.....สำหรับผลการประกวดเรียงความ หัวข้อ “เก่งและดีเพราะมีคุณแม่” ในช่วงเทศกาลวันแม่ที่ผ่านมา ได้ประกาศผลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากจำนวนผู้ส่งประกวดทั้งหมด ๑๕,๐๓ คน วันนี้ได้คัดเลือกผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ในระดับอุดมศึกษา มาให้ทุกท่านร่วมชื่นชมความสามารถของเยาวชนไทย
เรียงความ “ ฉันเก่งและดี เพราะมีคุณแม่”
รางวัลชนะเลิศระดับอุดมศึกษา
น . ส. ฆารวี โชคคุณะวัฒนา
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
“ แม่” เป็นคำแรกที่ฉันได้พยายามเอื้อนเอ่ยออกมาตอนยังเป็นเด็กน่ารัก “ แม่.. จ๋า” คำๆนี้ไม่เคยหายไปจากใจของฉัน ฉันใช้คำนี้บ่อยที่สุดทุกวัน เวลาที่ต้องการอะไร “ แม่จ๋า... หนูรักแม่” ประโยคนี้เป็นประโยคที่ไม่ค่อยได้พูดบ่อยนัก อาจจะเป็นเพราะความใกล้ชิดความผูกพัน ทำให้ไม่ค่อยได้พูดออกมา ทั้งๆที่เป็นประโยคสำคัญ ที่จะบอกกับบุคคลที่ให้ชีวิตทั้งชีวิตกับฉันได้ และเป็นบุคคลที่ฉันรักมากที่สุดในชีวิต แต่ทำไมนะ ประโยคเพียงไม่กี่คำ ถึงไม่กล้าพูดออกมา ปีนี่วันที่ 12 สิงหาคม ฉันพร้อมแล้ว ที่จะเอ่ยประโยคนี้ออกมา “ แม่จ๋า..... หนูรักแม่” อย่างเต็มปากเต็มคำ ด้วยความรักแม่สุดหัวใจอย่างเต็มเปี่ยม
นับตั้งแต่ลืมตามาบนโลกใบนี้ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2526 เป็นวันที่แม่เจ็บปวดมากที่สุด แม่ปวดท้องคลอดเป็นเวลานาน 10 กว่าชั่วโมง จนกว่าจะเบ่งลูกคนนี้ออกมาได้ เมื่อฉันเกิดมาแล้ว แม่ได้ตั้งชื่อให้ฉันว่า “ ข้าว” ด้วยความหวังว่า ต้องเป็นต้นกล้าพันธ์ดี ที่มีความอดทน เมื่อเติบโตขึ้นมาสามารถออกรวง ให้ผลิตผลออกมาเป็นข้าวสารเม็ดงามได้ ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคม ฉันจึงค่อยๆเติบโตขึ้นมาด้วยน้ำใจที่มีเมตตาของแม่ และปุ๋ยอย่างดีที่สุดคือคำพูด คำสอนที่มีแต่ความรัก ความปรารถนาดี
ยามวัยเด็กนั้น ฉันก็มีแม่ที่คอยดูแลเอาใจใส่ทุกอย่าง ฉันมักจะร้องไห้ทุกครั้งเมื่อแม่ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ไม่ได้อุ้มฉันขึ้นมากอด ทำให้เวลาที่ผ่านไป แม่ต้องมาดูแลและเอาใจฉันตลอด ด้วยกลัวว่าลูกจะร้องไห้อีก นั่นเป็นภาพเมื่อตอนวัยเด็ก ที่แม่ชอบเล่าให้ลูกๆฟัง เวลาที่อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าทั้งครอบครัว แม่เป็นต้นแบบที่ดีงามให้กับฉันทุกเรื่อง แม่กับพ่อไม่เคยทะเลาะกัน ฉันรู้สึกดีใจมาก ที่ฉันได้เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสุรายาเสพติดและการพนัน ทำให้ฉันรู้สึกภูมิใจและปลื้มใจทุกครั้ง
เมื่อพูดถึงครอบครัวของฉัน แม่ชอบพาลูกๆไปวัดใกล้บ้าน ตอนช่วงเข้าพรรษาทุกวันพระ แม่จะตื่นนอนแต่เช้าตรู่เตรียมภัตตาหารไปถวายพระ ด้วยเหตุนี้ฉันถึงถูกปลูกฝังนิสัยการไปวัดตั้งแต่เด็กๆ และฝึกนิสัยการเป็นผู้ให้ แม่ชอบสอนว่า ไม่ให้เอาเปรียบใคร ให้มีความซื่อสัตย์สุจริต แม่ปลูกฝังลูกๆด้วยคุณธรรมที่ดีงาม โดยการที่แม่เป็นแบบที่ดีงามให้กับลูก ทำให้นิสัยที่ดีเหล่านั้น มาอยู่ในตัวของฉันและลูกทุกคนโดยไม่รู้ตัว ฉันได้รับการศึกษามาตามลำดับ โดยเป็นเด็กนักเรียนที่มีความประพฤติเรียบร้อยและมีผลการเรียนดี จนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
ฉันสอบเอนทรานซ์ติดที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ ภาควิชาการตลาด ฉันดีใจมากและนับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิต ฉันได้มารู้จักชมรมหนึ่ง ที่ทำให้ฉันได้รู้ว่า คนเราเกิดมาทำไม หน้าที่ที่แท้จริงคืออะไร เมื่อฉันได้มาชมรมแล้ว ก็ได้รับการอบรมธรรมทายาทหญิงรุ่นที่ 19 ทำให้ฉันได้เข้าใจอะไรหลายไอย่างได้มากยิ่งขึ้น รู้จักตัวเองมากขึ้น เข้าใจชีวิตและมองทุกอย่างเป็นไปตามความเป็นจริง ฉันรู้สึกซาบซึ้งและอยากขอบคุณ “ ชมรมพุทธศาสตร์” ที่เป็นเหมือนบ้าน ที่ทำให้ฉันได้มาสัมผัสและรู้จักเส้นทางสีขาว
ฉันอยากจะตอบแทนชมรม ด้วยความคิดนี้ ฉันเสียสละเวลาส่วนตัว ทำงานเพื่อพระศาสนา รับบุญที่ชมรมเรื่อยมา เป็นคณะกรรมการหลักของชมรม เมื่อฉันโตขึ้นจากน้องปี 1 เป็นพี่ปี 2 พี่ปี 3 และตอนนี้ฉันเป็นพี่ใหญ่สุด คือ พี่ปี 4 ฉันมีความตั้งใจที่จะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดให้สมกับตำแหน่งที่น้องๆได้เลือกให้ฉันได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติ คือ “ ประธานชมรมพุทธศาสน์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์” ฉันได้เป็นแกนนำน้องๆในการจัดกิจกรรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัย อาทิเช่น กิจกรรมตักบาตร- สังฆทาน, กิจกรรมเทเหล้าเผาบุหรี่, มหกรรมรวมพลเยาวชนงดเหล้า งดบุหรี่, กิจกรรมที่พึ่งจัดผ่านไป พิธีไหว้ครู ประจำปีการศึกษา 2547 และเป็นต้นแบบที่ดีงามให้กับน้องๆ
จากการที่ได้มาทำหน้าที่ตรงนี้ ทำให้ฉันต้องรู้จักบริหารเวลาให้ลงตัวมากที่สุด ทั้งเรื่องการเรียน กิจวัตร กิจกรรม ครอบครัว เรื่องส่วนตัว ทุกอย่างฉันต้องจัดสรรให้ดีที่สุด ทำให้ฝึกเป็นนักบริหารตั้งแต่ตัวน้อย และต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทำหน้าที่กัลยาณมิตรตลอดเวลา ในการชักชวนน้องๆ เพื่อนๆ ครูอาจารย์ให้มาทำความดี ทำพื้นที่พุทธ - เกษตรให้สว่างไสว ทำให้เวลาส่วนใหญ่ของฉัน เป็นไปเพื่อการสร้างบุญสร้างบารมี เมื่อทำงานกิจกรรม การเรียนฉันก็ไม่ได้ทิ้ง
แม่ให้ความสำคัญมากๆกับการเรียนของฉัน แม่จะคอยเตือนให้ฉันอ่านหนังสือตลอดและดูแลสุขภาพด้วย เมื่อถึงเวลาอ่านหนังสือ ฉันจะใช้สมาธิเข้าช่วย ฉันจะหลับตานิ่งๆนึกถึงภาพบุญที่เคยทำมาและนึกอธิฐานจิต จากนั้นฉันถึงอ่านหนังสือ โดยทำความเข้าใจเนื้อหาและนึกเป็นภาพ ฉันโชคดีมากๆที่มีแม่ดูแลอยู่ทุกวัน แม่คอยถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ ลูกถึงหอรึยัง ทานอะไรรึยัง... อย่ากลับหอให้ดึกนะ” นั่นเป็นเสียงที่แม่พูดผ่านโทรศัพท์มือถือทุกวัน ไม่เคยเว้น แม่ทำหน้าที่นี้ทุกวัน โดยไม่เคยเบื่อหน่าย นับตั้งแต่ฉันห่างแม่มา และต้องมาอยู่หอพักเพื่อมาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ฉันคงไม่มีคำบรรยายใดๆ นอกจากความรู้สึกที่รักแม่สุดหัวใจ และอยากตอบแทนพระคุณของแม่อย่างสุดซึ้ง ที่มีแม่เคียงข้างและเป็นกำลังใจให้ฉันตลอดมา
ฉันมายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้ มาถึงวันนี้ บุคคลที่ยืนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จทุกอย่างและคอยดูแลฉันอยู่ทุกวัน โดยไม่เคยเหนื่อย ที่ทำให้ฉันเป็นคนเก่งและคนดี บุคคลท่านนั้นก็คือ แม่ของฉันที่คอยเคียงข้าง ดูแลต้นข้าวต้นนี้ จากต้นกล้าให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆเป็นต้นข้าวที่โตเต็มที่ แม่เคยสอนว่า “ ต้นข้าวที่เติบโตเต็มที่แล้วมันจะโค้งน้อมตัวลงมา ส่วนต้นข้าวที่ยังไม่โตหรือไม่สมบูรณ์จะเชิดหน้าขึ้น เปรียบเหมือนกับผู้ที่เติบโตยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง แม้จะเก่งกาจเพียงใดก็ยังมีความอ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ” แม่ฝึกให้ฉันทำอะไรทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่ลืมคุณธรรมความอ่อนน้อมถ่อมตนเสมอให้สมกับชื่อ “ ข้าว” และได้เกิดมาเป็นลูกของแม่
“ กลั่นหยาดเหงื่อหยาดใจพระคุณแม่ แปรเปลี่ยนแท้พลังอย่างสร้างสรรค์
ทุกบาทย่างก้าวกลางธรรมอนันต์ พิมพ์แบบท่านดั่งสวรรค์พิมพ์บนดิน”