ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ 60 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายน 2549 หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตลอดจนประชาชนทั่วประเทศ ร่วมใจจัดงานเฉลิมฉลองพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เริ่มจากภาครัฐโดยคณะรัฐมนตรี ประกาศใช้ตราสัญลักษณ์ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยมีความหมาย ดังนี้
ตราสัญลักษณ์ ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. สีเหลืองนวลทอง อันเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพ ขลิบรอบตัวอักษรด้วยสีทองบนพื้นสีน้ำเงินเจือทอง อันเป็นสีประจำสถาบันพระมหากษัตริย์ ล้อมด้วยเพชรอันเป็นเอกแห่งรัตนะ หมายว่า เหล่านักปราชญ์ ราชกวีสำคัญ อีกบรรดาช่างอันมีชื่อ พระยาช้างสำคัญ นางงาม เหล่าทแกล้วทหาร ข้าราชบริพาร อันยอดฝีมือในการปฏิบัติราชการอย่างสุจริตยิ่ง เหล่านี้เปรียบด้วยเพชรอันชื่อว่ารัตนะ แวดล้อมประดับพระเกียรติยศแห่งพระมหากษัตริยาธิราชพระองค์นั้น อันเหนือยิ่งกว่าเพชรอันได้ชื่อว่ารัตนะทั้งปวง คือพระมหากษัตริย์ผู้ทรงสถิตเป็นเพชรอันยอดค่ายิ่งในดวงใจราษฎร์ ทรงบำบัดทุกข์ผดุงสุขเป็นที่พึ่งอันเกษมสุขร่มเย็นแก่ปวงพสกนิกร ซึ่งต่างเชื้อชาติศาสนาในพระราชอาณาจักรของพระองค์
อักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. นี้ ประดิษฐานบนพระที่นั่งภัทรบิฐ ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎประกอบพระอุณาโลม อันเป็นหนึ่งในเครื่องเบญจสิริราชกกุธภัณฑ์แวดล้อมด้วยพระแสงขรรค์ชัยศรีและพระแส้หางช้างเผือก ทอดสอดอยู่ในกงพระที่นั่งภัทรบิฐ เบื้องซ้ายแห่งพระมหาพิชัยมงกุฎ มีธารพระกรและพัชนีฝักมะขามทอดสอดอยู่เบื้องขวาแห่งกงพระที่นั่งภัทรบิฐอันประดิษฐานบนฐานเขียง ซึ่งทอดฉลองพระบาทประดิษฐานอยู่ เหล่านี้รวมเรียกว่าเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ ประกอบด้วยสิ่งอันแสดงความเป็นกษัตริย์ทั้ง 5 คือ พระมหาพิชัยมงกุฎ 1 พระแสงขรรค์ชัยศรี 1 ธารพระกร 1 พัดวาลวิชนีและพระแส้ 1 ฉลองพระบาท 1 หมายถึงปีแห่งการเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติ ล่างลงมาเป็นแพรแถบสีชมพูขลิบทองเขียนอักษรสีทอง ความว่า ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี พุทธศักราช 2549 ปลายแห่งแพรแถบผูกเป็นภาพกระบี่ธุช คือวานรกายขาวมือเชิญก้านลายซุ้มอันเป็นกรอบลายของตราสัญลักษณ์ ฯ อยู่ด้านขวา ส่วนด้านซ้ายปลายแพรแถบผูกเป็นภาพพระครุฑพ่าห์ เป็นครุฑหน้าขาวกายสีเสนปนทอง มือเชิญก้านลายกรอบแห่งแห่งตราสัญลักษณ์ฯ พื้นภาพตราสัญลักษณ์ฯ เฉลิมพระเกียรติทั้งหมดสีเขียวปนทอง อันหมายถึงสีอันเป็นเดชแห่งวันพระบรมราชสมภพ และยังหมายถึงสีของความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์แห่งผืนภูมิประเทศที่ทรงปกครองทำนุบำรุงอย่างหนักยิ่งมาตลอดระยะเวลาที่ทรงครองสิริราชสมบัติมา ณ บัดนี้ถึงมหามงคลสมัยที่จะฉลองเฉลิมพระเกียรติในการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อันยาวนานที่สุดยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์องค์ใดในพระราชพงศาวดารในสยามประเทศ
ส่วนธนบัตรนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้จัดเตรียมธนบัตรที่ระลึกครบรอบ 60 ปี แห่งการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กล่าวเชิญชวนประชาชนประดับธงชาติคู่กับธงประจำพระองค์ในโอกาสเฉลิมฉลองครองราชย์ครบ 60 ปี ที่กระทรวงวัฒนธรรมได้ออกแบบเรียบร้อยแล้ว แบบได้พิมพ์ลงไปในธงสีเหลือง ซึ่งเป็นธงสีประจำพระองค์ ติดประดับคู่กับธงชาติไทย โดยให้เริ่มติดตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมนี้เป็นต้นไปจนถึงสิ้นปี 2549
"วันที่ 12-13 มิถุนายน 2549 รัฐบาลได้กราบบังคมทูลเชิญพระราชาธิบดี และกษัตริย์จากประเทศที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งหมด 28 ประเทศ
ด้านกรุงเทพมหานคร อภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะประธานการประชุม คณะกรรมการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี กล่าวว่า กทม.ได้เตรียมการจัดโครงการและกิจกรรมเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติ ในวันที่ 9 มิถุนายน 2549 โดย กทม.ได้ตั้งเป้าจัดทำโครงการ 60 โครงการ เพื่อให้ได้จำนวนเท่ากับปีการฉลองสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้แก่ โครงการรู้ใช้ รู้เก็บ คนกรุงเทพฯ ถวายในหลวง โดยร่วมใจทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย 1 ล้านบัญชี ถวายในวโรกาสเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ต่อเนื่องจากโครงการศูนย์บริหารเงินออมของ กทม. และเป็นโครงการที่สอดคล้องกับแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นอกจากนั้น ได้มอบให้สำนักงานเขตทุกเขตเสนอโครงการเขตละ 1 โครงการ ส่วนโครงการที่เหลือจะจัดเป็นโครงการใหญ่ในภาพรวมของ กทม.
เบื้องต้น กทม.ได้เตรียมการปรับภูมิทัศน์บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ชั้นใน โดยตกแต่งเมืองด้วยน้ำพุ ไม้ดอก ไม้ประดับ และจัดสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติอย่างยิ่งใหญ่กว่า 30 ซุ้ม บนเส้นทางพระราชดำเนินและสถานที่สำคัญต่างๆ อาทิ บริเวณถนนราชดำเนิน สนามเสือป่า พระราชวังดุสิต และสวนจิตรลดา
เช่นเดียวกับสำนักงานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ร่วมกับมูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด ภาคีเครือข่าย 84 องค์กร จัดโครงการ "60 ปี 60 ล้านความดี น้อมเกล้าฯ ถวายในหลวง" จัดกิจกรรมต่อเนื่องถึงปี 2550 ศ.นพ.สุรชัย เจริญรัตนกุล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เชิญชวนคนไทยปฏิบัติบูชา ทำความดีเป็นการแสดงความสามัคคีของคนไทย เพื่อให้นานาชาติได้เห็นว่า เราชาวไทยให้ความเคารพ และมุ่งตามรอยเบื้องพระยุคลบาท การทำความดีเป็นสิ่งที่เราคนไทยทำได้อยู่แล้วเพื่อสุขภาพตัวเองตั้งแต่ การลด ละ เลิก เหล้าบุหรี่ ออกกำลังกายสร้างสุขภาพให้เรามีร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โดยกิจกรรมต่างๆ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2548 จัดวิ่งเฉลิมพระเกียรติ ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี รอบเกาะรัตนโกสินทร์ เป็นการแสดงถึงหัวใจที่เปี่ยมด้วยพลัง และช่วงวันที่ 9-10 ธันวาคม 2548 จัดเวทีระดมภาคีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคีสุขภาวะของ สสส. เพื่อร่วมกันสร้างชุมชนแห่งสุขภาวะ จัดกิจกรรมที่ จ.นครราชสีมาและหนองคาย
ส่วนโครงการ "หัวใจที่เปี่ยมด้วยความรักและเสียสละ" กำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 27 ธันวาคม 2548ที่ กทม. เพื่อเป็นวันจิตอาสาของสังคมไทย หลังจากนั้น จะจัดกิจกรรมเชื่อมร้อยหัวใจทั้ง 3 ดวง เข้าด้วยกันในงานร้อยหัวใจ 60 ล้านดวง เพื่อถวายในหลวง วันที่ 31 ธันวาคม 2548 ร่วมฉลองปีใหม่ไร้น้ำเมา ปลอดจากเหล้า บุหรี่ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ขจัดการทุจริตประพฤติมิชอบในสังคมไทย
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพิเศษ เพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) กล่าวว่า ทางสำนักงาน กปร. เป็นหน่วยงานกลางที่ติดตามเสด็จฯ ประสานงาน วางแผน สนับสนุนและร่วมดำเนินงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในการดำเนินงานสนองพระราชดำริ และเพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ทางสำนักงาน กปร. จึงกำหนดจัดงาน "60 ปี ครองราชย์ ประโยชน์สุข ประชาราษฎร์" โดยแบ่งเป็น 3 ด้านได้แก่
1.การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ซึ่งจัดนิทรรศการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสัญจรตามจังหวัดใหญ่ๆ การจัดทำหนังสือเทิดพระเกียรติรวบรวมผลสำเร็จของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในทุกด้าน, การจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานที่ประสบความสำเร็จพร้อมเผยแพร่ไปสู่เกษตรกรทั่วประเทศ เช่น ด้านพัฒนาแหล่งน้ำ, ด้านเกษตร ฯลฯ
2.เน้นด้านการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ สร้างฐานข้อมูลให้เป็นระบบสมบูรณ์ครบถ้วนและสามารถค้นหาข้อมูลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริได้อย่างถูกต้องรวดเร็ว และ 3.เน้นถึงการขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ส่งเสริมให้บุคคลหรือชุมชนนำแนวพระราชดำริไปปฏิบัติจนประสบความสำเร็จ
ในขณะที่ภาคเอกชนอย่างมูลนิธิคิง เพาเวอร์ ได้จัดทำโครงการสายข้อมูล "เรารักพระเจ้าอยู่หัว" เพื่อขอรับบริจาคนำเงินรายได้ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย จัดทำขึ้นเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และให้ประชาชนชาวไทยได้มีส่วนร่วมในการแสดงความจงรักภักดีในวโรสกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
เหล่านี้คือ ส่วนหนึ่งของการจัดงานเฉลิมฉลองพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ 60 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายน 2549
ที่มา อัญชลี เฉลียวชาติ