เคล็ดวิชาฝึกศิษย์

วันที่ 12 สค. พ.ศ.2567

เคล็ดวิชาฝึกศิษย์

670812_b143.jpg


                    ในวัดมหายานแห่งหนึ่งมีลูกศิษย์มาขออยู่ในสำนักศึกษาเล่าเรียนกันมาก เพราะเป็นสำนึกมีชื่อเสียง ศิษย์แต่ละคนต่างก็แข่งขันกันศึกษาเพื่อจะได้จบ แล้วกลับไปภูมิลำเนาทำมาหากินต่อไป แต่มีศิษย์อยู่คนหนึ่ง เรียนก็ไม่เก่ง แถมยังดื้อรั้นชอบหนีไปเที่ยว เท่านั้นยังไม่พอ ยังทำตัวเป็นอันธพาลเกเร เที่ยวไปก่อเรื่องทะเลาะกับวัยรุ่นนอกสำนัก ถึงถูกจับไปโรงพัก จนหลวงพ่อต้องไปประกันตัวออกมาเป็นประจํา
 

“คราวหน้าเธออย่าทำอย่างนี้อีกนะ ทำให้หลวงพ่อต้องขึ้นโรงพักไปด้วย” หลวงพ่อเตือน


“ครับ ผมจะไม่ทำอีก” เขารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ


              แต่ไม่นานก็ทำอย่างนั้นอีก จนเป็นที่เบื่อหน่ายเอือมระอาของศิษย์ทั้งหลาย แต่หลวงพ่อกลับดูแลใกล้ชิด ติดตามความเคลื่อนไหวตลอดเวลา แถมสั่งศิษย์รุ่นพี่ให้ช่วยเป็นหูเป็นตา แนะนำตักเตือนด้วย นานเป็นปีที่ศิษย์ทั้งหลายอึดอัดคับข้องใจ วันหนึ่งเห็นหลวงนั่งจิบน้ำชาอยู่ที่ห้องโถงแบบสบายๆ จึงพากันเข้าไปกราบพร้อมกันแล้วเรียนถามว่า


“หลวงพ่อครับ ทำไมไม่ไล่ศิษย์คนนั้นไปเสีย ทำให้หลวงพ่อและพวกผมเดือดร้อนประจำ ชื่อเสียงของสำนักก็พลอยเสียไปด้วยทำไมหลวงพ่อจึงอุปถัมภ์ดูแลเขาอย่างใกล้ชิด ส่วนพวกผมหลวงพ่อไม่ค่อยดูแลแนะนำเท่าไรเลย หลวงพ่อคิดอย่างไรหรือครับ”
 

หลวงพ่อตอบว่า
 

“ลูกทุกคนฟังนะ ที่หลวงพ่อไม่ค่อยดูแลเอาใจใส่พวกเธอนั้น เพราะพวกเธอเก่งกันแล้วทุกคน ขยันทุกคน มีความรับผิดชอบในการเรียนและการทำงาน เอาตัวรอดได้แล้ว จึงไม่ต้องไปจ้ำจี้จ้ำไชอะไรกันมาก” หลวงพ่อจิบน้ำชาเว้นวรรคนิดหนึ่งแล้วพูดต่อ
 

“ส่วนเจ้าศิษย์ที่ทำให้หลวงพ่อ และพวกเธอเดือดร้อนนั้น เขาน่าสงสารมากกว่าน่ารังเกียจ ยังไม่โต ยังพึ่งตัวเองไม่ได้ ยังรับผิดชอบตัวเองไม่เป็น ยังแยกแยะดีชั่วไม่ได้เหมือนพวกเธอ ถ้าหลวงพ่อไล่เขาออกไปเขาก็จะเอาตัวไม่รอด หรืออาจไปก่อเหตุก่อเรื่องถึงติดคุกติดตะรางหรือถูกฆ่าตายก็ได้ เมื่อเป็นดังนี้หลวงพ่อจึงต้องเลี้ยงเขาเอาไว้ใกล้ตัว ยังปล่อยไม่ได้ ค่อยอบรมไปฝึกฝนไป แม้จะนานหน่อย ก็คงจะพอทำให้เขาโตทั้งตัวและสติปัญญาได้อยู่ดอก พวกเธอก็อย่ารังเกียจเขาเลย คิดว่าเขาเป็นคนป่วย เป็นคนด้อยปัญญากแล้วกัน ช่วยเขาให้หายป่วย ให้เขาฉลาด ได้บุญด้วยนะ”


                  ศิษย์ทุกคน พอได้ฟังเหตุผลของหลวงพ่อ ต่างพากันซาบซึ้งในเมตตาธรรมของหลวงพ่ออย่างสุดหัวใจ หลวงพ่อรักและห่วงใยลูกทุกคน จึงลุกขึ้นกราบหลวงพ่อพร้อมกัน แล้วรับปากหลวงพ่อว่า ต่อไปจะไม่รังเกียจเพื่อนศิษย์คนนั้นอีก
 

เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า
                  ครูที่มีจิตวิญญาณเป็นครูย่อมไม่ทิ้งศิษย์ ผู้ที่ยังด้อยกว่าเพื่อน ย่อมเอาใจใส่ศิษย์คนนั้นเป็นพิเศษ ขวนขวายหาวิธีฝึกฝน ให้เขาเรียนรู้วิชาและชีวิตพอที่จะเอาตัวรอดได้ในอนาคต บางครั้งถึงกับต้องฝืนใจลงโทษเฆี่ยนตีก็จำยอม ด้วยพิจารณาเห็นว่าคนเรานั้น แม้จะมีความแตกต่างกันทั้งสรีระร่างกายและสติปัญญา ตลอดถึงภูมิต้านทานด้านคุณธรรมก็จริง แต่ก็สามารถพัฒนาให้เจริญได้ในระดับหนึ่ง เรื่องเช่นนี้ ครูจึงพึ่งตระหนักรู้ แล้วให้ความรักความห่วงใยแก่ศิษย์ โดยเหมาะสมโดยเฉพาะคนที่มีปมด้านใดด้านหนึ่งด้อยกว่าเพื่อน ควรได้รับความห่วงใยและดูแลเป็นพิเศษ มิใช่ประณามดุด่าให้ได้อาย หรือขับไล่ไสส่งให้พ้นไปจากตัว เพราะนั่นมิใช่วิธีแก้ปัญหาให้เขา แต่เป็นการปัดสวะให้พ้นตัวเองไปเท่านั้น ความรักเอ็นดู 
ความดูแลเอาใจใส่ และการฝึกฝนแนะนำเขาเป็นพิเศษกว่าคนอื่นๆเท่านั้น จึงจะสามารถช่วยเขาให้รอดตัวได้ มิเช่นนั้น จะกลายเป็นว่า ครูนั่นแหละ ที่ช่วยให้จำนวนอันธพาลตามท้องถนนหรือตามแหล่งมั่วสุมต่างๆเพิ่มขึ้น โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.025549097855886 Mins