พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๑๕ ที่ตรัสพระพุทธพยากรณ์
ทรงพระนามว่า พระธัมมทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระสรีระสูง ๘๐ ศอก
อายุขัยของมนุษย์ในยุคนั้น ๑ แสนปี
ทรงเป็นพระราชโอรสของ พระเจ้าสรณะ และพระนางสุนันทาพระอัครมเหสีแห่งนครสรณะ
ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่ ๘ พันปี ทรงเห็นเทวทูตทั้ง ๔ สลดพระทัย เมื่อพระนางวิจิโกฬิพระอัครชายาประสูติพระโอรสปุญญวัฒนะ จึงทรงปลงพระทัยจะเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ ทันใดนั้นปราสาทสุทัสสนะที่ประทับ ก็เลื่อนลอยขึ้นไปในอากาศแล้วลงตั้งอยู่ใกล้ต้นโพธิ์พฤกษ์ มีผู้ออกบวชตามเสด็จ ๑ แสนโกฏิ
ทรงใช้เวลาบำเพ็ญเพียรอยู่ ๗ วัน
ผู้ถวายข้าวมธุปายาส คือ พระนางวิจิโกฬี
นิสีทนสันถัตกว้าง ๕๓ ศอก คนเฝ้าไร่ข้าวเหนียวชื่อสิริวัฒนะถวายหญ้า ๘ กำ ประทับนั่งโคนต้นพิมพิชาละ (มะกล่ำเครือ)
พระอัครสาวกคือ พระปทุมะ และพระปุสสเทวะ
พระพุทธอุปัฏฐากคือ พระสุทัตตะ
ทรงแสดงธรรม ๓ ครั้ง
มีสาวกสันนิบาตเกิดขึ้น ๓ ครั้ง
ในครั้งที่สาม ทรงประกาศธุดงคคุณ ณ พระสุทัสสนาราม และทรงตั้งพระมหาสาวก ชื่อ หาริตะ ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ
เสด็จดับขันธปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ ๑ แสนพรรษา ณ พระวิหารเกสาราม กรุงสาลวดี พระสถูปสูง ๓ โยชน์
ท้าวสักกปุรินททะ
ในพระพุทธกาลนี้ พระโพธิสัตว์ของเราเป็นท้าวสักกเทวราช มีพระนามว่า ท้าวสักกปุรินททะ เสด็จพร้อมด้วยทวยเทพทั้งหลายมาบูชาพระตถาคตเจ้า ผู้ทรงมีพระรัศมีดุจดวงอาทิตย์เที่ยงวัน สว่างไปทั่วหมื่นโลกธาตุ ท้าวสักกะบูชาพระตถาคตเจ้าด้วยดอกไม้ของหอม และดนตรีทิพย์ พระบรมศาสดาตรัสพยากรณ์ว่าอีก ๑,๘๐๐ กัปข้างหน้า จะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าโคตมะ ท้าวสักกเทวราชฟังแล้ว มีความปีติยินดียิ่งนัก ตั้งใจบำเพ็ญข้อวัตรในพุทธบารมียิ่งยวดขึ้นไป