วินัย
วินัย มี ๒ ชนิด คือ วินัยทางโลก และ วินัยทางธรรม วินัยทางโลกทหารคุ้นกับวินัยเหลือเกิน เช่น กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ฯลฯ ถ้าจะเป็นต้นแบบในเรื่องวินัยแล้ว ไม่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้นคนทั้งโลกเขาก็ยกให้ทหารว่าเป็นต้นแบบของวินัย เราฝึกวินัยทางโลก ฝึกการรบทัพจับศึก เราจะมีการฆ่าการฟันอย่างไร ในการสงครามนั้นจะไม่กล่าวถึง แต่เมื่อยามบ้านเมืองสงบ วินัยทางธรรมต้องมีบทบาทอย่างสูง ไม่งั้นคนในชาติจะรบกันเอง เพราะขาดวินัยทางธรรมหลาย ๆ คนในประเทศไทย ฝันหวานเหลือเกินว่า แหม..ถ้าเมืองไทยมีบ่อน้ำมัน หรือมีบ่อทองคำ บ้านเมืองของเราก็จะร่ำรวย รุ่งเรืองกว่านี้ ไม่จริง อิหร่านก็มีน้ำมัน วินัยทางโลกเขาก็ดี เพราะว่าอิหร่านได้ชื่อว่ามหาอำนาจทางซีกโลกด้านนั้น แต่เสร็จแล้ว เนื่องจากวินัยทางธรรมของเขาไม่มี น้ำมันที่เขาขุดได้กลับกลายเอามาเป็นทุนในการทำสงครามกันเองบ้าง ทำสงครามถ้าขึ้นเจาะแม้กับประเทศเพื่อนบ้านบ้าง จนกระทั่งหาความสงบสุขไม่ได้ประเทศไทยมีบ่อน้ำมันโต ๆ แต่วินัยทางธรรมเราไม่พอขึ้นมาเดี๋ยวคนไทยจะฆ่ากันเอง เวลาพบแร่ตามภูเขาต่าง ๆจำนวนไม่มากกว่าที่ประเทศอื่นมี หรือตามที่หลาย ๆ แห่ง พอพบแร่ เดี๋ยวคนไทยก็ฆ่ากัน เพราะเราขาดวินัยทางธรรม ยิ่งถ้าไปพบบ่อทองคำเมื่อไรละคงตายกันเป็นเบือ ตราบใดถ้าในกองทัพมีคนประเภทนี้ ถ้ามีบ่อทองคำโผล่ขึ้นมาในที่ใดที่หนึ่ง ไม่แน่ว่าคนไทยฆ่ากันตายนะ ทำเป็นเล่นไป พอเห็นทองตาโต ผู้บังคับบัญชาหรือไม่บังคับบัญชาไม่รู้ละ ขอเอาทองคำไปก่อน
วินัยทางธรรม ข้อ ๑ ศีล ๕
สำหรับผู้ที่ไม่ใช่พระ ไม่ใช่นักบวช วินัยทางธรรมก็ได้แก่ ศีล ๕ ตั้งแต่ ไม่ฆ่า ไม่ลัก ไม่ประพฤติผิดในกามหรือว่าไม่เจ้าชู้ ไม่โกหก แล้วก็ไม่ขี้เมา ศีลข้อ ๑ พูดกับทหารทีไรจะโดนแย้งทุกทีไป ว่าข้าศึกมาแล้วไม่ฆ่าเขา เขาก็ฆ่าเราน่ะ นี่ขอเถียงคำหนึ่งก่อนว่า แล้วเวลาบ้านเมืองสงบทำไมยังต้องฆ่ากัน บางคนว่าอย่างไรรู้ไหมบ้านเมืองสงบก็ต้องซ้อมฆ่ากันไว้บ้าง ไม่งั้นไม่ชำนาญ อ้าว....แล้วกันบ้านเมืองมันก็วุ่นวาย นี่ยกตัวอย่าง หลวงพ่อสอนไม่ให้ลักขโมยแต่มีความจำเป็นจะไปลักแผนการรบของฝ่ายตรงข้ามมาเพื่อจะได้รบชนะ เรารบไม่กี่ทีชนะแล้ว เอ้อ...มันก็ดีเหมือนกันแหละ ดูเผิน ๆแต่กลัวอยู่อย่างเดียว พอยังไม่ทันจะรบเลย ลักแผนของฝ่ายเราไปขายให้เขาเสียอีก นี่ละแสบ นี่ยกตัวอย่างศีลทั้ง ๕ ข้อก็จะมีอาการทำนองเดียวกัน คือขอให้มองมุมได้แล้วก็มองมุมเสียด้วย คราวนี้จากศีล ๕ ข้อนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ไว้ นอกจากให้ไว้เพื่อเป็นวินัยในการควบคุมตัวของพวกเราแล้ว ในยามบ้านเมืองสงบ ศีล ๕ ก็จะใช้สำหรับวัดความเป็นคนอยากจะรู้ว่าวันนี้เป็นคนสักกี่เปอร์เซ็นต์ ไปหาซื้อมิเตอร์ในท้องตลาดหาไม่ได้ จะวัดไฟฟ้ามีโวลท์มิเตอร์ มีแอมมิเตอร์ จะวัดอุณหภูมิมีเทอร์โมมิเตอร์ ขึ้นแท็กซี่ยังมีแท็กซี่มิเตอร์ แต่ว่าจนใจจริง ๆ จะวัดความเป็นคนหามิเตอร์ไม่พบ พระองค์ให้ไว้แล้ว ศีลทั้ง ๕ นั่นแหละเป็นมิเตอร์วัดความเป็นคนในขั้นต้น คือกับประเทศถ้าวันใดตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา จนกระทั่งกลับเข้านอนรักษาศีล ๕ ได้ครบบริบูรณ์ วันนั้นเป็นคน ๑๐๐% ขึ้นมาถ้าเหลือ ๔ ข้อก็เป็นคน ๘๐% ถ้าเหลือ ๓ ข้อละก็เป็นคน ๖๐% ไม่ใช่คนเสีย ๔๐% เขี้ยวเริ่มออก หางเริ่มออก จะลักแผนกองทัพไปขายให้เขา จะดื่มสุราเมาแล้วอาละวาดกันเองซ้อมมือตีหัวกันก่อนก็ตรงนี้วันนี้ขอ ถ้าเหลือแค่ ๒ ข้อ ความเป็นคนก็ ๔๐% ท่านบอกว่านี่เขี้ยวเป็นคืบ หางเป็นศอกแล้วถ้าเหลือศีลเพียงข้อเดียว ความเป็นคนเหลือ ๒๐% ท่านบอกว่าเขี้ยวก็ลากดิน เหลียวไปดู ฝุ่นคลุ้งเลย ทำไม หางมันก็ลากดินหางมันก็พันเอว ฟุ้งมาถ้าศีล ๕ ข้อไม่เหลือเลย หมดคน ทำไมจึงกล้าพูดว่าหมดคน ถามใจตัวเองเถอะ คุณผู้หญิงก็ดี คุณผู้ชายก็ดี ถามใจตอนนี้ว่า ถ้าสามีหรือภรรยาของเราไม่ถือศีล ๕ เลย
๑.เขาพร้อมจะฆ่าเรานะ ทำเป็นเล่นไป
๒. สมบัติอะไร เป็นต้องผลาญหมด
๓. เรามีลูก เรามีหลาน เรามีใครอยู่ในบ้าน เขาพร้อมจะปล้ำ เขาพร้อมจะข่มขืน
๔. พูดกัน ไม่ค่อยมีความจริง โกหกตลอดเวลา
๕. เมาคลานตลอดเรามีญาติ มีพี่มีน้อง มีสามีมีภรรยาอย่างนี้ จะไปไว้ใจอะไร ร้ายยิ่งกว่านอนกอดงูเห่าเสียอีก