หนึ่งในสี่ ของใจ ซึ่งใจประกอบด้วย ความเห็น ความจำ ความคิด ความรู้ เราก็นำความจำไปให้พระธรรมกายช่วยจำ พอเราลืม เราก็ถามท่าน ท่านก็จะตอบทันที เเต่ขั้นเเรกเราต้องดูหนังสือเต็มที่ก่อนนะ ประมาทไม่ได้
มีอีกเรื่องนึง คือวันหนึ่งตอนที่น้องเปิ้ลกำลังจดเลคเชอร์ที่ครูกำลังบอกให้จดอยู่ น้องเปิ้ลเกิดเมื่อยมือขึ้นมาก็เลยคิดว่า ถ้าใครมาช่วยเขียนก็จะดี ทันใดนั้นก็เหมือนมีร่างละเอียดมาสวมกับร่างหยาบของเรา เเล้วเอามือมาจับมือน้องเปิ้ลเขียน โดยที่น้องเปิ้ลไม่ต้องออกเเรงเลย น้องเปิ้ลก็มองไปที่กระดานมั่ง มองออกนอกห้องไปไหนต่อไหนมั่ง เเต่มือก็ยังเขียนอยู่ เพื่อนที่นั่งข้างๆน้องเปิ้ลงงใหญ่ มาขอให้สอนวิธีที่จะเขียนโดยไม่ต้องมองบ้าง น้องเปิ้ลก็เลยได้เเต่หัวเราะหึๆ ร่างที่มาสวมนั้นก็คือ "กายละเอียด'' นั่นเอง กายละเอียดรู้สิ่งที่ใจเราคิด นั่นก็เพราะว่าศูนย์กลางกายตรงกันก็เลยรับรู้กันได้
การได้ธรรมกายนี้ได้ประโยชน์เยอะเเยะ คือว่าไม่ค่อยมีคนมาโกรธ หรือ มาทะเลาะด้วย เพื่อนบางคนที่ไม่ค่อยจะถูกกัน เเต่เดี๋ยวกลับมาดีกันมาประจบเอาใจ น้องเปิ้ลก็เลยอยู่เป็นสุขสบาย หายห่วง หมดกังวล สดใส ซาบซ่า เหมือนกับคำพูดของผู้ที่เข้าถึงธรรมกายบางคนกล่าวไว้ว่า "ไม่มีสุขใดไหนอื่น จะสดชื่นเท่าธรรมกาย" ความสว่างในกายธรรม เดี๋ยวนี้เทียบได้เท่ากับ นำพระอาทิตย์มาเรียงเต็มท้องฟ้าเเล้วคูณด้วย 8 ! พี่ตุ๋มลองคิดดูซิว่ามันจะสว่างเท่าใด สว่างอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ยิ่งสว่างก็ยิ่งเย็นขึ้น เย็นกาย เย็นใจ เเต่มันไม่หนาว มันเย็นเเบบชุ่มฉ่ำสบายใจจังเลย
รู้ไหมน้องเปิ้ลมองเห็นบุญด้วยเเหละ บุญนี่มีลักษณะเป็นธานน้ำใสเหมือนเพชร เเล้วไหลเข้าศูนย์กลางกาย จากศูนย์กลางกาย ก็ไหลต่อไปยังดวงบุญ ยิ่งธารใหญ่เท่าไร ก็เหมือนกับบุญมากเท่านั้น ธารที่ไหลเข้าไปในดวงบุญ ยิ่งไหลมากขึ้นก็ยิ่งดวงใหญ่ขึ้น สว่างมากขึ้น เเล้วก็เย็นขึ้น เย็นขึ้นทุกทีเลย
น้องเปิ้ลก็เคยไปดูเรื่องการฝันด้วยนะ ว่าความฝันนี้เป็นอย่างไร น้องเปิ้ลไปค้นดูโดยมีหลวงพ่อคุม ค้นไปก็เจอว่า การฝันนี้มี 2 เเบบ คือ
เเบบที่1 คือการจำภาพต่างๆ ไปเก็บไว้ในใจ เเล้วกายละเอียดก็ไปผสมผสาน ให้เป็นเรื่องเป็นราวพิสดาร เช่นนำชื่อคน เหตุการณ์ สถานที่ ก็เลยนำมาสร้างเป็นเรื่องเลย
เเบบที่2 คือกายละเอียดออกไป เที่ยวไปเห็นอะไรเเล้วก็รายงานให้ใจทราบ โดยมีสายใยการติดต่อเป็นสติ เป็นเครื่องโยงส่งสัญญาณ
ตอนที่น้องเปิ้ลหลับ น้องเปิ้ลไม่ค่อยได้ฝันเลย ถ้าฝันก็ฝันว่าได้ทำบุญ ได้นั่งสมาธิฝึกจิต ถ้าเวลาหลับ เเล้วไม่ได้ฝันก็หมายความว่าใจไปจรดที่ศูนย์กลางกาย สงบนิ่ง เเต่สติล่องลอยไปตามประสาของมัน ไม่เหมือนตอนนั่งธรรมะ สติมันรวมอยู่ ที่ศูนย์กลางกาย
เท่าที่น้องเปิ้ลยกตัวอย่างให้พี่ตุ๋มฟังมาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงประสบการณ์เบื้องต้นเท่านั้นเอง เรื่องที่ตื่นเต้น สนุกสนานกว่านี้ ยังมีอีกเยอะ เเต่รอให้พี่ตุ๋มนั่งสมาธิให้ด้ขั้นสูงกว่านี้อีกหน่อย เปิ้ลถึงจะเล่าให้ฟัง ทุกเรื่องที่เล่ามา น้องเปิ้ลค้นได้จากพระธรรมกายในตัว น้องเปิ้ลคิดเสมอว่า พระธรรมกาย สำคัญที่สุดในโลก เเละอยากให้พี่ตุ๋มได้ธรรมกายจังเลย
น้องเปิ้ลคงมีเวลาเขียนเเค่นี้ เเล้วอย่าลืมนั่งธรรมะทุกวันนะฮะ
น้องเปิ้ล
ด.ช.ศิโรตม์ เสตะพันธุ อายุ 12 ปี