"หากว่าเรากล้าที่จะก้าว ก็อย่ากลัวที่จะล้ม
หากว่าเราต้องล้ม ก็อย่างกลัวที่จะลุกขึ้นใหม่"
เวลาที่ชีวิตต้องเจอกับเรื่องทุกข์ๆ เราควรจะยึดคติว่า "ความทุกข์มีไว้ให้ดับ ไม่ได้มีไว้แบก"
เจอความทุกข์เมื่อไหร่ ก็หาทางฝังกลบมัน อย่าปล่อยให้ความทุกข์ลุกลามจนเรื้อรัง
เดี๋ยวความทุกข์จะกลืนกินความสุขในใจเราไปจนหมด
การที่เราจะมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข ไม่ได้แปลว่าเราต้องกำจัดความทุกข์ได้อย่างถาวร
เพียงแต่เราต้องรู้วิธีที่จะอยู่กับความทุกข์เฉพาะบางเรื่อง ไม่อุ้มความทุกข์ในวันวานมาเป็นทุกข์ในวันนี้
และไม่สะสมความทุกข์ของเมื่อวานกับวันนี้ ไปพอกไว้กับความทุกข์ของพรุ่งนี้
วันที่เรารู้สึกสับสนวุ่นวาย ไม่เข้าใจชีวิต ตัดสินใจไม่ถูก ก็เหมือนกับเราเจอโจทย์เลขหินๆ
อ่านโจทย์กี่รอบก็ไม่เข้าใจ ตีโจทย์ไม่ออก ก็เลยหาคำตอบไม่เจอ
การที่เราแก็โจทย์ไม่ได้ สามารถมองได้สามกรณี
กรณีแรก คือ โจทย์ยากและซับซ้อนเกินไป
กรณีที่สอง คือ โจทย์ผิดหรือไม่ชัดเจนพอ
กรณีที่สาม คือ เรามีพื้นฐานการคำนวณไม่ดีพอ
เฉกเช่นเดียวกัน การที่เราแก้โจทย์ชีวิตไม่ได้ ก็เกิดได้จากสามกรณี คื
โจทย์ชีวิตของเรายากมาก หรือโจทย์ชีวิตมีความผิดพลาด หรือเราอาจจะมีความสามารถไม่พอที่จะแก้โจทย์
เราจึงต้องหาสาเหตุให้ได้ว่า ปัญหาอยู่ที่โจทย์ หรืออยู่ที่เรา
ก่อนที่เราจะโทษว่าโจทย์ชีวิตมันช่างยากเหลือเกิน เราลองเปลี่ยนมาทบทวนตัวเราก่อนดีไหม
ลองถามตัวเองดูซิว่า เราเรียนรู้ชีวิตน้อยเกินไป หรือเราไม่เข้าใจชีวิตในเรื่องไหน เรื่องไหนที่เรายังด้อย
เรื่องไหนที่เราไม่รู้ไม่เข้าใจ เราก็ต้องติวเข้มบทเรียนชีวิตให้มากขึ้น ถ้าหากเรามีพื้นฐานความคิดที่ดีพอสมควร
มีความรู้ความเข้าใจพอประมาณ เราก็จะแก้โจทย์ชีวิตได้อย่างไม่ยากเย็น
แม้ว่าบางโจทย์อาจจะโหดไปบ้าง แต่ถ้าเราแน่พอ อย่างน้อยเราก็พอจะแก้โจทย์ได้สักครึ่งข้อ
ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากเราไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ ต่อให้เราเจอโจทย์ง่ายกว่านี้ เราก็อาจจะตอบผิด
และอีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องค้นหา ก็คือ ใครเป็นคนตั้งโจทย์ชีวิต
ชีวิตเป็นผู้ตั้งให้เรา หรือว่าเราเป็นคนตั้งโจทย์ชีวิตเอง เราก็สามารถเปลี่ยนแปลงโจทย์ชีวิตเอง
เราก็สามารถเปลี่ยนแปลงโจทย์ได้ ถ้าโจทย์ที่เขียนไว้มันยากเย็นแสนเข็ญนัก เราก็ควรลบโจทย์นั้นทิ้ง
แล้วคิดโจทย์ใหม่ขึ้นมาแทน อย่าไปเสียเวลากับโจทย์ที่ไม่ให้ประโยชน์กับชีวิต อย่าไปใส่ใจกับโจทย์ที่ไม่มีคำตอบ
ถึงแม้เราจะมีโจทย์ชีวิตมากมาย แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องหาคำตอบให้ครบทุกโจทย์
เพราะว่าเราสามารถเลือกได้ว่าจะตอบหรือไม่ตอบ สำหรับโจทย์เลข จะมีคำตอบที่ถูกต้องเพียงคำตอบเดียว
แต่โจทย์ชีวิต อาจจะมีคำตอบที่ถูกต้องมากว่าหนึ่ง เราจึงต้องพิจารณาให้ดีว่าควรจะเลือกคำตอบไหน
จึงจะแก้โจทย์ชีวิตและโจทย์หัวใจได้ดีที่สุด
"ปัญหาบางอย่างในโลกนี้ อาจจะไม่ได้มีไว้ให้เราแก้ แต่มีไว้ให้เราเรียนรู้ว่ามันแก้ไม่ได้"
ถ้าหากชีวิตมีแต่ความทุกข์เพียงด้านเดียว ชีวิตย่อมหาความสุขไม่ได้
แต่ถ้าชีวิตเต็มไปด้วยความสุขล้วนๆ ชีวิตก็คงไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร
ทั้งความทุกข์และความสุข จึงเป็นส่วนผสมสำคัญที่ทำให้ชีวิตเป็นชีวิต
เราจึงควรประสานความคิดและหัวใจให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อจะได้ดูแลความสุขและความทุกข์ให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะพอดี
ถ้าหากเรามีคมความคิด การใช้ชีวิตก็จะง่ายขึ้น ถ้าหากเรามีหัวใจที่เฉียบคม ความรู้สึกของเราก็จะชัดเจนขึ้น
เพราะ " คมอยู่ที่คิด ชีวิตอยู่ที่ใจ " ขอเพียงเรารู้จักเลือกคิด ชีวิตก็จะคมชัด