ฤทธิ์ความโลภ

วันที่ 03 กย. พ.ศ.2567

ฤทธิ์ความโลภ

670903_b187.jpg


                 มีโจรสองคนเป็นเพื่อนกัน ร่วมกันปล้นทรัพย์สมบัติได้มาแล้วก็นำมาแบ่งกัน ทำอยู่อย่างนี้จนอายุมากด้วยกันคืนหนึ่งได้เข้าปล้นขบวนเกวียนของพ่อค้าต่างเมืองที่พักค้างกลางดง ได้แก้วแหวนเงินทองมากมายจนชนกันแทบไม่ไหว เมื่อได้แล้วก็รีบหนีออกจากคงไปอีกทางหนึ่งป้องกันคนติดตาม จวบรุ่งเช้าจึงถึงบ้านร้างปลายนาของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง นอนพักผ่อนเอาแรงอยู่พักหนึ่งแล้ว โจรคนหนึ่งจึงบอกเพื่อนว่า “เพื่อนเอ๋ย เรารวยกันแล้ว เราไม่ต้องปล้นเขากินไปอีกหลายปีก็ได้ ขอให้เพื่อนไปในหมู่บ้าน ไปซื้อหาอาหารมากินกันเถิด เราจะรอเพื่อนอยู่ที่นี่ กินอิ่มแล้วเราจะได้แบ่งเงินทองกัน”

 

                 เพื่อนโจรก็เห็นด้วยจึงนำเงินที่ปล้นมาได้ออกมานิดหน่อยเพื่อไปซื้ออาหาร เมื่อเพื่อนออกไปแล้ว โจรที่เฝ้าทรัพย์อยู่มองดูเงินทองที่มีมากมายแล้วก็เกิดความโลภขึ้นมา คิดจะฮุบไว้เสียคนเดียว หากจะหอบหิ้วหนีไปตอนนี้ก็คงไปได้ไม่ไกลเพราะเงินทองหนักมากเพื่อนก็คงตามทันและต้องต่อสู้กัน สู้ฆ่าเพื่อนให้ตายก่อนดีกว่า คิดแล้วก็เตรียมมีดดาบไว้ กะว่าเมื่อเพื่อนผ่านประตูเข้ามาจะฟันทันทีโดยไม่ทันให้รู้ตัวแม้โจรที่เข้าไปหาอาหารในหมู่บ้านก็คิดไม่ซื่อเช่นเดียวกัน เขาคิดฆ่าเพื่อนโดยใส่ยาพิษไว้ในอาหาร ซึ่งหลังจากซื้ออาหารกินเองแล้วได้ไปซื้อยาพิษมาใส่ผสมกับอาหารที่นำไปฝากเพื่อนแล้วก็เดินกลับ โจรที่เฝ้าทรัพย์อยู่เห็นเพื่อนกำลังเดินมาก็หยิบดาบไปแอบอยู่ข้างประตู เมื่อเพื่อนเดินเข้ามาก็ฟันฉับเข้าที่ก้านคอเต็มแรง คอของเพื่อนขาดเพียงดาบเดี่ยว ร่างของเขาล้มลงโดยไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเพื่อนตายแล้วโจรผู้นั้นก็หัวเราะร่า ตะโกนก้องว่า
 

“เรารวยแล้วโว้ย ไม่ต้องเหนื่อยอีกแล้ว เงินทองมากมายอย่างนี้จะต้องไปปล้นเขากินอีกทำไม”
 

                 มันหัวเราะพลางแก้ห่อข้าวที่เพื่อนนำมาฝาก รีบกินด้วยความหิวโดยไม่ทันดูให้ถี่ถ้วนว่ามีอะไรแปลกปลอมอยู่หรือไม่ กินไปได้เพียง ๔-๕ คำ ยาพิษก็สำแดงเดช มันรู้สึกตัวว่าในอาหารมียาพิษพยายามสำรอกออกมา แต่ยาพิษออกฤทธิ์เสียแล้ว มันล้มกลิ้งดิ้นพลาดๆ น้ำลายฟูมปาก ไม่นานนักวิญญาณอันโสมมก็ออกจากร่างตามเพื่อนไปอีกคน

 

เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า

                 อันว่าทรัพย์สมบัตินั้นนอกจากนำความสุขมาให้แล้ว ยังนำความวิบัติมาให้ก็ได้ คนที่มีสมบัติร่วมกัน ถ้าความโลภเกิดขึ้นในคนใดคนหนึ่ง ความโลภก็จะผลักดันให้คิดหาทางเป็นเจ้าของสมบัตินั้นคนเดียว แม้จะต้องแตกแยกกัน แม้จะต้องห้ำหั่นกัน แม้จะต้องฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่งก็ยอม เมื่อความโลภเกิดขึ้น ความมืดบอดก็ตามมา ย่อมมองข้ามเรื่องบาปบุญคุณโทษไปเสีย ความโลภของคนได้ฆ่าทั้งคนอื่นและฆ่าตนเองมามากต่อมากแล้ว ดังนั้น เมื่อมีทรัพย์สมบัติอยู่ สิ่งที่พึงระวังให้มากคือความโลภของคนใกล้ชิดหรือคนที่มีส่วนร่วม ถ้ายังไม่เกิดความโลภก็ยังดีกันอยู่ได้ ยังไว้วางใจกันได้ ยังมองหน้ากันด้วยความยิ้มแย้มและหวานชื่นกันได้ แต่ถ้าจิตแปรเปลี่ยนไปตามอำนาจของความโลภ กิริยาอาการต่างๆ ก็จะเปลี่ยนไปทันที เพราะความโลภนั้นไม่เข้าใครออกใคร ไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม เป็นตัวของตัวเองมาโดยตลอด

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.035220380624135 Mins