หน้าที่สําคัญกว่าลมปาก

วันที่ 20 สค. พ.ศ.2567

หน้าที่สําคัญกว่าลมปาก

670820_b161.jpg

 

                  ฤาษีผู้มีฤทธิ์ตนหนึ่งสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ดำน้ำลุยไฟได้ เช้ามืดวันหนึ่ง หลังจากออกจากฌานแล้วอยากจะหาเพื่อนคุยแก้เหงาบ้าง แต่ไม่รู้จะคุยกับใครที่เพราะไปชวนคุยมาหมดแล้วพอดีพระอาทิตย์โผล่ยอดเขามาพอดี ได้เพื่อนคุยแล้วละ ฤาษีคิดพร้อมเหาะลิ่วไปหาพระอาทิตย์ ถึงรัศมีพระอาทิตย์จะร้อนแรงอย่างไรก็หาได้ระคายเคืองผิวฤาษีไม่ด้วยอำนาจฌานของท่าน พอเข้าไปใกล้จึงถามว่า
 

“ท่านอาทิตย์ ท่านไม่เบื่อบ้างหรือไง ขึ้นแล้วตกๆ ทุกวันตรงตามเวลาด้วย”
 

“เบื่อไม่ได้หรอกท่านฤาษี มันเป็นหน้าที่ของข้าพเจ้าอยู่แล้ว”
 

พระอาทิตย์ตอบด้วยอารมณ์ดี
 

“ท่านทำหน้าที่แข็งขัน ไม่เคยเบื่อหน่าย ไม่เคยเบี้ยวสักวัน พวกมนุษย์เขารู้สึกต่อท่านอย่างไร ท่านรู้ไหม” ฤาษีเริ่มเปลี่ยนเรื่อง
 

“เออนั่นสิ แล้วมนุษย์เขารู้สึกอย่างไรกับข้าพเจ้ากันบ้าง ท่านก็เป็นมนุษย์ ท่านลองเล่าให้ฟังบ้างสิ” พระอาทิตย์ถามฤาษีบ้าง
 

“เวลาท่านขึ้นไปอยู่กลางฟ้านะ คนที่กำลังเดินทางอยู่กลางแดดก็จะบ่นนินทาท่านว่าวันนี้ทำไมมันร้อนเปรี้ยงอย่างนี้ ร้อนจะตับ แตกอยู่แล้ว อะไรทำนองนี้ แต่คนที่ซักผ้ากำลังตากผ้าอยู่กลับชอบและชมท่านนะว่าแดดดีจังเลย พระอาทิตย์เป็นใจ”
 

“แล้วคนที่ด่าข้าพเจ้านั้นเขาซึ่งข้าพเจ้า และคนที่เขาชมข้าพเจ้านั้น เขาชอบข้าพเจ้าหรือไงกัน” พระอาทิตย์ชักสนุกในการคุยจึงย้อนถาม
 

“ก็คงไม่ใช่มั้ง เพราะคนที่ด่าท่านไว้ วันหลังเขาไม่ได้ไปไหนนั่งนอนอยู่แต่ในบ้าน เขาก็มิได้บ่นหรือสนใจท่าน ท่านจะแผดแสงเปรี้ยงหรือผ่อนเย็นลงอย่างไรเขาไม่รับรู้ด้วย ส่วนผู้ที่เคยชมท่านวันหลังพอท่านถูกเมฆบังหนาทึบจนไม่มีแดดให้เขาตากผ้า เขาก็บ่นเอากับท่านเหมือนกัน เอาแน่นอนไม่ได้หรอกท่าน”
 

“มนุษย์เขาเป็นกันอย่างนี้หรือท่านฤาษี”
 

“เป็นอย่างนี้แหละ อย่าว่าแต่ท่านเลย แม้พระวัสสุเทพเจ้าแห่งฝนก็โดนมนุษย์เขาเล่นงานเสมอ จนมีคนพูดกันว่าฝนตกก็แช่งฝนแล้งก็ด่า แล้วท่านไม่คิดจะลองเบี้ยวไม่ขึ้นสักวันหรือไร จะได้สั่งสอนมนุษย์ให้รู้สำนึกและระวังปากระวังคำกันเสียบ้าง”

 

ฤาษีแหย่ เพื่อดูท่าทีพระอาทิตย์รีบตอบทันที

 

“โอ๊ย ไม่ได้หรอกท่าน มันเป็นหน้าที่มนุษย์เขาจะบ่นว่าหรือจะชมข้าพเจ้าอย่างไร ข้าพเจ้าไม่ได้ยินและไม่สนใจด้วยหรอก ว่ากันตามสบายเถอะ ข้าพเจ้าไม่ได้ดิบได้ดีหรือเดือดร้อนเพราะปากของพวกมนุษย์หรอก”


ฤาษีนั่งฟังอยู่ พระอาทิตย์เลยตัดบท “ขอบคุณท่านฤาษีมากนะที่มาชวนคุย วันหลังนิมนต์มาอีก”


เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า
                 คนที่ทำหน้าที่ใหญ่ๆ และอยู่สูงย่อมถูกกระแสลมปากคนมากกว่าคนปกติเหมือนดวงอาทิตย์ที่ลอยอยู่บนฟ้า เรื่องของปากคนเราห้ามเขาไม่ได้ การยกย่องสรรเสริญและการนินทาว่าร้ายนั้นส่วนใหญ่เกิดจากความชอบความซึ่งเป็นการส่วนตัว และเกิดจากผลประโยชน์เป็นใหญ่ ถ้าเราเอื้อประโยชน์ให้เขาได้ ยิ่งให้มากจนจุใจเขา เขาก็จะยกย่องสรรเสริญเราไม่ขาดปาก ทั้งที่เราเองก็อาจมีจุดด้อยให้เขาด่าอยู่ แต่เขาจะมองข้ามไปเสีย แต่หากเราเอื้อประโยชน์ตามที่เขาต้องการให้ไม่ได้ต่อให้เราวิเศษและดีแสนดีอย่างไร เขาก็จะหาเรื่องมาด่ามานินทาเราจนได้ เรื่องของคนเป็นอย่างนี้ตลอดมา ท่านจึงสอนว่าให้หนักแน่นเข้าไว้ มั่นคงเข้าไว้ ไม่หวั่นไหวไปตามลมปากไม่นำมาเป็นอารมณ์ ไม่อย่างนั้นเราเองนั่นแหละจะไม่เป็นตัวของตัวเอง จะเป็นทุกข์ฟุ้งซ่านและนอนไม่หลับเพราะเก็บเอาคำคนอื่นมานั่งคิดนอนคิดให้เป็นกังวลตลอดเวลา ต้องทำตัวทำใจให้เหมือนดวงอาทิตย์ย่อมสุขกายสบายใจแน่นอน

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.037742817401886 Mins