เรื่องที่ ๔
อร่อยแบบ บิล เกตส์
เทียบกับ แซบอีหลี
บิล เกตส์ รวยที่สุดในโลก ไม่รู้กี่หมื่น กี่แสนล้านดอลล่าร์ ให้เขากินอาหาร คงไม่เกินวันละ ๓ มื้อลองดูว่าระหว่างบิล เกตส์ ที่รวยที่สุดในโลก และคนที่จนที่สุดในโลก ในกรณีของคนจนเขาก็มีสิทธิ์กินของที่เขาชอบด้วยความอร่อย น่าจะมีเหมือนกันใช่ไหม
อาตมาเคยอยู่กับชาวบ้าน บางทีกินง่ายๆ กินข้าวเหนียว กินน้ำพริก กินผักบุ้ง ผักสะเดา ผักสด กินอะไรง่ายๆ ถ้าคนเคยกินแล้ว ถ้าชอบ ก็อร่อยได้นะ กินตำบักหุ่ง เคยกินไหม อาตมาเคยฉันบ่อย นี่เรียกว่า อาหารที่ว่าไม่แพง แต่ถ้าคนชอบ นี่เขาว่าอร่อย
ลองสมมติว่าบิล เกตส์ เขาเป็นคนรวยที่สุดในโลก เขาอยู่เมืองซีแอตเติ้ลถ้าเขาไปที่ภัตตาคารหรูหราที่สุดในเมืองจานละหลายร้อยดอลล่าร์อย่างนี้ เขากินแล้วเขาอร่อยความอร่อยของบิล เกตส์ ที่กินคำละ ๑๐๐ ดอลล่าร์ เทียบกับชาวบ้านที่นั่งอยู่ในเถียงนา กินตำบักหุ่ง ความอร่อยของบิล เกตส์กับของชาวบ้าน เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร
ความอร่อย ๑๐๐ บาท กับอร่อย ๑ บาท ต่างกันอย่างไร ความรู้สึกในปาก เราพูดถึงความรู้สึกว่าอร่อย มันเหมือนกันใช่ไหม ความอร่อย ๑,๐๐๐ บาท อร่อย ๑๐,๐๐๐ บาท อร่อย ๑๐๐,๐๐๐ บาท ก็คืออร่อยเหมือนๆ กัน ใช่ไหม
นี่แหละ เขาจะหลอกให้เราเข้าใจว่า ยิ่งแพง ยิ่งอร่อย แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าปากของเราก็มีแค่นี้ คนรวยก็ปากอย่างนี้ คนจนก็ปากอย่างนี้ ฝรั่งก็ปากอย่างนี้ คนไทยก็ปากอย่างนี้ลิ้นก็เหมือนๆ กัน ความรู้สึกอร่อยก็เหมือนๆ กัน สิ่งที่จะทำให้เกิดความรู้สึกว่าอร่อย มันแตกต่างแต่ความรู้สึกว่าอร่อย มันเหมือนกัน
ถ้าเราเข้าใจในจุดนี้ จะหายโง่ขึ้นเยอะเลย เพราะมันเป็นความโง่มากที่คนคิดว่า ต้องแพงๆ มันจึงจะดี มันดีตรงไหนล่ะ อันที่ว่าแพง บางสิ่งบางอย่าง ใช่ ถ้าเป็นเครื่องไฮเทคบางอย่าง หรือว่ารถยนต์ เป็นไปได้สำหรับบางสิ่งบางอย่าง แต่ว่าเสื้อผ้า บางทีเสื้อผ้าแบบเดียวกันอย่างนี้
สมมุติว่า ผ้าจีวรนี่ เท่าไหร่ ไม่กี่ร้อยบาท แต่ถ้าพูดว่า มียี่ห้อวัดป่าพงอย่างนี้ ก็เรียกว่ามียี่ห้อ เป็นผ้าจีวร นี่ต้องแพง อย่างนี้เรียกว่าโง่ใช่ไหม? แต่ทำไมคนใส่เสื้อผ้า ผ้าก็อันเดียวกันเนื้อผ้าก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ทำไมมีชื่ออย่างหนึ่งทำให้แพงขึ้นตั้งมากมาย
สมมติว่า มีคนต่างดาวมาจากโลกอังคารมาเยี่ยมโลกเรา มาศึกษาเรื่องสังคมมนุษย์ แล้วก็อยากจะทราบเรื่องเสื้อผ้า เราก็อธิบายให้เขาฟังว่า ของเราก็ใส่อย่างนี้ เนื้อผ้าเดียวกันแต่ถ้าพิมพ์ชื่ออย่างนี้ มันจะแพงกว่าตั้ง ๑๐ เท่าตัว
คนโลกอังคารเขาคงเข้าใจยากเหมือนกัน เขาก็คิดว่า เอ๊ะ หมายถึงว่า เราโฆษณาให้เขาใช่ไหม เราโฆษณาชื่อบริษัทเขา แล้วบริษัทต้องให้เราเท่าไหร่ เราจึงจะโฆษณาให้เขาไม่ใช่ๆ !! เราให้เขา อ้าว ! เราโฆษณาให้เขา แล้วยังให้เงินเขาอีก มันเป็นไปได้อย่างไร?! เขาน่าจะให้เงินเราไม่ใช่หรือ เพราะเราจะให้ทุกคนรู้จักบริษัท เขาจึงจะขายดี มันเลยเป็นเรื่องเข้าใจยากในสังคมมนุษย์