ความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย

วันที่ 03 พค. พ.ศ.2567

030567b01.jpg

ความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย
๔ ธันวาคม ๒๕๓๗
พระธรรมเทศนาเพื่อการปฏิบัติธรรม วัดพระธรรมกาย
โดย... พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)

 

                ต่อจากนี้ไปขอให้ทุกคนตั้งใจเจริญสมาธิภาวนากันนะจ๊ะ สำหรับท่านที่มาอย่างสม่ำเสมอเข้าใจวิธีปฏิบัติแล้ว ก็ลงมือปฏิบัติได้เลย ส่วนท่านที่มาใหม่ยังไม่เข้าใจวิธีการปฏิบัติก็ให้นึกน้อมใจตามเสียงหลวงพ่อไปทุก ๆ คน นะจ๊ะ ให้นั่งขัดสมาธิ นั่งขัดสมาธินะจ๊ะ โดยเอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้ายให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบาย ๆ หลับตาของเราเบาๆ หลับพอสบาย ๆ คล้ายกับเรานอนหลับ อย่าไปบีบหัวตา อย่ากดลูกนัยน์ตา หลับตาพอสบาย ๆ นะจ๊ะ ทุก ๆ คน ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดีกะคะเนให้เลือดลมในตัวของเราเดินได้สะดวก เราจะได้ไม่ปวดไม่เมื่อย ท่านั่งที่แนะนำสำหรับผู้ที่มาใหม่นี้ เป็นท่านั่งมาตรฐานซึ่งหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ท่านถอดแบบออกมาจากพระธรรมกายภายใน 

 


                เพราะฉะนั้นผู้ที่มาใหม่ต้องศึกษาให้เข้าใจนะจ๊ะ ว่าท่านั่งนี้เป็นท่านั่งมาตรฐานที่เราควรจำเอาไว้ ถ้าหากนั่งท่านี้ได้ถูกต้องเราจะนั่งได้นานทีเดียวโดยไม่ปวดไม่เมื่อย แต่ถ้าหากว่าใครที่มาใหม่ยังนั่งไม่ถนัด เมื่อเราศึกษาทำความเข้าใจวิธีนั่งที่ถูกต้องแล้ว เราอาจจะเปลี่ยนท่านั่งเป็นขัดสมาธิชั้นเดียวก็ได้ แล้วถ้าหากว่าเราเมื่อยจะเปลี่ยนอริยาบถ ขยับแข็งขยับขา จะนั่งพับเพียบหรือจะนั่งอย่างไรก็ได้นะจ๊ะ หรือเมื่อกลับไปปฏิบัติต่อที่บ้านเราจะนั่งอย่างไรก็ได้ให้มีความรู้สึกว่าสบาย อริยาบถนั่งสบาย แต่อย่างไรก็ตามท่านั่งมาตรฐานนี้ต้องจำเอาไว้ให้ดีนะจ๊ะ

 

 

                เมื่อเราเข้าใจอย่างนี้แล้ว ต่อจากนี้ไปท่านที่มาใหม่ก็ให้นั่งอย่างที่หลวงพ่อแนะนำเอาไว้นะจ๊ะ การหลับตาก็เช่นเดียวกัน ต้องหลับแต่พอดี พอสบาย ๆ อย่าบีบหัวตา อย่ากดลูกนัยน์ตา หลับตาซักครึ่งลูกเหมือนปรือ ๆ ตา ระบบประสาทกล้ามเนื้อบริเวณนั้นจะได้ผ่อนคลาย สำคัญนะจ๊ะตรงนี้ เริ่มต้นให้ถูกต้องซะก่อน ต่อไปเมื่อเรากลับไปนั่งที่บ้าน ปฏิบัติเองจะได้ทำถูกวิธีตั้งแต่ท่านั่งและสำคัญซะด้วยในการเริ่มต้นให้ถูกวิธี เราจะพบสิ่งที่เราคาดไม่ถึงทีเดียวถ้านั่งได้ถูกวิธี เมื่อเราปรับร่างกายของเราเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ก็เป็นเรื่องของการปรับใจ การทำใจให้เข้าถึงสมาธิที่จริงแล้วน่ะไม่ยากอะไร ถ้าเราเข้าใจวิธีทำ ที่ยากก็เพราะว่าไม่ได้เคยศึกษาวิธีการทำที่ถูกต้อง หรือศึกษาแล้วเวลาไปปฏิบัติจริงมักจะลืม มักจะเอาความคุ้นเคยจากในชีวิตประจำวันเอามาใช้ เพราะฉะนั้นใจจึงเข้าถึงสมาธิได้ยาก เพราะว่าเอาวิธีหนึ่งมาปฏิบัติกับอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งมันสวนทางกัน

 


                วิธีทางโลกนั้นก็เหมาะกับวิธีทางโลก วิธีทางธรรมที่จะปฏิบัติให้เข้าถึงธรรมกาย ก็เหมาะสำหรับวิธีทางธรรม ภายนอกเหมาะสำหรับภายนอก ภายในก็เหมาะสำหรับภายใน อย่าเอามาใช้ผิดวิธีกัน ภายนอกนั้นอยากจะไปที่หมายให้ถึงรวดเร็วก็ต้องนั่งรถนั่งเรือ ต้องลุ้นกันต้องเร่งกัน ถึงจะไปถึงที่หมายหรือต้องบังคับกัน ต้องใช้ความพยายามบังคับรีบเร่งอะไรกันอย่างนั้น ส่วนในทางธรรมนั้นมันกลับตาลปัดกัน ถ้าอยากจะถึงที่หมายคืออยากจะเข้าถึงธรรมกายได้อย่างรวดเร็ว ใจต้องหยุด ใจต้องเย็น จะรีบเร่งไม่ได้เลย ใจต้องหยุด ใจต้องเย็น ๆ เบาสบาย จะใช้กำลังบังคับใจให้หยุดให้นิ่งให้สงบไม่ได้เลย ต้องใช้การประคอง นี่วิธีการแตกต่างกันนะจ๊ะ การเห็นภายนอกกับการเห็นภายในก็ต่างกัน วิธีการต่างกัน การเห็นวัตถุภายนอกจะเป็นคน เป็นสัตว์เป็นสิ่งของหรืออะไรก็ตาม เมื่อเราลืมตามองดูวัตถุ พอลืมตาปุ๊บเราก็เห็นปั๊บเลย ชัดเจน ๑๐๐% ของอยู่ไกลก็เห็นชัดน้อยหน่อย ของอยู่ใกล้ก็เห็นชัดเจนมาก ส่วนการเห็นภายในนั้น มันจะเห็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ค่อย ๆ เห็นค่อย ๆ ชัด ของไกลหรือใกล้เวลาเห็นภาพนั้นชัดเจนเท่ากัน นี่แตกต่างกันตรงนี้นะจ๊ะ          

 


                ทางโลกภายนอกจะมีความรู้แจ้งอะไรก็ตาม จะต้องเกิดขึ้นจากระบบของการคิด ระบบของความคิด คือต้องคิดต้องนึกถึงจะรู้ได้ ส่วนถูกผิดนั้นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนระบบภายในนั้นต้องใช้ความไม่คิด เห็นไม้จ๊ะมันสวนทางกัน ภายนอกจะต้องทำให้เป็นผู้ที่มีชีวิตจิตใจ มีความนึกคิดถึงจะเจริญ แต่ถ้าหากจะนั่งให้ได้ผลภายในนั้น ต้องทำตัวเหมือนหุ่นยนต์ที่ไม่มีความคิด ใช้แต่การหยุดกะนิ่งอย่างเดียว ไม่ต้องนึกไม่ต้องคิดอะไรเลย ตรงกับคำที่หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญท่านได้กล่าวเอาไว้ว่า "หยุดเป็นตัวสำเร็จ" เป็นทั้งวิธีการเข้าถึงและก็เป็นตัวสำเร็จด้วย "หยุดเป็นตัวสำเร็จ" คือพอใจหยุดนิ่งถูกส่วนก็เข้าถึงดวงธรรม เข้าถึงกายภายใน เข้าถึงพระธรรมกาย หยุดเป็นทั้งวิธีการและก็เป็นตัวสำเร็จด้วย ถอดออกมาจากประสบการณ์และคำสอนของพระบรมศาสดาที่ได้กล่าวกับท่านองคุลีมาลว่า สมณะหยุดแล้ว ท่านกล่าวกับผู้มีปัญญาเพื่อให้ท่านองคุลีมาลฉุกใจคิดว่า สมณะหยุดแล้ว หยุดในระดับลึก ไม่ใช่หยุดในระดับตื้น ๆ ตั้งแต่หยุดการทำบาปทั้งปวง กระทั่งใจหยุดนิ่งอยู่ภายในเป็นปกติ 

 


                หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญท่านได้เข้าถึงหยุดนี้ เข้าถึงจุดว่าสมณะหยุด คือหยุดนิ่งจึงได้ยืนยันออกมาเป็นคำสอนว่า หยุดเป็นตัวสำเร็จ เป็นบทสรุปของการปฏิบัติธรรมที่ท่านได้ทุ่มเทชีวิตจิตใจตลอดเวลาตั้งแต่พรรษาที่ ๑๑ เรื่อยมากระทั่งมรณภาพ ว่าหยุดเป็นตัวสำเร็จ ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์ หยุดเป็นตัวสำเร็จ ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์ เมื่อเราได้ฟังคำนี้น่ะก็เป็นสิ่งที่เราจะต้องฉุกใจคิดว่า คำนี้เป็นคำอมตะเป็นสัจจธรรม เป็นความจริงที่ไม่มีความจริงอื่นที่เหนือกว่า จริงตลอดเวลา เป็นอกาลิโก ว่าหยุดเป็นตัวสำเร็จ วันนี้ลูก ๆ ชายหญิงทุก ๆ คนทั้งภายในและต่างประเทศได้ตั้งใจที่จะมาประกอบพิธีบุญใหญ่ คือการบูชาข้าวพระเป็นประจำกันทุกต้นเดือน ซึ่งเราได้ทำกันมาอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องกันมาหลายสิบปีแล้ว 

 


                วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่เราจะประกอบพิธีบุญนี้ ก่อนที่เราจะประกอบพิธีบุญนี้ต้องชำระกาย วาจา ใจ ให้สะอาดให้บริสุทธิ์กันนะจ๊ะ วิธีลัดที่สุดที่จะทำให้กาย วาจา ใจ สะอาดบริสุทธิ์ ที่จะเหมาะสมเป็นภาชนะรองรับบุญกุศล ที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมด ก็คือการทำใจของเราให้หยุดให้นิ่งที่ศูนย์กลางกายนะจ๊ะ ต้องหยุดต้องนิ่ง เพราะความบริสุทธิ์นั้น เราจะพร่ำบ่นพร่ำเพ้อ อธิษฐานจิตอย่างไรว่า ขอให้บริสุทธิ์ มันก็ยังไม่บริสุทธิ์ หรือจะสวดอ้อนวอนให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายว่ามาช่วยทำความบริสุทธิ์ให้เกิดขึ้นกับตัวเรา มันก็ไม่บริสุทธิ์ จะบริสุทธิ์ได้ต้องทำเอง ทำด้วยตัวของเราเอง การทำใจหยุดใจนิ่งนี่แหละเป็นวิธีการทำให้ใจบริสุทธิ์ เดี๋ยวเราจะทราบต่อไปว่าบริสุทธิ์อย่างไรน่ะ เพราะหลวงพ่อท่านได้กล่าวไว้ว่าตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์คือบริสุทธิ์เข้าไปเรื่อย ๆ ไปตามลำดับ ตั้งแต่เบื้องต้นบริสุทธิ์ทีละน้อย และก็มากขึ้น มากขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นพระอรหันต์ ใช้หยุดอย่างเดียว หยุดใจอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ได้ใช้อย่างอื่นเลย

 


                เพราะฉะนั้นจับหลักตรงนี้ให้ได้นะจ๊ะ ถ้าจับหลักตรงนี้ไม่ได้ เราจะปฏิบัติภาวนาทำกิจในทางพระศาสนาในเพศฆราวาสหรือเพศสมณะก็ตาม ก็จะไม่บรรลุผลถ้าจับหลักไม่ได้ ถ้าจับหลักได้จะอยู่ที่วัดก็ดี อยู่ที่บ้านก็ดี อยู่แห่งหนตำบลใดก็ดี ทั้งภายในและต่างประเทศก็สามารถทำความบริสุทธิ์ได้ ถ้าหยุดได้ไม่ช้าเราจะเข้าใกล้พระรัตนตรัย เราจะเข้าถึงพระรัตนตรัย เราจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระรัตนตรัย เป็นความบริสุทธิ์ล้วน ๆ ด้วยตัวของเราเอง ไม่ใช่สิ่งภายนอกหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นใดเลยนะจ๊ะ ต้องทำความเข้าใจอย่างนี้นะ เมื่อเข้าใจอย่างนี้แล้ว ต่อจากนี้จะได้สอนวิธีทำใจให้หยุดนิ่ง ซึ่งตรงนี้สำคัญทีเดียวนะจ๊ะ วิธีการที่ถูกต้องนำไปสู่ประสบการณ์ที่สมบูรณ์ ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์ วิธีการที่ถูกต้องนำไปสู่ประสบการณ์ที่สมบูรณ์ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์ 

 


                วิธีการที่ถูกต้องนำไปสู่ประสบการณ์ที่สมบูรณ์ ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์นะจ๊ะ จำกันไว้ให้ดีนะ วิธีการที่ถูกต้องให้ทำอย่างนี้ เราต้องทำความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยว่า ๓ อย่างนี้ เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของพวกเราทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าท่านก็ทรงยืนยันอย่างนั้น เคารพธรรมเป็นหนึ่ง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะแยกออกจากกันไม่ได้ ถึงแม้ว่าเราจะเรียกว่า พุทธรัตนะอย่างหนึ่ง ธรรมรัตนะอย่างหนึ่ง สังฆรัตนะอย่างหนึ่ง เรียกกันคนละอย่างแต่ว่ารวมอยู่ในที่เดียวกัน เหมือนเพชรที่มีทั้งสี ทั้งแวว ทั้งเนื้อ สีอย่างหนึ่ง แววอย่างหนึ่ง เนื้ออย่างหนึ่ง รวมกันอยู่ในเพชรเม็ดเดียวกัน พุทธรัตนะอย่างหนึ่ง ธรรมรัตนะอย่างหนึ่ง สังฆรัตนะอย่างหนึ่ง รวมกันอยู่ในสรณะอันเดียวกันนะจ๊ะ 

 


                เพราะฉะนั้นรัตนะทั้ง ๓ นี้เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด สิ่งอื่นที่จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกยิ่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้วไม่มีจริง ๆ เลย จะทราบได้เมื่อเราเข้าถึงตรงนี้ เมื่อเราเข้าถึงพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นกายละเอียดเป็นสิ่งที่ละเอียดบริสุทธิ์อยู่ในภายในตัวของเรา เข้าถึงได้เมื่อไหร่ก็จะซาบซึ้งถึงคำว่า สิ่งอื่นที่เสมอเหมือนหรือยิ่งไปกว่านี้ไม่มีจริง ๆ เมื่อเราเข้าถึงนะจ๊ะ แต่เมื่อเรายังเข้าไม่ถึง ถึงแม้ว่าพระรัตนตรัยจะอยู่ในภายในตัวของเรา เราก็ขอถึงไปก่อน ทำความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึก คือเวลาเรามีทุกข์ดับทุกข์ได้ พึ่งได้ตลอด เพราะว่าพระรัตนตรัยนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีความโลภ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความหลง ไม่ลงโทษให้ร้ายใคร มีแต่เป็นผู้ให้ ให้แต่สิ่งที่ดีงามตลอดเวลา เป็นผู้บริสุทธิ์ล้วน ๆ เป็นธรรมล้วน ๆ สะอาดผ่องใส 

 


                เมื่อเรามีความทุกข์ท่านนี่ช่วยขจัดทุกข์ได้ ดับได้ ดับความทุกข์ทั้งหลายที่บังเกิดขึ้นในใจเราให้หมดสิ้นไป แล้วก็เปลี่ยนแปรความทุกข์นั้น เป็นความสุขที่ไม่มีขอบเขต ที่กว้างขวาง เมื่อเราเข้าถึงแล้วเราจะรู้สึกว่าเราอบอุ่นจริง ๆ ปลอดภัยจริง ๆ ภัยทั้งปัจจุบันและภัยในสังสารวัฏ  ภัยในอบายภูมิ ปลอดหมดเลย เป็นที่พึ่งที่อยู่ในกลางกายเรา แต่เป็นของละเอียดไม่ให้ร้ายให้โทษใคร มีแต่ให้ความสุขความเจริญรุ่งเรือง ความบริสุทธิ์ ความสำเร็จในชีวิตทุกด้านเลย เป็นที่พึ่งที่แท้จริง ซึ่งแตกต่างจากที่พึ่งอื่นหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นที่ต้องการความรักเอาอกเอาใจ ต้องการความพะเนาพะนอ ถ้ารักสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น พะเนาพะนอสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นก็จะให้คุณ ถ้าไม่เอาใจ ไม่รัก ไม่พะเนาพะนอไม่บูชายันต์ก็ให้โทษ อย่างนี้เป็นที่พึ่งที่แท้จริงไม่ได้ เพราะว่าใจยังมีอคติอยู่ ยังไม่บริสุทธิ์ ยังไม่เที่ยงธรรม ยังมีความยินดียินร้าย ยังมีรักมีชังอยู่ ยังมองสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ไม่เสมอเหมือนกัน ถ้าใครรักก็ให้คุณ ถ้าใครเฉย ๆ ก็ให้โทษ อย่างนี้ยังไม่ใช่ที่พึ่งที่ระลึกอย่างแท้จริงนะจ๊ะ 

 


                ส่วนพระรัตนตรัยภายในนั้น ถ้าใครได้เข้าถึงแล้วใจจะเสมอเหมือนกันหมด ในบิดามารดา ในบุตร ในธิดา ในสรรพสิ่งทั้งหลาย แม้แต่ผู้ที่ปรารถนาร้ายกับตัว ใจก็จะมองดูด้วยความรู้สึกที่เป็นปกติ มีความสุขอยู่ภายใน มีความเอื้ออาทรปรารถนาดีเสมอเหมือนกับบุตรที่เกิดในครรภ์ทีเดียว มีความเสมอเหมือนทีเดียว เพราะฉะนั้นพระรัตนตรัยนี่เป็นสรณะที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดทั้งหลาย สิ่งอื่นที่จะยิ่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้วโดยเฉพาะเมื่อเราใกล้จะละโลก ถ้ามีความเลื่อมใสในท่านอย่างแท้จริงจะเห็นท่านปรากฏชัดแจ่มทีเดียวอยู่ในกลางกาย กลางใจ ถึงตอนนั้นปิดประตูอบายภูมิ 

 


                กระแสแห่งอบายภูมินั้นไม่อาจที่จะดึงดูด ผู้ที่มีใจเลื่อมใสในพระรัตนตรัยแล้วตกไปในอบายได้ ไม่เกิดเป็นเปรต เป็นสัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรกหรืออสุรกาย ปิดหมดเลย ดูดลงไปไม่ได้ จะดูดแต่ในภพภูมิที่มีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป เข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดา เหมือนในสมัยพุทธกาลมีบุรุษหนึ่งนอนป่วยอยู่ ไม่อาจที่จะขยับเขยื้อนกายได้ พระผู้มีพระภาคเจ้าท่านเปล่งฉัพพรรณธรังสี ประหนึ่งปรากฏพระวรกาย ต่อหน้าเฉพาะบุรุษนั้น บุรุษผู้ใช้นั้นทำจิตให้เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า จิตได้ดับไปในช่วงนั้น ด้วยใจที่เบิกบานปีติ ละโลกแล้วเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดา เพราะฉะนั้นความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยนี้เป็นสิ่งสำคัญนะจ๊ะ 

 


                ก่อนที่เราจะปฏิบัติธรรมต้องทำความเลื่อมใสในท่านว่า เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด สิ่งอื่นที่จะมาเป็นที่พึ่งที่ระลึกยิ่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว แม้เสมอเหมือนก็ไม่มี ท่านเป็นทั้งผู้รู้ ผู้ตื่น และก็ผู้เบิกบานแล้ว เป็นความรู้แจ้งที่เกิดจากการเห็นแจ้งซึ่งเราเรียกว่าการตรัสรู้ คือความรู้ที่เกิดจากการเห็นแจ้ง ไม่ได้เกิดจากการนึกคิดเดาหาเหตุหาผลด้วยวิชาตรรกอย่างนั้น ไปเห็นเพราะแสงสว่างเกิดด้วยธรรมจักขุ แล้วก็รู้ด้วยญาณทัสสนะของท่าน แจ่มแจ้งแทงตลอดในนิพพาน ภพ ๓ โลกันตร์ ในอากาศโลก ขันธโลก สัตวโลก แทงตลอดหมด ทั้งอดีต ทั้งปัจจุบัน ทั้งอนาคต ว่าอะไรเป็นเหตุแห่งความทุกข์ มันอยู่ตรงไหน มีลักษณะอย่างไร หุ้มห่อกันอย่างไร และก็รู้วิธีที่จะดับเหตุนั้น และดับได้ด้วย ขจัดสิ้นหมดไปเลยสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษไปเลย 

 


                นี่เป็นผู้รู้ รู้แจ้งเกี่ยวกับชีวิตของตัวเราและสรรพสิ่งทั้งหลาย แทงตลอดหมด ตื่นแล้วตื่นตาตื่นใจไม่งัวเงีย ไม่เหมือนมนุษย์แม้ว่าลืมตาล้างหน้าล้างตาแล้ว ยังงัวเงียอยู่ในชีวิต ยังมัวเมา เมาลาภ เมายศเมาความสรรเสริญ เมาความแข็งแรง เมาสารพัดเมา เหมือนคนงัวเงียยังไม่ตื่น ท่านมีความเบิกบานอยู่ตลอดเป็นนิจทีเดียว เพราะไม่มีความทุกข์เลย ความโศกเศร้าเสียใจ คับแค้นใจ พิไรรำพันอาลัยอาวรณ์ต่าง ๆ ไม่มีอยู่ในใจของพระรัตนตรัยเลย เป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุขความเบิกบาน ใจของท่านจะขยายไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้วนะจ๊ะ เพราะฉะนั้นสรณะที่แท้จริง ต้องมีคุณสมบัติอย่างนี้ ดังนั้นสิ่งอื่น สิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นทั้งหลายที่จะมาเสมอเหมือนหรือยิ่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เราจึงควรทำใจให้เลื่อมใสในพระรัตนตรัยก่อนที่จะเจริญภาวนา

 


                เมื่อเราเลื่อมใสแล้วเราก็แผ่ความปรารถนาดีไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณให้มองสรรพสัตว์ทั้งหลายเหมือนเพื่อนหรือเหมือนญาติ เหมือนเพื่อนก็คือ เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เช่นเดียวกับตัวเรา เมื่อเพื่อนมีความทุกข์อย่างนั้นน่ะ เราจะไม่ปรารถนาร้าย ไปขุ่นมัว ไปหงุดหงิด จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรไปเพิ่มทุกข์ให้มองให้เห็นว่าเหมือนเพื่อน เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายเหมือนกับตัวของเราอย่างเนี้ยะ คือมีสภาพเหมือน ๆ กัน เพราะฉะนั้นมองอย่างนี้นะจ๊ะ ใจเราจะได้แผ่ความปรารถนาดีไปให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยเฉพาะเพื่อนมนุษย์ซึ่งบางครั้งก็ล่วงเกินเรา จะเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม ทั้งทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง ทางใจมั่ง เราก็แผ่ความปรารถนาดีไปยังเพื่อนทุกข์เกิด แก่ เจ็บ ตาม ที่เราเจอะเจอก็ดี ไม่เจอะเจอก็ดีอย่างนี้นะจ๊ะ หรือมองเหมือนญาติคือมองว่า สรรพสัตว์ทั้งหลายนี่น่ะ เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นสมาชิกอยู่ภายในครอบครัว 

 


                บางท่านเคย เกิดเป็นพ่อเป็นแม่ ปู่ย่าตายาย สามีภรรยา บุตรหลาน ผู้ร่วมงานอะไรต่าง ๆ เป็นญาติกัน เพราะฉะนั้นให้มองดูประดุจญาติ ที่มีความสนิทรักใคร่กลมเกลียวกัน การที่เรามองอย่างนี้ สิ่งที่เราจะได้คือใจที่เบิกบาน ใจที่ปราศจากความขุ่นมัว ขัดเคืองในสรรพสัตว์ทั้งหลาย ขุ่นมัว ขัดเคืองในสรรพสัตว์ทั้งหลาย และมองสรรพสิ่งทั้งหลายว่าเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็เสื่อมสลายไป ยังไม่มีสรรพสิ่งไหนที่สมบูรณ์เลย เป็นสิ่งมีชีวิตก็ตามหรือสิ่งไม่มีชีวิตก็ตาม ล้วนยังไม่สมบูรณ์ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเราจะไม่ขุ่นมัวกับสรรพสิ่งทั้งหลาย ในกรณีสิ่งนั้นทำไม่ถูกอกถูกใจเรา เพราะฉะนั้นก็มองด้วยความปรารถนาดี เมื่อเราทำอย่างนี้แล้วนี่นะ ใจของเราจะสงบไปอีกระดับหนึ่งทีเดียว โดยที่ยังไม่ได้ทำสมาธิ ใจของเราจะสงบนิ่ง เหมือนเราเป็นศูนย์กลางของสรรพสิ่งทั้งหลาย ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ด้วยใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดี โดยมีตัวของเราเป็นแหล่งกำเนิดของความปรารถนาดีนั้นให้ทำใจระดับนี้นะจ๊ะ

 


                หลังจากนั้นก็ทำใจให้ชื่นบาน ที่จริงความชื่นบานมันก็จะค่อย ๆ มาทีละน้อย เมื่อเราทำลายความรู้สึกขุ่นมัว ขัดเคืองออกไป ใจของเราจะค่อย ๆ เบิกบาน เราจะมีความรู้สึกว่าสิ่งที่ห้อมล้อมตัวเรา แวดล้อมตัวเราล้วนแต่เป็นมิตรกับเรา เมื่อเราได้ส่งกระแสแห่งความปรารถนาดี ไปยังสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตก็ตาม เราจะได้รับปฏิกริยาที่สนองย้อนกลับคืนมาที่ตัวของเราก็คือกระแสแห่งความสุข กระแสแห่งความปรารถนาดีนั้น ซึ่งพลอยเป็นเหตุให้ใจของเราตอนนี้ หยุด นิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไม ละเอียดอ่อนสบายทีเดียว ตอนช่วงนี้น่ะทั้ง ๆ ที่เรายังไม่ได้เริ่มต้นทำอะไร ใจจะเริ่มนิ่ง นิ่ง ๆ นิ่งอย่างนุ่ม ๆ นุ่มอย่าง ละมุนละไม เหมือนสำลีที่ละเอียดอ่อน นำไปทำความละเอียดให้ละเอียดกว่านั้นไปอีก เป็นร้อยเท่าพันเท่าก็ดีคือ นุ่มกว่านั้น ละมุนละไมใจจะนิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไม 

 


                โดยมีตัวของเราเป็นศูนย์กลางของสรรพสิ่งทั้งหลาย สมาธิจะเริ่มเกิดขึ้นทีละน้อยนะจ๊ะ และสิ่งถัดไปที่เราควรทำคือ เมื่อใจเรานิ่ง ใจเรานุ่ม ๆ ละมุนละไมอย่างนี้แล้ว จงปล่อยใจให้นิ่งนุ่มอย่างนี้ต่อไป อย่างสบาย ๆ โดยไม่คาดหวังว่าเราจะได้อะไรเหมือนอย่างที่เราเคยได้ยินคนอื่นเค้าได้ ไม่คาดหวังว่าเราจะเข้าถึงดวงธรรม เราจะพบแสงสว่าง จะพบปฐมมรรค จะพบดวงธรรม จะพบกายภายใน จะพบพระธรรมกาย เราจะต้องไม่คาดหวังอย่างนี้นะจ๊ะ คือไม่จำเป็นต้องไปคาดหวังอะไร หน้าที่ของเราคือทำใจให้นิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไม หยุดไปเฉย ๆ ตรงตำแหน่งที่เรามีความรู้สึกพึงพอใจ ตรงตำแหน่งนี้แหละจะเป็นตำแหน่งที่จะถูกดึงดูด ให้มาสู่ตำแหน่งที่จะเข้าถึงพระรัตนตรัย ตำแหน่งที่จะเข้าถึงพระรัตนตรัยนั้นคือศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ 

 


                แต่ว่าเมื่อเราทำใจให้นิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไมแล้วน่ะ ความรู้สึกที่ร่างกายของเรามันจะหายไป หายไปจนกระทั่ง เรากำหนดไม่ได้ ไม่รู้จะกำหนดตรงไหนเป็นเกณฑ์ว่าฐานที่ ๗ อยู่ที่ตรงไหน ที่ว่าฐานที่ ๗ จะต้องอยู่เหนือสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมืออยู่กลางกาย เหนือสะดือกลางกาย ในกลางท้องของเรา แต่เมื่อเราทำใจนิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไม ความรู้สึกของร่างกายของเรามันหายไป เป็นร่างกายที่กลืนกันไปกับบรรยากาศ ที่นิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไม เหมือนอยู่กลางอวกาศโล่ง ๆ คล้ายกับอยู่คนเดียวในโลก เพราะฉะนั้นเพื่อทำลายความสงสัยว่าใจเราอยู่ที่ฐานที่ ๗ แล้วหรือยัง เราก็ให้ใจอยู่ตรงจุดที่นิ่ง ๆ ที่ใจหยุดนิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไม ตรงไหนที่หยุด ตรงไหนที่นิ่งๆ ที่นุ่ม ๆ ที่ละมุนละไม สบาย เรามีความพึงพอใจกับความรู้สึกชนิดนี้ตรงนั้น ตรงนั้นแหละคือศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นะจ๊ะ 

 


                ซึ่งตอนนี้บางท่านจะมีความรู้สึกอย่างนี้แล้ว นิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไม ใจหยุดลงไปตรงจุดที่เราพึงพอใจ รู้สึกสบาย ให้รักษาอารมณ์สบายนี้ อารมณ์ดีนี้ให้เป็นอารมณ์เดียวอย่างต่อเนื่องกันไป ตรงนี้สำคัญนะจ๊ะ รักษาจุดตรงนี้แหละต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ อย่างสบาย ๆ เมื่อเรารักษาอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ช้า ไม่ช้าใจของเราก็จะนิ่งในนิ่งลงไปอีก ถึงระดับที่แสงสว่างเหมือนฟ้าสาง ๆ เกิดขึ้นมา สาง ๆ เหมือนตอนตี ๕ ในฤดูร้อน และถ้าหากเรานิ่ง นุ่ม ๆ ต่อไป ละมุนละไมต่อไปอีก ความสว่างนั้นก็จะค่อย ๆ สว่างขึ้น สว่างขึ้นตั้งแต่อาทิตย์ ๖ โมงเช้า เรื่อยไปถึงอาทิตย์ยามสาย กระทั่งถึงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน มันจะสว่างของมันไปเอง หน้าที่ของเราคือทำตัวเป็นผู้ดูที่ดี อย่าเป็นผู้กำกับ ผู้ดูที่ดีเป็นอย่างไร ผู้ดูที่ดีก็คือให้ดูสิ่งที่มีให้ดู ด้วยใจที่เฉย ๆ เป็นปกติ ไม่ต้องไปลุ้นไปเร่ง ไปเพ่ง ไปจ้อง ไปเป็นผู้กำกับบังคับให้แสงสว่างหรือภาพนั้นชัดเจนให้ได้ดังใจเรา อย่างนี้เรียกว่าเป็นผู้ดูที่ดี หรือเราจะใช้คำว่ามีอะไรให้ดูก็ดูไป ดูไปเรื่อย ๆ อย่างสบาย ๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น 

 


                ซึ่งถ้าเราทำใจให้นิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไม หยุดนิ่งเฉย สบาย ๆ ต่อจากนี้ไปเราจะเห็นจุดสว่างคล้ายเรานอนหงายมองดูท้องฟ้า เห็นดาวพระศุกร์ที่สุกใสเป็นจุดสว่างที่อยู่ลิบ ๆ ไกล ๆ เป็นจุดสว่างเหมือนดวงดาวพระศุกร์บังเกิดขึ้นในกลางนั้นในกลางของสรรพสิ่งทั้งหลาย จะเห็นจุดสว่างเล็ก ๆ เหมือนดวงดาวในอากาศคล้ายดาวพระศุกร์ จะเห็นสุกใสเราก็ทำตัวของเราให้เป็นผู้ดูที่ดี คือมีให้ดูแค่ไหน ชัดเจนแค่ไหน ขนาดไหน เราก็ดูไปเฉย ๆ เหมือนดูทิวทัศน์หรือเหมือนเรานอนหงายมองดูดวงดาว เห็นไม้จ๊ะ เราไม่มีความคิดว่าดวงดาวต้องให้ชัดเจนกว่านี้เพราะมีบางดวงมันชัดไม่มาก เรายังดูเฉย ๆ ไม่ไปบังคับว่าชัดกว่านี้ หรือให้ใหญ่กว่านี้ ให้เข้ามาใกล้กว่านี้ เราไม่เคยนึกเลย เรานอนหงายมองดูดวงดาวบนท้องฟ้าด้วยใจที่เฉย ๆ ดูไปเพลิน ๆ สบาย ๆ เหมือนดูทิวทัศน์ ดวงดาวภายในก็เช่นเดียวกัน ให้ใช้วิธีการดูอย่างนั้นนะจ๊ะ 

 


                ดูไปเฉย ๆ เรื่อย ๆ อย่างสบาย ๆ ใจเย็น ๆ เมื่อเราทำใจอย่างนี้ได้อย่างแท้จริง ทำได้จริง ๆ เดี๋ยวดวงดาวนั้นก็จะขยายกว้างไปเรื่อย ๆ เลย ขยายโตเท่ากับพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ ใสแจ่ม ก็ยังทำใจให้นิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไม ดูต่อไปอีก เป็นผู้ดูที่ดีนะจ๊ะ ดูไปตรงไหน ดูไปตรงกลางของสิ่งที่เห็นดวงนี้หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านเรียกว่าดวงปฐมมรรค คือจุดเริ่มต้นนั่นเอง เป็นความบริสุทธิ์เบื้องต้นที่จะเข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน เห็นไม๊จ๊ะว่าเราเข้าถึงดวงนี้ได้ก็เพราะเราเป็นแต่เพียงทำใจให้หยุดให้นิ่ง เฉย ๆ หยุดเป็นตัวสำเร็จเห็นไม้จ๊ะ หยุดเป็นตัวสำเร็จ ตั้งแต่เบื้องต้นกระทั่งเป็นพระอรหันต์ ตอนนี้ดวงธรรมเบื้องต้นคือ ความบริสุทธิ์เบื้องต้นบังเกิดขึ้นเมื่อใจเราหยุดแรกได้ หยุดได้เป็นครั้งแรกด้วยวิธีการทำใจให้นิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไม 

 


                สบาย มองดูสิ่งที่มีให้ดูด้วยใจที่เป็นปกติ เฉย ๆ เหมือนดูทิวทัศน์ ตอนนี้ดวงธรรมก็จะขยายขึ้น โตขนาดเท่ากับดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน ขยายไปเอง กายของเราก็จะเริ่มนุ่มนวลขึ้น ฟ้องเบาขึ้น นุ่ม ละมุนละไม เช่นเดียวกับใจของเราที่นุ่ม ๆ จากนี้ใจมันก็จะหยุดเข้าไปอีก มันก็จะหยุดในหยุดเข้าไปเอง หยุดในหยุดเข้าไปอีก ในกลางของดวงธรรมนั้นที่โตเท่าขนาดพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน แล้วตอนนี้แหละเราจะเข้าถึงดวงธรรมภายใน ที่มีอยู่ภายในอย่างแท้จริง ที่ซ้อน ๆ ๆ กันขึ้นมาเป็นชุดทีเดียว ชุดละ ๖ ดวง ๖ ดวงก็เข้าถึงกายไปตามลำดับ ที่มีซ้อน ๆ ซ้อนกันอยู่ เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด เข้าถึงกายทิพย์ เข้าถึงกายรูปพรหม เข้าถึงกายอรูปพรหม เข้าถึงกายธรรม

 


                หลวงพ่อใช้คำว่าเข้าถึงก็หมายความว่า สิ่งเหล่านี้มีอยู่แล้วในตัวของเรา ไม่ใช่เราไปจินตนาการ สร้างให้มันมี แต่ว่าเป็นของละเอียดและก็ละเอียดลุ่มลึกไปตามลำดับความละเอียดที่แตกต่างกัน ความละเอียดมากก็ซ้อนอยู่ในกลางความละเอียดน้อย เช่นกายมนุษย์ละเอียดซ้อนอยู่ในกลางกายมนุษย์หยาบ กายทิพย์ซ้อนอยู่ในกลางกายมนุษย์ละเอียด กายรูปพรหมซ้อนอยู่ในกลางกายทิพย์ กายอรูปพรหมซ้อนอยู่ในกลางกายรูปพรหม กายธรรมซ้อนอยู่ในกลางกายอรูปพรหม มันซ้อน ๆ กันเป็นกายละเอียด เมื่อเราทำใจของเราให้ละเอียดเท่ากับสิ่งนี้ เราก็เข้าถึงสิ่งที่มีอยู่ไปตามลำดับ โดยอาศัยวิธีการทำใจให้หยุด หยุดอย่างเดียว หยุดอย่างสบาย ๆ แล้วเราก็จะเข้าถึงตรงนี้นะจ๊ะ

 


                เพราะฉะนั้นท่านที่มาใหม่ให้ทำใจอย่างนี้คือ หยุด นิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไมอย่างสบาย ๆ ให้มีความเพลิดเพลินในการทำใจอย่างนี้นะจ๊ะ ไม่ช้าเราก็จะมีประสบการณ์ภายในได้เข้าถึงละเอียดลุ่มลึกไปตามลำดับอย่างมีความสุข ซึ่งจะแตกต่างจากชีวิตที่ผ่านมาอย่างฟ้ากับดินเลยนะจ๊ะ หรืออย่างเทียบกันไม่ได้เลยนะจ๊ะ ต่างคนต่างทำกันไปเงียบ ๆ ซักพักหนึ่งก่อนนะจ๊ะ ทำใจให้หยุด ให้นิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไม อย่างสบาย ๆ โดยไม่คาดหวังว่าเราจะได้เห็น เราจะได้เป็นอย่างที่กล่าวมาแล้ว ให้สิ่งที่ได้เห็นได้เป็น ซึ่งจะเกิดขึ้นในภายหลังจากการทำอย่างถูกต้องของวิธีการ จากการทำวิธีการที่ถูกต้องนะจ๊ะ ต่างคนต่างทำกันไปเงียบ ๆ นิ่ง ๆ นุ่ม ๆ ละมุนละไม หยุดอย่างสบาย ๆ ที่กลางกายของเราทุก ๆ คนนะจ๊ะ

 


                ให้มีความสุขมีความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกทางธรรม ให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีอายุยืนยาวได้สร้างบารมีไปนาน ๆ ให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข ให้ปลอดจากภัยพิบัติทั้งมวล ให้เป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ ประดุจท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี และมหาอุบาสิกาวิสาขาผู้อุปถัมภ์พระพุทธศาสนา ผู้ค้ำจุนพระพุทธศาสนา ให้มีดวงปัญญาสว่าง แทงตลอดทั้งทางโลกทางธรรม เป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญด้วย มีดวงปัญญาแทงตลอด ทั้งทางโลกทางธรรม ให้เข้าถึงวิชชาธรรมกาย ให้ได้บรรลุธรรมที่หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านได้บรรลุ ให้มีกำลังบุญที่เสริมกำลังใจให้เข้มแข็ง สร้างบารมีให้ได้ตลอดรอดฝั่งอย่าได้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เรื่องการสร้างบารมีให้ได้ตลอดนี้สำคัญนะจ๊ะ บางท่านสร้างได้แค่ไม่กี่ปีก็เลิกแล้ว บางท่านก็ไปได้ค่อนทางเลิกอีก บางท่านไปถึงสุดท้าย วาระสุดท้ายของชีวิตทีเดียว คนอย่างนี้หายาก ที่สร้างจนกระทั่งหมดอายุขัย ไม่ครึ่งๆ กลาง ๆ เพราะฉะนั้นเวลาบุญส่งผล จะได้สมบัติเป็นโลกียทรัพย์หรืออริยทรัพย์ ก็ตาม ก็จะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่ครึ่งๆ กลาง ๆ ไม่ล้มเหลวกลางคัน

 


                เพราะฉะนั้นขอบุญพิเศษท่าน ให้ทุกคนได้สร้างบารมีไปให้ได้ตลอดรอดฝั่ง ให้มีพลังบุญพิเศษซึ่งตอนนี้เป็นระยะ ที่กำลังจะสร้างธรรมดายเจดีย์ เจดีย์แห่งพระรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ ให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์เลย ให้มีพลังบุญพิเศษ ท่านที่เป็นแกน แกนนำที่จะนำสาธุชนทั้งหลาย มาเป็นเจ้าภาพสร้างพระธรรมกายประจำตัว ซึ่งจะประดิษฐานที่ธรรมกายเจดีย์ ให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ ใครรับกี่องค์ก็ให้สำเร็จไปทุกองค์บางท่านมีปีติมีกำลังบุญมีจิตใจเลื่อมใสในพระรัตนตรัยมาก รับทีเดียวเป็นแสนองค์ก็มี ก็ให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ขอบุญพิเศษ ให้ไปตามเจ้าของบุญที่จะสร้างธรรมกายเจดีย์ สร้างพระธรรมกายประจำตัวให้ได้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ 

 


                ให้ได้รับการต้อนรับในทุกสถานที่ ด้วยความเต็มอกเต็มใจของผู้มีบุญนั้น ให้ได้รับไมตรีจิตตอบ ให้ได้รับความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยเช่นเดียวกัน ได้ขอบุญบารมีของพระนิพพาน พุทธเจ้าจักรพรรดิทั้งหลาย หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ บรมพุทธเจ้าแก่ ๆ ให้ลงซ้อนบุญบารมีเนี่ยให้ทุกคนทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ที่สุด ช่วยกันสร้างธรรมกายเจดีย์ ให้ได้บังเกิดขึ้นเป็นอัศจรรย์ ธรรมกายเจดีย์นี้เป็นสิ่งที่บังเกิดขึ้นยากทีเดียว จะต้องหยุดนิ่งอย่างสมบูรณ์ถึงจะเข้าไปถึงธรรมกายเจดีย์ แล้วไปจำลองธรรมกายเจดีย์ให้ได้มาปรากฏอยู่ในเมืองมนุษย์ เอาไว้สำหรับเป็นศูนย์กลางแหล่งกำเนิดแห่งความดีของมวลมนุษยชาติ ที่จะขยายพลังแห่งความดีสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นแก่โลก กว่าจะไปลองอย่างนี้มาได้เป็นสิ่งยากทีเดียว เพราะฉะนั้นหลวงพ่อจึงอยากให้อยู่ไปนาน ๆ อยากให้อยู่ไปถึงพันปีทีเดียว 

 


                ซึ่งภายในช่วงพันปีนี้จะมีผู้รู้ ผู้มีบุญ รู้แจ้งแทงตลอดในศาสตร์ทั้งปวง ลงมาบังเกิดในเมืองมนุษย์ จะมาศึกษาวิชชาธรรมกาย ได้เข้าถึงวิชชาธรรมกาย แล้วจะเข้าถึงแหล่งกำเนิดของธรรมกายเจดีย์ จะเชื่อมโยงประสานงาน ที่จะสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นแก่โลก เกิดขึ้นแก่มวลมนุษยชาติต่อไป เมื่อท่านนั้นมาบังเกิดขึ้นได้ เข้าถึงท่านจะระลึกชาติหนหลังได้ เห็นการร่วมแรงร่วมใจทุ่มเทชีวิตจิตใจ สร้างธรรมกายเจดีย์นี้ให้สำเร็จ จะเห็นใบหน้าของพวกเรา จิตใจของพวกเราและการกระทำของพวกเรา ด้วยความปีติเบิกบาน งานนั้นจะเชื่อมโยงกันต่อไปจนกว่าสันติสุขที่แท้จริงจะบังเกิดขึ้นแก่โลก เพราะฉะนั้นธรรมกายเจดีย์นี้ จะเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างผู้รู้นี้ กับผู้รู้ท่านนั้นและงานของเราก็จะสืบทอดกันต่อไป 

 


                เพราะฉะนั้นไม่ใช่เป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่หลวงพ่อวัดปากน้ำ มักจะใช้คำว่าไม่ใช่ของพอดีพอร้าย เป็นของสำคัญทีเดียว ที่จะเชื่อมโยงกันต่อไป ดังนั้น ลูก ๆ ทั้งหลายต้องเอาชีวิตจิตใจเป็นเดิมพัน ทุ่มกันให้สำเร็จให้ได้ เกิดมาอย่างไรเราก็ตาย แต่ก่อนตายบารมีต้องเต็มเปี่ยม ต้องให้ทุกอนุวินาที เป็นไปเพื่อการสร้างบารมี ให้บารมีของเราเต็มเปี่ยม ละโลกแล้วเราจะได้มีปีติใจ มีความสุขใจว่าเกิดมาในชาตินี้ได้กำไรชีวิต เกิดมาสร้างบารมีอย่างพระบรมโพธิสัตว์ในกาลก่อนทุก ๆ พระองค์ที่ผ่านมา มีชีวิตผ่านมาในโลกนี้ ยังประโยชน์สุขให้เกิดขึ้นแก่ตัวเองและผู้อื่น ทำประโยชน์ทั้ง ๓ ให้บังเกิดขึ้นแก่ตัว ทำประโยชน์ปัจจุบันอนาคต และประโยชน์อย่างยิ่ง เราจะได้มีความปีติใจเหมือนกับอ้อยที่เข้าเครื่องหีบ หีบเอาความหวานออก เหลือแต่ชานก็ทิ้งไป ร่างกายนี้มีไว้เพื่อสร้างความดีเท่านั้น สั่งสมความดีเต็มเปี่ยมแล้ว หอบเอาความดีไป ก็เหลือแต่สังขารสรีระที่เปื่อยเน่าทิ้งไว้กับโลก พร้อมกับแบบอย่างที่ดีเท่านั้น อธิษฐานจิตอย่างนี้ทุก ๆ วันนะจ๊ะ 

 


                วันปีใหม่ที่จะถึงนี้ คุณยายขอบุญพิเศษของพระธรรมกายของพระพุทธเจ้า พระนิพพานทุก ๆ พระองค์ให้สุดรู้สุดญาณว่า ลูก ๆ ทั้งหลายชายหญิงภายในและต่างประเทศ ว่ามีกุศลศรัทธาและเลื่อมใสในพระรัตนตรัย อยากได้บุญใหญ่ในการสร้างธรรมกายเจดีย์ ตั้งแต่เบื้องต้น ซึ่งยังเป็นท้องนา รกรุงรังด้วยหญ้า รกรุงรังด้วยสิ่งที่เป็นมลทินเป็นปฏิกูล จะตั้งใจมาอยู่ธุดงค์เพื่อชำระกาย วาจา ใจของตัวเองให้บริสุทธิ์ ชำระสิ่งที่เป็นมลทินในบริเวณที่จะสร้างธรรมกายเจดีย์นี้ ให้บริสุทธิ์ทั้งลึกลงไปในแผ่นดิน และเวิ้งว้างไปในท้องฟ้าทั้งปริมณฑลทั้งหมดให้มีแต่กระแสความบริสุทธิ์ทั้งหมด ของพระรัตนตรัยบังเกิดขึ้นในเบื้องต้น ให้เป็นพื้นฐานของแห่งการสร้างความบริสุทธิ์ของธรรมกายเจดีย์ และเป็นประวัติศาสตร์ชีวิตอันงดงามของลูก ๆ ชายหญิงทั้งภายในและต่างประเทศทั้งหลาย ขอบุญพิเศษนี้จากพระนิพพาน ให้ลงมาซ้อนที่ศูนย์กลางกายของลูก ๆ ทุกคน ที่มีความตั้งใจดีต่อพระศาสนานี้ ให้ได้ทำสิ่งอันเป็นอัศจรรย์บังเกิดขึ้น จะมาร่วมกัน ร่วมนอน ร่วมพัฒนากาย วาจา ใจ ให้สะอาดตามคำสอนของพระบรมศาสดา เพื่อชำระสิ่งที่เป็นมลทิน อธิษฐานจิตอย่างนี้ทุก ๆ วันนะจ๊ะ 


 

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.03074088493983 Mins