อาจารย์ดื้อ

วันที่ 02 กย. พ.ศ.2567

อาจารย์ดื้อ

670902_b186.jpg


                   พราหมณ์ในเมืองพาราณสีคนหนึ่งเป็นผู้รู้มนตร์วิเศษชื่อว่าเวทัพพะ อันว่ามนตร์นั้นสามารถบันดาลห่าฝนเพชรนิลจินดาให้ตกลงมาได้ พราหมณ์นั้นจึงมีฐานะสบาย ตอนหลังมีผู้มาขอสมัครเป็นศิษย์เรียนมนตร์นั้นด้วย ซึ่งพราหมณ์ก็สอนให้ด้วยความเอ็นดูและรับอยู่ในสำนักด้วยกันเหมือนเป็นพ่อลูกกันวันหนึ่งพราหมณ์กับศิษย์จำเป็นต้องเดินทางไปยังแคว้นอื่นซึ่งอยู่ห่างไกล จึงเตรียมเสบียงไปพร้อมสรรพแล้วออกเดินทางกันเมื่อเข้าไปในดงกลางทางถูกพวกโจรกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งจับตัวได้พวกโจรได้ปล่อยศิษย์ไปโดยสั่งให้ไปหาทรัพย์จำนวนหนึ่งมาไถ่ตัวอาจารย์ ก่อนจากกันศิษย์ได้กระซิบขอร้องอาจารย์ว่า
 

“อาจารย์ครับ อาจารย์อย่าได้ร่ายมนตร์เรียกทรัพย์เป็นเด็ดขาดนะครับ พวกมันได้ทรัพย์แล้วจะฆ่าอาจารย์เสียหรือไม่ก็จะพาอาจารย์เร่ร่อนไปในที่ต่างๆ อาจารย์จะลำบากไปตลอดชีวิต รอจนกว่าผมจะกลับมาพร้อมกับเงินทองที่อยู่ที่บ้าน เมื่อไถ่ตัวได้แล้วเราค่อยกลับพร้อมกัน”


                   อาจารย์ฟังแล้วก็นิ่งอยู่ พอตกกลางคืนพวกโจรก็มัดมือมัดเท้าอาจารย์อย่างแน่นหนาแล้วปล่อยให้นอนกลิ้งเหมือนหมูอยู่ และคืนนั้นตรงกับวันเพ็ญที่สามารถร่ายมนตร์ได้พอดี ตกดึกอาจารย์รู้สึกอึดอัดและปวดร้าวเหมือนกระดูกแตกสลาย ทนไม่ไหวจึงตะโกนเรียกหัวหน้าโจรมาถามว่าต้องการทรัพย์เท่าไรจะหาให้เดี๋ยวนี้ ว่าแล้วก็ร่ายมนตร์เวทัพพะ สักครู่ก็มีแก้วแหวนเงินทองและเพชรนิล จินดาตกลงมาก่ายกอง พวกโจรต่างดีใจไชโยโห่ร้องก้องป่าถือว่าได้ ลาภมหาศาล แต่ก็ไม่ปล่อยให้อาจารย์กลับตามสัญญา จึงพาไปด้วยเพื่อให้เรียกทรัพย์ให้อีก

                    อาจารย์จึงต้องไปกับพวกโจรเมื่อเดินทางได้สองสามวันก็ไปพบกลุ่มโจรอีกพวกหนึ่ง เกิดต่อสู้กันใหญ่ โจรพวกแรกสู้โจรพวกหลังไม่ได้จึงถูกจับ โจรกลุ่มแรกจึงบอกพวกโจรกลุ่มหลังว่าขอให้ปล่อยพวกตนไปเถิด เงินทองที่มีอยู่ขอมอบให้ทั้งหมด และคนที่ถูกมัดพามาด้วยนี้เก่งมาก สามารถเรียกเงินทองได้เมื่อต้องการ ก็ขอยกให้เช่นกันโจรกลุ่มหลังได้ยินดังนั้นจึงถามอาจารย์ว่าเป็นเช่นนั้นจริงหรือ เมื่ออาจารย์บอกว่าจริง หัวหน้าโจรจึงสั่งให้ฆ่าโจรกลุ่มแรกเสียทั้งหมดด้วยเกรงจะมาดักปล้นภายหลัง ไว้ชีวิตอาจารย์คนเดียวผ่านไปได้ ๒-๓ วัน หัวหน้าโจรก็อยากจะลองวิชาอาจารย์ว่าวิเศษจริงหรือไม่ จึงบอกว่า “ท่านบอกว่าท่านมีวิชาเรียกทรัพย์ให้ตกลงมาจากฟ้าได้ ก็ขอให้ท่านร่ายมนตร์เรียกมาเดี๋ยวนี้เถิด ถ้าเรียกได้จริงก็จะปล่อยตัวท่านไป”


                      อาจารย์บอกว่า “วันนี้เรียกไม่ได้หรอกท่าน มนตร์นี้เรียกได้ปีละครั้งเท่านั้น และต้องเป็นวันเพ็ญเดือนนี้ด้วย เมื่อไม่กี่วันมานี้ก็เรียกมาแล้ว ต้องรอถึงปีหน้าถึงจะเรียกได้อีก” (หัวหน้าโจรคิดว่าอาจารย์โกหกเพื่อต้องการถ่วงเวลาทั้งไม่ต้องการพาไปให้เป็นภาระด้วยจึงใช้ดาบคมกริบนั่นคืออาจารย์เสียอาจารย์ผู้เก่งมนตร์วิเศษที่พบจุดจบลงเพราะความดื้อไม่เชื่อตามที่ลูกศิษย์ขอร้อง


เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า
                     ผู้ใหญ่นั้นบางครั้งก็ดื้อรั้นไม่ยอมฟังใคร ยิ่งผู้พูดเป็นเด็กเป็นลูกเป็นหลาน หรือเป็นศิษย์ด้วยแล้วยิ่งไม่ฟังเลยเพราะถือว่าอาบน้ำร้อนมาก่อน จึงทำให้ผู้ใหญ่ไม่น้อยที่ต้องเพลี่ยงพล้ำหรือผิดพลาดเสียหายเพราะไม่ยอมฟังคำทัดทานจากเด็กที่จริงไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็กก็สามารถที่จะเป็นคนฉลาดหรือรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยม รู้เท่าทันเหตุการณ์ มีความคิดความอ่านที่ถูกต้อง มีความถี่ถ้วนรอบคอบได้พอๆ กัน จึงควรฟังกันและกันไว้บ้างย่อมจะดีกว่าดื้อดันทุรังไม่ฟังเสียงกันด้วยทิฐิมานะว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่า ผู้ใหญ่ที่อดทนฟังคำทัดทาน ฟังเหตุผล และฟังรายละเอียดจากเด็กที่ฉลาด คิดเป็น และว่องไวได้ นับเป็นผู้ใหญ่ที่ฉลาดและย่อมได้รับความเคารพนับถือ ได้รับความเกรงใจ และได้รับความร่วมมือจากเด็กอย่างเต็มที่ ทั้งจะเบาแรงเบาสมองลงได้มากเพราะได้คนมาช่วยคิดช่วยทำแล้วเพียงตามดูอยู่ห่างๆ ก็พอแล้ว

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.040179765224457 Mins