.....เส้นทางชีวิตที่ทุกคนต่างก้าวเดินไปนั้น หลายครั้งที่เราพกความมั่นใจไปเต็มเปี่ยม ไม่ว่าหนทางจะคดลดเลี้ยวแค่ไหน เรามั่นใจว่าเราต้องไปให้ถึงจุดหมายปลายทางได้แน่ๆ แต่ในบางครั้งอุปสรรคเพียงน้อยนิดอย่างที่เขาเรียกว่า เส้นผมบังภูเขานั่นแหละมันทำให้ชีวิตของคนที่ขาดความรอบคอบ ขาดการวางแผน ขาดการลิ้มลอง ต้องกลายเป็นชีวิตที่สิ้นหวัง เป็นการก้าวล่วงโอกาสหรือผ่านจังหวะชีวิตที่สดใสไปอย่างน่าเสียดาย และเจ้าเส้นผมที่ว่านั้นมันมาจากก๋วยเตี๋ยวเพียงหนึ่งชามเท่านั้นเอง
เรื่องนี้เกิดกับเพื่อนของผมหลังจากที่เขาจบการศึกษาวิชาการด้านเคมีเขาไปสมัครเข้าทำงานแห่งหนึ่ง เรียกว่า ทั้งวิชาการที่เรียนมา การแต่งเนื้อแต่งตัวก็ตระเตรียมไปอย่างมั่นใจครบสูตรผมว่าเขาพร้อมจนเหลือ ความผิดหวังนั้นเพียงแค่จุดศูนย์หนึ่งเปอร์เซ็นเท่านั้น
การสอบสัมภาษณ์ครั้งนั้นกรรมการบริษัทนัดให้ทุกคนมาพร้อมกัน เวลาทานอาหารกลางวันแล้วก็สั่งก๋วยเตี๋ยวมาเลี้ยงคนละหนึ่งชาม หลังจากรับประทานก๋วยเตี๋ยวเสร็จกรรมการสอบสัมภาษณ์ได้ลุกขึ้น และแจ้งทุกคนว่าเชิญกลับบ้านได้ การสอบสัมภาษณ์เสร็จสมบูรณ์แล้ว และจะเรียกผู้ที่ผ่านการคัดเลือกมาพูดคุยกันอีกครั้ง
ทุกคนงงไปหมด กว่าจะรู้และเข้าใจวิมานในอากาศของเขาก็ล่องลอยไปต่อหน้าต่อตาแล้วก็กรรมการเขาเฝ้าสังเกตว่า นักเคมีที่จะต้องมาบริหารการใช้สารเคมีของเขาได้มีการทดลอง หรือมีการใช้อุปกรณ์ที่จัดไว้ให้อย่างคุ้มค่าหรือไม่ นั้นจากพฤติกรรมการชิมก๋วยเตี๋ยวก่อนที่จะลงมือปรุงซึ่งการชิมก๋วยเตี๋ยวก่อนปรุงย่อมรู้สัดส่วน ของการที่เขาจะเพิ่มรสชาติความเปรี้ยว หวาน เค็ม ตามอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ แหม ! มันเป็นความเคยชินซะแล้ว เมื่อก๋วยเตี๋ยวตั้งอยู่ตรงหน้าทั้งน้ำปลา น้ำตาล หรือแม้แต่น้ำส้มและพริกก็จะต้องเทใส่ไปก่อน โดยไม่ต้องรู้กันล่ะว่ารสดั้งเดิมที่มีอยู่นั้นขาดอะไร มาถึงตรงนี้คงไม่ต้องเล่าต่อหรอกครับว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของผม และรสชาติของชีวิตที่เขาบรรจงเติมไปนั้น มีสัดส่วนกี่มากน้อย แต่ถ้าสำหรับทุกท่านแล้วกินก๋วยเตี๋ยวครั้งต่อไปลองชิมก่อนไหมครับ รสชาติของชีวิตอาจจะอร่อยถูกใจกว่าก๋วยเตี๋ยวชามที่แล้ว ก็เป็นได้นะครับ
จีระ ศุภวัฒน์