พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรับนิมนต์

วันที่ 23 สค. พ.ศ.2567

2567-08-23-b.jpg

 

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรับนิมนต์

2567-08-23_b.jpg

       เมื่อมหาทุคตะเดินมาถึงพระคันธกุฎีก็เห็นบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายต่างมารอรับบาตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่พระราชากับเหล่าเสนาบดี มหาเศรษฐีทั้งหลายเรียงรายกันเต็มไปหมด และตามมาด้วยมหาทุคตะอยู่ท้ายแถว

         เมื่อพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเปิดพระทวาร  (ประตู)  พระคันธกุฎี และตรัสว่า “เปิดทางให้มหาทุคตะ” สิ้นพระสุรเสียงของพระองค์ ทุกคนต่างก็เปิดทางเป็นแถวเลย มหาทุคตะเดินร้องห่มร้องไห้เข้าไปกราบที่พระบาท แล้วกราบทูลว่า “ข้าพระองค์เป็นผู้ที่ยากจนที่สุดในเมือง ไม่มีใครที่จะยากจนยิ่งไปกว่าข้าพระองค์อีกแล้ว ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสงเคราะห์ข้าพระองค์ด้วยเถิด”

2567-08-23.b.jpg

         พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า  “เธอหยุดร้องไห้เถอะ  รับบาตรของเราไป”  เมื่อพระพุทธองค์ทรงมอบบาตรให้เท่านั้น  น้ำตาก็แห้งเหือดหายไปเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเบิกบาน เขาเดินประคองบาตรพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างองอาจผึ่งผาย ท่ามกลางเศรษฐีเสนาบดี ปุโรหิต ทหารรักษาพระองค์และพระราชา
 

2567-08-23b.jpg

           จากนั้น  ได้เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นตลอดทั้งสองข้างทาง  เนื่องจากมีผู้ร้องขอมหาทุคตะว่า  “ส่งบาตรมาให้เราเถอะ  เราขอแลกด้วยทรัพย์ก็แล้วกัน” เหล่าพระราชา มหาเศรษฐี ต่างขอเอาทรัพย์แลกกับบาตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยเสนอราคาไปถึงหลักแสนกหาปณะ เสียงเรียกเหล่านี้จึงเซ็งแซ่อื้ออึงไปหมด

            ทางฝ่ายมหาทุคตะนั้น   ถือบาตรอย่างองอาจ   เดินยิ้มกล่าวปฏิเสธไปตลอดทาง  ไม่ส่งบาตรให้ใครเลย  ถึงตนเองจะยากจน  แต่ก็ไม่หวั่นไหวแม้จะมีใครมาเสนอทรัพย์สินเงินทองให้มากมายเพียงใดก็ตาม เพราะเขามีดวงปัญญาพิจารณาได้ว่า เงินของบุคคลอื่นที่จะมาแลกกับการทำทานในครั้งนี้สามารถช่วยให้พ้นความยากจนได้เพียงชาตินี้เท่านั้น แต่หากมองการณ์ไกลข้ามไปอีกหลายภพหลายชาติ ผลบุญจากการสร้างมหาทานบารมีกับเนื้อนาบุญอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะดลบันดาลให้เขามีความสุขไปทุกภพทุกชาติยิ่งเมื่อได้รับบาตรจากพระหัตถ์ของพระองค์ด้วยมือตน ก็ยิ่งทวีความปลาบปลื้มใจยิ่งนัก ระหว่างที่เดินทางไปยังบ้านนั้น มหาทุคตะมีเพียงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ในจิตใจตลอดเวลา จนไม่ได้ยินเสียงอื่นใดเลย

      พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จตามหลังมหาทุคตะไปเรื่อยๆ  เพื่อมุ่งหน้าไปยังบ้านของมหาทุคตะ  ส่วนพระราชาก็ทรงเป็นกังวลว่า ภัตตาหารที่มหาทุคตะจะถวายนั้นไม่ประณีต ไม่ควรถวายแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงรับสั่งให้ข้าราชบริพารเตรียมภัตตาหารเผื่อเอาไว้ที่พระราชนิเวศน์ด้วย

          เมื่อเดินทางไปถึงบ้านของมหาทุคตะแล้ว   พระราชาซึ่งเสด็จตามไปพร้อมกับข้าราชบริพาร   ตั้งใจว่าจะรีบเข้าไปที่บ้านของมหาทุคตะ เพื่อทรงสำรวจดูภัตตาหารที่จะถวายแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียก่อน

     บ้านของมหาทุคตะเป็นกระต๊อบหลังเล็กๆ   ใครก็ตามที่จะเข้าบ้านมหาทุคตะต่างต้องก้มหัวลอดผ่านบริเวณประตูเตี้ยๆ เพื่อเข้าไปในบ้านของเขา แต่ด้วยพุทธานุภาพ ประตูกระต๊อบยืดสูงขึ้นเองพระองค์จึงทรงสามารถเสด็จเข้าไปอย่างสง่างามโดยไม่ต้องก้มพระเศียรเลยพระราชาก็เสด็จตามหลังเข้าไปด้วยภายในบ้านของมหาทุคตะนั้น พระอินทร์ในร่างจำแลงได้จัดแจงปูอาสนะพร้อมกับจัดเตรียมภัตตาหารเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.018841898441315 Mins