คนเหมือนกัน

วันที่ 31 สค. พ.ศ.2567

คนเหมือนกัน

%E0%B8%BAB%20mk%20%284%29.jpg
                  พระเจ้าเสือแห่งกรุงศรีอยุธยาทรงโปรดการประพาสทางเรือเสมอ คราวหนึ่งทรงรับสั่งให้จัดเรือขนาดย่อมซึ่งมีประทุนตรงกลางมีฝีพายคอยคัดหัวเรือคนหนึ่ง ฝีพายท้ายเรือสองคน มีอำมาตย์คนสนิทติดตามคนหนึ่ง ถึงเวลาก็เสด็จออกจากวังล่องเรือไปตามลำคลองที่ร่มเย็นเป็นที่สบายพระราชหฤทัยหลังจากล่องเรือมาได้หลายชั่วโมง อากาศเริ่มร้อน ฝีพายเริ่มเหนื่อยอ่อน ฝีพายคนหนึ่งเกิดหงุดหงิดขึ้นมาจึงจึงบ่นกับเพื่อนทำนองกระทบอำมาตย์ว่า

                  “เอ็งดูซิวะ อำมาตย์คนนี้หนุ่มกว่าเราอีก ทำงานไม่กี่ปีก็ได้เป็นอำมาตย์ข้างที่แล้ว ซ้ำไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องพาย ไม่ต้องร้อน คอยแต่เพ็ดทูลอยู่ข้างที่ แสนสบายเสียจริง พวกเราเสียอีกทำงาน เป็นฝีพายมาตั้งหลายปี ได้แต่ทำงานออกกำลัง ไม่ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งอะไรกะเขาเลย พวกเราก็คนเหมือนกันนะ เอ็งว่าไหม”

                  พระเจ้าเสือทรงได้ยินคำฝีพายคนนั้นบอกเพื่อน แต่ก็ทรงทำเป็นไม่ได้ยินเสีย ปล่อยให้ระบายอารมณ์ไปเรื่อยๆ ตกเย็นถึงที่พักกลางทางซึ่งเป็นพลับพลามุงแฝกใต้ถุนโปร่งสูงแค่เอวก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ตกเช้าทรงรับสั่งให้หาฝีพายขี้บ่นมาเข้าเฝ้า ฝีพายตกใจด้วยคิดว่าที่ตนบ่นนั้นคงจะทรงได้ยินจึงรีบเข้าเฝ้าบนพลับพลา เห็นพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพักตร์สบายพระทัยอยู่ก็ค่อยโล่งใจ
 

“เออ เมื่อคืนฉันนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ เพราะใต้ถุนพลับพลามีเสียงอะไรก็ไม่รู้ดังทั้งคืน แกลองไปดูซิว่ามันเสียงอะไร” พระเจ้าเสือรับสั่งเรื่อยๆ ฝีพายรีบคลานออกมา โดยผลุงลงจากพลับพลาแล้วมุดเข้าไปใต้ถุน เห็นอะไรบางอย่างแล้วจึงรีบขึ้นไปกราบทูลให้ทรงทราบ
 

“หมามันออกลูก พระเจ้าข้า”


“เออ แล้วลูกมันมีกี่ตัวล่ะ” ตรัสถามอีก
 

                 ฝีพายรีบโดดลงมาแล้วมุดลงไปดู ทราบแล้วก็ขึ้นมากราบทูลว่าห้าตัว ทรงถามอีกว่าลูกมันตัวผู้กี่ตัว ตัวเมียกี่ตัว ฝีพายก็โดดลงไปอีกเป็นครั้งที่สามแล้วขึ้นมากราบทูลว่าตัวผู้สามตัว ตัวเมียสองตัว ตรัสถามอีกว่าแต่ละตัวมีสีอะไรบ้าง ฝีพายก็โดดลงไปใหม่เป็นครั้งที่สี่ แล้วขึ้นมากราบทูลว่าแต่ละตัวมีสีอะไรบ้าง พระเจ้าเสือทรงพยักพระพักตร์แล้วรับสั่งให้ฝีพายคนนั้น ไปตามอำมาตย์คนสนิทมาเฝ้า และให้ฝีพายมาพร้อมกับอำมาตย์ด้วย ฝีพายก็ไปปฏิบัติตามที่ทรงรับสั่ง เมื่ออำมาตย์มาแล้ว ฝีพายที่นั่งเฝ้าอยู่ใกล้ๆ
 

“เออเมื่อคืนฉันนอนไม่ค่อยหลับ” พระเจ้าเสือตรัสเล่าเหมือนกับที่ตรัสกับฝีพายแล้วรับสั่งว่า “ช่วยลงไปดูหน่อยซิว่าข้างล่างมันมีอะไร”
 

อำมาตย์ก็คลานออกมาลงไปมุดดูที่ใต้พลับพลา สักครู่ก็ขึ้นมากราบทูลว่า

“แม่หมาตัวหนึ่งมันมาตกลูกถึง ๕ ตัว เป็นตัวผู้ ๓ ตัว ตัวเมีย ๒ ตัว แต่ละตัวสีต่างๆ กัน ตัวหนึ่งสีนี้ ตัวหนึ่งสีนั้น มีอยู่ตัวหนึ่งหางมันขอดด้วย พะยะค่ะ”


พระเจ้าเสือทรงยินดีที่อำมาตย์ลงไปดูครั้งเดียวแต่ทราบรายละเอียดมากกว่าฝีพายซึ่งลงไปดูถึงสี่ครั้ง จึงทรงรับสั่งถามฝีพายว่า
 

“เจ้าจะว่าอย่างไร เขาเหมาะที่จะเป็นอำมาตย์ไหม แล้วเจ้าล่ะ เหมาะที่จะกินตำแหน่งอำมาตย์กะเขาไหม เพราะเจ้าก็เป็นคนเหมือนกัน”
 

ฝีพายก้มหน้าไปพักหนึ่ง แล้วคุกเข่าขึ้นถวายบังคมพลางกราบทูลว่า
 

“เหมาะแล้วพระพุทธเจ้าข้า ส่วนข้าพระพุทธเจ้าก็เหมาะที่จะเป็นฝีพายเหมือนเดิมพะยะค่ะ”
 

เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า
                   คนเราแม้จะเป็นคนเหมือนกัน คือมีหัว มีตัว มีแขน มีขามีหน้าตาเหมือนกันและมีเท่ากัน แต่ก็ใช่ว่าจะได้รับการยกย่องได้รับการนับถือ ได้รับความไว้วางใจ หรือได้รับบำเหน็จรางวัลอะไรเหมือนกันไม่ เพราะคนเราจะเหมือนกันก็แต่เพียงร่างกายจะคนเราจะเหมือนส่วนสติปัญญา ความคิดความอ่าน ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ความขยันขันแข็ง และคุณธรรมต่างๆ เช่นความซื่อสัตย์ ความอดทน ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความสำรวมระวัง เป็นต้นหาได้เท่าเทียมกันไม่ ที่คนแตกต่างกันโดยยศศักดิ์บ้าง โดยฐานะบ้างโดยความนิยมยกย่องบ้าง ก็เพราะความแตกต่างกันแห่งสติปัญญาเป็นต้นนั่นเอง คนเราจึงไม่ควรสำคัญตนผิดคิดแต่เพียงว่าเป็นคนเหมือนกันย่อมเท่าเทียมกันในทุกทาง เมื่อสำคัญตนผิดเช่นนี้ก็มักจะมองคนอื่นและมองโลกในแง่ร้าย ในแง่ไม่ยุติธรรม หรือในแง่ความไม่เท่าเทียม ทำให้เกิดความไม่สบายใจความเครียด และความอิจฉาริษยา ร้อนรุ่มกลุ้มใจโดยใช่เหตุ เพราะไม่ยอมรับความดีและความเด่นของใคร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0046287337938944 Mins