ยังมีคุณสมบัติของคนดีอีกข้อหนึ่ง คือ ความกรุณาหรือความไม่แล้งน้ำใจ คนส่วนมากในโลกนี้ เมื่อตัวเองไม่แสบหรือไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใครแล้ว และก็สามารถที่จะหาเลี้ยงตัวเองได้ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยใคร ก็มักทึกทักเอาว่าฉันดีแล้ว ความจริงยังไม่ได้ดีอะไรเลย บางคนเพื่อนชวน “ไป...ไปวัดกัน” ปฏิเสธทันที
“เฮ้อไม่รู้จะไปทำไม ฉันเองก็ไม่เคยทำความเดือดร้อนให้ใคร หน้าที่การงานอาชีพฉันก็มี แล้วฉันก็เป็นคนดีแล้ว ไม่รู้จะไปวัดทำไม”
โธ่เอ๊ย! นั่นละประมาทแล้ว ที่คิดว่าตัวเองดีแล้วน่ะยังไม่ดีจริง แค่ยังไม่ทำความชั่วในวงเล็บไม่ได้ทำความชั่วชนิดร้ายแรงนะ แต่ว่าความชั่วเล็กน้อยอย่าคิดว่าไม่ได้ทำนะ อะไรล่ะ
ถามว่าโกหกบ้างไหม “ก็เอาเหมือนกันล่ะ”
ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไหม “ไม่เคยเลย” ตบยุงบ้างหรือเปล่า
“แฮ่ะๆ ตบเหมือนกันแหละ”
ไม่ฆ่าสัตว์ของเขาน่ะ คือ ไม่ได้ฆ่าคน ไม่ได้ฆ่าช้างม้าวัวควาย แต่สัตว์เล็กสัตว์น้อยก็เอาอยู่เหมือนกัน เรื่องโกง เรื่องลักทรัพย์ ก็ไม่ได้ไปโกงใครหรอก ไม่ได้คอรัปชั่น แต่ว่าไปทำงานสายออกก่อนเวลา นั่นๆ โกงเวลาทำงานเข้าแล้ว หรือว่าไม่สายโด่งไม่กลับเร็ว แต่ว่าเวลาทำงานทำแบบกระยืดกระยาด แล้วมีหน้ามาพูดอย่างภาคภูมิใจ
“เฮ้อเข้าชามเย็นชาม มันก็พอสมน้ำสมเนื้อกัน”
ถ้ามันเช้าชามเย็นชามก็พอว่าหรอก กลัวมันจะเช้าช้อนเย็นช้อน บางทีคว้ากระดาษหลวงไปให้ลูกคัดลายมือซะอีก กลายเป็นคอรัปชั่นหรือเบียดบังทรัพย์สินส่วนรวมไปใช้ส่วนตัวเสียอีก อย่านี้เป็นต้น
ใครที่ว่าเอาจริงๆ จังๆ ตัวเองก็แสบเหมือนกัน แต่ว่าไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นใครที่คิดว่าตัวเองไม่ได้แสบ ไม่ได้ทำความเดือดร้อนชนิดหนักๆ ให้คนอื่น ช่วยตัวเองก็ได้แล้ว ก็เลยสรุปว่าตัวเองเป็นคนดีน่ะ ยังน่าสงสารอยู่นะ เพราะยังขาดคุณสมบัติของคนดีอีกข้อหนึ่ง คือ ความกรุณาหรือความเป็นคนไม่แล้งน้ำใจ เป็นยังไงก็ขอให้ดูต้นผลไม้เป็นอุปมาอุปมัยก็แล้วกันนะ
ต้นไม้ที่เราปลูกเอาไว้จะเป็นมะม่วง จะเป็นขนุน หรือลูกไม้อะไรก็ตามที ถ้าปลูกเอาไว้ ๕ ปีก็แล้ว ๑๐ ปีก็แล้ว บางต้นถึง ๒๐ ปีต้นโตเป็นโอบแต่ว่าไม่ให้ผลอะไรเลย อย่างมากให้แค่ร่มเงาเพราะฉะนั้นถ้าจำเป็นต้องใช้พื้นที่ขึ้นมาชะตาจะเป็นอย่างไร รู้ไหมชะตาขาดเขาไม่เอาไว้หรอก โค่นทิ้งหมด แต่ว่าถ้าตรงกันข้าม เจ้าต้นไม้ต้นนี้ให้ผลดกงาม ยังไม่ถึงฤดูให้ผลก็ให้ร่มเงาครื้ม ถ้าเจ้าของจำเป็นจะต้องขยายบ้านขยายนอกชาน จะต้องตัดต้องโค่น บางทีไม่ยอมโค่นเจาะช่องให้อย่างดี เคยเห็นไหม มีนะ ต้นไม้ที่ให้ประโยชน์อย่างนี้จะได้รับการทะนุบำรุงอย่างดี ทั้งรดน้ำ ทั้งพรวนดิน ใส่ปุ๋ยเต็มที่เลย
คนก็เหมือนกัน ใครก็ตามถ้านอกจากไม่โง่ ไม่แสบ แล้วยังไม่แล้งน้ำใจอีกด้วย คนแบบนี้ใครๆเขาก็ต้องการ จัดเป็นคนดีทีเดียว เพราะฉะนั้นการฝึกใครคนใดคนหนึ่งจนกระทั่งเขาเป็นคนไม่แล้งน้ำใจขึ้นมาได้ จึงนับว่าเป็นคุณงามความดีอย่างยิ่งในโลกมนุษย์ทีเดียว
ทีนี้เรื่องการไม่แล้งน้ำใจนี้ก็มีทั้งทางโลกและทางธรรม
ไม่แล้งน้ำใจในทางโลก ก็คือ เป็นคนเห็นแก่ส่วนรวมไม่เห็นแก่ส่วนตัวทำอะไรแล้วนึกถึงเพื่อนร่วมงานเป็นทีมทีเดียว แล้วผลประโยชน์ก็ให้เกิดแก่คนทั้งตำบลทั้งโลกใจกว้างเป็นทะเลเป็นมหาสมุทรไม่ใช่นึกเห็นแก่ได้เฉพาะตัว
ไม่แล้งน้ำใจในทางธรรม ก็คือ ไม่ว่าจะมีฐานะดีหรือยากจนค่นแค้นอดอยากยังไงก็ตามทุกลมหายใจของเขาจะมีแต่
๑. เรื่องการบุญการกุศล
๒. เรื่องการตอบแทนพระคุณ
ใครเขาบอกข่าวบุญมาทนอยู่ไม่ได้มีเงินก็ช่วยด้วยเงินไม่มีเงินก็ช่วยด้วยแรง
บอกกล่าวเล่าขานกันต่อไปไม่ขัดบุญใคร สำหรับพ่อแม่นี้ต้องดูแลอย่างดี ไม่ปล่อยปละละเลย ถือว่าท่านเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ เป็นผู้มีพระคุณมากมายที่ต้องชดใช้ทดแทนพระคุณท่านให้เต็มที่ ไม่ว่าจะต้องยากเย็นเข็ญใจอย่างไร
น้ำใจทางธรรม ๒ อย่างนี้ ใครทำไม่ขาดเลยก็ถือว่าเป็นคนไม่แล้งน้ำใจที่มีแต่จะเจริญวันเจริญคืน
ถามหน่อยที่นั่งกันอยู่เต็มศาลานี้ที่จบการศึกษาแล้วทำงานแล้วน่ะ มีใครบ้างกล้าปฏิญาณต่อหน้าพระธรรมกายว่าตั้งแต่ฉันเริ่มเข้าทำงานได้เงินเดือนแต่ละเดือนๆ ที่ได้เงินมานี้ส่งให้แม่ใช้ไม่เคยขาดเลยสักเดือนจนกระทั่งมานั่งอยู่ที่นี่ ช่วยยกมือขอดูหน้าให้ชัดๆ หน่อยซิ
ทั้งศาลาคนพันกว่าเกือบสองพัน มีไม่ถึงสิบ เอาละสิบก็สิบ ขอให้พ่อคุณแม่คุณเจริญเจริญไม่มีที่สิ้นสุดเลยนะ แล้วนอกนั้นล่ะพ่อเอ๊ยแม่เอ๊ย ไปทำอะไรอยู่ขอให้รู้ตัวกันนะ นั่นน่ะแล้งน้ำใจขนาดหนัก ทั้งแล้ง ทั้งร้อนพอๆกับอากาศวันนี้นะแหละ มันอ้าวๆ อยู่ในใจ ยิ่งมีคนไม่เลี้ยงพ่อ เลี้ยงแม่เพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ โลกมันก็ยิ่งจะร้อนขึ้นทุกวันๆ ละจะบอกให้ ไปดูจัดการแก้ไขตัวเองให้เรียบร้อยให้ดี ช่วยลดอุณหภูมิของโลกกันหน่อยเถอะ
คราวนี้อย่างที่ว่ามาแต่ต้นว่า ก่อนจะฝึกใครต้องให้รู้ก่อนว่าเราจะฝึกให้เขาเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็รู้แล้วว่า ถ้าจะฝึกคนต้องฝึกให้มีคุณสมบัติอย่างน้อย ๓ ประการ คือ
๑. จะต้องฝึกให้เขามีความบริสุทธิ์คือไม่แสบ
๒. ให้เขามีปัญญาคือไม่โง่
๓. ฝึกให้เขาเป็นคนไม่แล้งน้ำใจหรือให้มีความเมตตากรุณา
ทีนี้ก็มีปัญหาตามมาว่า จะฝึกอย่างไรเป็นขั้นตอนอย่างไรบ้าง ที่วัดพระธรรมกายเวลาฝึกคน ฝึกเจ้าหน้าที่ ฝึกธรรมทายาททั้งหญิงและชาย เราก็ตั้งเป้าคุณสมบัติทั้ง ๓ อย่างนี้เป็นหลักเทคนิควิธีที่ใช่อยู่ก็นับว่าได้ผล เอาไปทดลองใช้นอกวัดตามโรงเรียน ตามวิทยาลัยที่เขาขอมาก็ได้ผลเหมือนๆ กัน เด็กของเขาคนของเขาเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ดีเป็นส่วนใหญ่ แต่ข้างนอกนั่นก็ได้ผลเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น สิ่งแวดล้อมแล้วคนสืบทอดยังเป็นปัญหาอยู่
หลวงพ่อขอเล่าเทคนิควิธีฝึกขอวัดพระธรรมกายให้ฟังเท่าที่เวลาจะอำนวยนะ