.....พระธรรมราชานุวัตร ท่านได้พระธรรมเทศนานี้ไว้ เมื่อครั้งยังดำรงสมณศักดิ์ เป็นพระครูปลัดสุวัฒนสุตคุณ (กมล โกวิโท ป.ธ.๖) วัดพระเชตุพน ฐานานุกรมในพระธรรมดิลก (ปุ่น ปุณณสิริ) แสดง ณ สถานีวิทยุศึกษา วันอาทิตย์ที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๒ เวลา ๑๖.๐๕ น.
นโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
อรัญเญ รุกขมูเล วา สุญญาคาเร ว ภิกขโว
อนุสสเรถ สัมพุทธัง ภยัง ตุมหากัง โน สิยา ฯปฯ
เอวัมพุทธัง สรันตานัง ธัมมัง สังฆัญจ ภิกขโว
ภยัง วา ฉัมภิตัตตัง วา โลมหังสัง น เหสัสตีติ ฯ
.....บัดนี้ จัดแสดงพระธรรมเทศนาในติรตนกถา เพื่อเป็นเครื่องเพิ่มพูนปัญญา คือความรอบรู้ และเป็นเครื่องประดับประคองสติ คือความระลึกได้ ให้มียิ่ง ๆ ขึ้น แก่นักเรียนและสาธุชนผู้ใคร่ความสุขความเจริญทั้งหลาย โดยสมควรแก่เวลา
.....ทุก ๆ คน คงเคยได้ยินคำว่า "พระรัตนตรัย" ซึ่งเวลาให้ศีลให้พรมักกล่าวอ้างพระคุณพระรัตนตรัยมาประสิทธิ์ประสาท และเคยได้ปฏิญญาณตนของยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งมาแล้ว คือเวลาก่อนจะรับศีล เราก็กล่าวคำว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ แปลว่า ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง นี้แหละที่เราเรียกว่า "พระรัตนตรัย"
....."รัตน" แปลว่า "แก้ว" "ตรัย" แปลว่า "สาม" รวมความว่ารัตนตรัย คือแก้วสามดวง หรือแก้วสามประการ แก้วหรือรัตนะเป็นของมีค่ามากมาแต่โบราณกาล และได้รับยกย่องเชิดชูว่าเป็นเครื่องประดับชั้นสูง เช่น แก้วที่เป็นเพชรเพียงเม็ดเล็ก ๆ ก็มีราคานับแสนนับล้าน ผู้มีเครื่องเพชรประดับตกแต่งย่อมแสดงถึงฐานะอันมั่นคง เป็นการเพิ่มความเชื่อถือให้แก่ตน
.....ตำนานทางภาษาบาลีท่านกล่าวถึงแก้ว ๙ ชนิด ที่ถือว่าเป็นของมีค่ำและเป็นสิริมงคลแก่ผู้เป็นเจ้าของซึ่งเรียกกันว่า นวรัตน์ คือ
๑. วชิรัง เพชร สีงามบริสุทธิ์ดุจน้ำใส
๒. รัตตัง ทับทิม สีแดงอ่อนดังเม็ดทับทิมสุก
๓. อินทนีลัง แก้วมรกต สีเขียวดังปีกแมลงทับ
๔. เวฬุริยัง ไพฑูรย์ สีเหลืองเลื่อมพรายเหมือนดอกทรึก แสดงพราวดังพระอาทิตย์แรกขึ้น
๕. รัตตกาฬมิสสกัง แก้วโกเมน สีแดงก่ำ คือแดงดำเจือกัน
๖ โอทาตปีตมิสสกัง แก้วเพทาย สีขาวเหลืองเจือกัน
๗. นีลัง นิล สีดังดอกอัญชัญ
๘. ปุสสราคัง บุษราคัม สีเหลืองเลื่อมดำ ดังสีหางปลาสลาดหรือหลังปู
๙. มุตตาหารัง มุกดาหาร สีดังหอยมุกอันเลื่อมพราย
.....ตำราของไทยเราเรียกว่า แก้วเนาวรัตน์ ผู้รู้ผูกเป็นถ้อยคำสัมผัสกันดังนี้ เพชรดี, มณีแดง, เขียวใสแสงมรกต, เหลืองสดใสบุษราคัม, แดงแก่ก่ำโกเมนเอก, สีหมอกเมฆนิลกาฬ, มุกดาหารหมอกมัว, แดงสลัวเพทาย, สังวาลย์สายไพฑูรย์ ที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องแสดงว่ารัตนะหรือแก้ว ได้รับการยกย่องจากสังคมมาก เพราะเป็นของมีราคาและหาได้ยาก
.....การที่เปรียบพระพุทธเจ้าว่าเป็นแก้วดวงหนึ่ง พระธรรมเป็นแก้วดวงหนึ่ง และพระสงฆ์เป็นแก้วดวงหนึ่งนั้น เป็นการแสดงเปรียบเทียบให้เห็นคุณค่าอันสูงสุด ไม่มีอย่างอื่นจะเสมอเหมือนได้ แต่กล่าวโดยคุณสมบัติแล้วรัตนะหรือแก้วอันเป็นเพชรนิลจินดาเหล่านั้น มีค่าไม่คงที่ย่อมเสื่อมสลายได้ เช่นแตกร้าว เป็นต้น ต้องรักษากันอย่างทะนุถนอม ส่วนพระคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ เป็นสมบัติมีค่าคงที่ ฉะนั้นจึงเป็นของวิเศษยิ่งกว่าบรรดารัตนะทั้งปวงทั้งหลายที่มีอยู่ในโลกนี้
พระพุทธเจ้าทรงพระคุณ กล่าวโดยย่อมี ๓ ประการคือ
.....๑. พระปัญญาคุณ ได้แก่ การที่ทรงมีพระปรีชา สามารถหยั่งรู้ถึงเหตุผลตามความเป็นจริงของสิ่งต่าง ๆ ในโลก ผิดกว่าสามัญชนคนธรรมดาที่มักมองกันแต่เพียงผลเท่านั้น
.....๒. พระวิสุทธิคุณ ทรงเป็นผู้มีพระทัยบริสุทธิ์หมดจดจากกิเลสความเศร้าทั้งสิ้น
.....๓. พระกรุณาธิคุณ ทรงมีพระทัยเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความสงสาร หวังจักทรงช่วยให้สรรพสัตว์พ้นจากควาทุกข์ มีชีวิตเป็นอยู่โดยปกติสุขทุกถ้วนหน้า
.....ฉะนั้น เมื่อพระองค์ตรัสรู้แล้วจึงได้เสด็จจาริกไปตามบ้านเมืองต่าง ๆ เพื่อสั่งสอนมหาชนให้บรรลุความสุขดังที่ทรงปรารถนา
(ติดตามตอนจบ ฉบับวันเสาร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๖)