พระเฟรมมา คุณาโภ (เอมมานูเอล)

วันที่ 26 มิย. พ.ศ.2558

พระเฟรมมา คุณาโภ (เอมมานูเอล)

ลัดฟ้าอูกานดา เพื่อบวชเป็นพระ


        เช่น กุลบุตรหนุ่มไฮโซ นามว่า "ยสกุลบุตร" ปลีกตนออกจากเรือนชานที่พรั่งพร้อมด้วย ข้าทาส บริวารและนางบำรุงบำเรอ เดินบ่นเพ้อตลอดทางว่า "ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ" แล้วเลือกเส้นทางเดินของ สมณะเป็นทางเดินอันเป็นที่สุดของชีวิต หรือ "โชติกเศรษฐี" มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดแห่งยุค มีปราสาท ๗ ชั้น ทำด้วยแก้ว ๗ ประการ พร้อมขุมทรัพย์ ๔ ขุม ที่สามารถบันดาลทรัพย์สมบัติได้ไม่รู้จักหมดสิ้น อีกทั้งมีภรรยาผู้งดงามดั่งนางฟ้า เป็นนางแก้วคอยปรนนิบัติเคียงกาย แต่ท้ายที่สุด ท่านโชติกเศรษฐี เลือกที่จะสละทรัพย์สมบัติ เหล่านั้นเพื่อออกบวช นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์และเลี้ยงชีพด้วยอาหารบิณฑบาต บำเพ็ญสมาธิภาวนา จนกระทั่งบรรลุมรรคผลนิพพานอันเป็นบรมสุขในที่สุด"

 

        แม้ในปัจจุบันผู้มีปัญญาทั้งหลายก็เลือกเส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางแห่งการแสวงหาอันแท้จริง แม้จะ ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากดินแดนแสนไกลเพียงใดก็ตาม


        ดังเช่นเรื่องราวชีวิตของพระเฟรมมา คุณาโภ (เอมมานูเอล) พระภิกษุชาวอูกานดารูปนี้...


        พระเฟรมมาเดินทางมาจากประเทศอูกานดา ซึ่งตั้งอยู่ในแถบทวีปแอฟริกา โยมพ่อของท่านเป็นหัวหน้าเผ่า ซึ่งเป็น ที่นับถือของประชาชน เมื่อโยมพ่อสิ้นบุญ ก็ได้สร้างความสลดใจแก่ท่านเป็นอย่างยิ่ง ท่านคิดเสมอว่า จะต้องช่วยผู้คนให้พ้นจากความทุกข์ให้ได้ จนได้พบกับโครงการ Peace Revolution และได้รู้จักการนั่งสมาธิ เมื่อนั่ง สมาธิไปได้ระยะหนึ่ง ท่านก็รู้สึกขึ้นมาอย่างแรงกล้าว่า สมาธิจะสามารถ นำสันติสุขไปสู่ผู้คนดังที่ท่านปรารถนา และเมื่อได้รับคำแนะนำว่า "คุณจะสามารถกสมาธิได้อย่าง เต็มที่หากคุณได้บวช" หนุ่มเฟรมมาก็มุ่งหน้าบิน ลัดฟ้าสู่เมืองไทยเพื่อบวชเป็นพระ จะได้นั่งสมาธิ อย่างจริงจัง

 

        สิ่งแรกที่ผมได้เรียนรู้จากการบวช ก็คือการ คุกเข่า เพราะที่แอฟริกาผู้ชายจะไม่คุกเข่า มันเป็นปัญหาแต่ก็ท้าทาย แต่ผมก็ใจชื้นขึ้นเมื่อได้กำลังใจจากคนรอบข้าง เพราะผู้คนที่นี่น่ารัก ถึงแม้จะพูด คนละภาษา แต่ทุกคนก็ยิ้มแย้มแจ่มใสผมรู้สึก เหมือนอยู่ที่บ้าน ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรเลย        "ครั้งแรกที่ผมมาถึงเมืองไทย ผมรู้สึกถึงความ งบในจิตใจ เพราะผู้คนที่นี่ใจดี พวกเขาหัวเราะและ ยิ้มให้ผม เขาคิดเสมือนว่าผมเป็นญาติของเขา ทำให้ผมรู้สึกดีและอบอุ่นมาก ผมได้เรียนรู้เรื่องการ ผูกสัมพันธ์กับคนที่มีพื้นฐานและวันธรรมต่างกัน จริง ๆ แล้ว ก่อนมาบวชผมเป็นคริสเตียน ผมรู้สึกทึ่งที่มีผู้คนมาจากศาสนาที่ต่างกัน มีทั้งมุสลิม พุทธ คาทอลิก แต่เราก็สามารถเข้ากันได้ เพราะทุกศาสนา ต้องการสันติสุข และทุกคนต่างก็เชื่อมั่นว่า การนั่ง สมาธิจะทำให้สามารถบรรลุความต้องการนั้นได้ ผมอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องความเป็นอยู่ของพระสงฆ์ ผมเคยรู้มาว่าคนธรรมดาให้ความเคารพพระภิกษุมาก และผมอยากเรียนรู้วิธีการสอนสมาธิให้ผู้อื่นด้วย เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาผู้คนมักใช้สิ่งของมากมาย เพื่อแก้ปัญหา ดังเช่น การประชุมกันเรื่องสันติภาพ เขาใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ปัญหาก็ยังเกิดอยู่เสมอ แต่ผมเชื่อว่า เมื่อใครคนหนึ่งเกิดสันติสุขขึ้นในใจ เพื่อนบ้านของเขาก็จะมีความสุข และสามารถแผ่ขยาย ความสุขนี้ไปยังชุมชนสังคมก็จะสงบสุข และภายใน เวลาไม่กี่ปีทุกคนก็จะมีความสุขโดยไม่จำเป็นต้อง พึ่งพาวัตถุสิ่งของหรือเงินทองมากมาย

 

        หลังจากบวชแล้ว คนที่บ้าน เช่น ผู้ปกครอง ญาติพี่น้องก็มีความรู้สึกแตกต่างกัน มีหลากหลาย ความคิด แรก ๆ บางคนก็มองว่าผมเป็นเหมือนกับ พระวัดเส้าหลิน เพราะพระในทีวีของเขา ก็คือ พระวัดเส้าหลิน ในขณะที่หลาย ๆ คนก็เคารพกับ การตัดสินใจครั้งนี้ เพราะรู้ว่าจุดมุ่งหมายที่แท้จริง ในการบวชของผม คือ การเรียนสมาธิ และการมา ฝึกฝนอบรมตัวเอง ซึ่งหลาย ๆ คนเป็นกำลังใจให้

 

        เมื่อใช้ชีวิตนักบวชมาระยะหนึ่งแล้ว ผมได้ เรียนรู้เยอะมาก อย่างแรกก็คือ การมีความอดทน เรื่องของศีล ระเบียบวินัย และเรื่องของความเพียร การได้ใช้ชีวิตอยู่กับผู้คนจากหลากหลายสถานที่ ได้ยินได้ฟังเรื่องราวใหม่ ๆ มากมาย และเรื่องธรรมะ ต่าง ๆ ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน รวมถึงที่น่าตื่นเต้น ก็คือ การที่ได้ไปร่วมงานศพและไดสวดศพด้วย

 

        ถือเป็นเรื่องใหม่ที่ผมไม่เคยทำมาก่อน และการที่จะต้องไปสอนโยมก็ต้องมีความรู้มากกว่าโยม ทำให้ ผมขวนขวายหาความรู้เพื่อที่จะมาสอนโยมได้ และได้เรียนรู้ว่าการที่จะไปปรากฏตัวในสาธารณชน จะต้องทำตัวอย่างไรให้ถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งจะต้องเรียนรู้ให้มากขึ้นไปอีก


        และผมอยากจะบอกว่า ใครที่มีคุณสมบัติหรือ มีโอกาสที่จะบวชได้แต่ยังลังเลใจอยู่ ผมขอแนะนำว่า อย่าเพิ่งไปเชื่อไปฟังที่คนอื่นเขาพูด ไม่ว่าคนอื่น เขาจะพูดว่าบวชเป็นอย่างไร ดีไม่ดีอย่างไร อย่าเพิ่งไปเชื่อ ให้มาพิสูจน์ด้วยตัวเอง เพราะว่าการที่ เรามาพิสูจน์ด้วยตัวเอง เราจะรู้ว่าการบวชทำให้ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นการ ใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น การมีศีล การมีระเบียบวินัย การกใช้ปัจจัย ๔ ถ้าใครได้มาบวชและมีความ ตั้งใจจริงจะพบการเปลี่ยนแปลงในตัวเองอย่างแน่นอน อย่าลังเลเลย มาลองบวชดูก่อนแล้วจะรู้ว่า การบวชนั้นยอดเยี่ยมอย่างไร"        ในช่วงที่มีโอกาสเห็นภาพการบวช ๑๐,๐๐๐ กว่ารูป ผมมีความรู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของ ชาวพุทธ มันคือพลังที่จะกระตุ้นให้ผู้คนมาบวช เพื่อจะได้กนอบรมตัวเอง ผมรู้สึกว่าวัดกำลังทำ ในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ กำลังนำสันติสุขไปสู่ผู้คนที่อยู่ในประเทศ ถ้าหากคนมาบวชกันมาก ๆ มาเป็นพระมาก ๆ โลกนี้ก็จะเกิดความสงบสุข และสันติภาพ จะเกิดขึ้นในสังคมอย่างแน่นอน

 

        ทั้งหมดนี้เป็นบทสัมภาษณ์ความรู้สึกของ พระเฟรมมา คุณาโภ ผู้ได้มาสัมผัส และเรียนรู้คุณค่าแห่งการเป็นนักบวช แม้ตัวท่านจะต้องผ่าน การเดินทางที่ยาวไกล และมาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลาง ความแตกต่างทางด้านภาษาก็ตาม ท่านก็ยังไม่ย่อท้อ คงน่าเสียดาย หากชายไทยแท้ ๆ ที่อยู่ในถิ่นแห่ง พระพุทธศาสนาจะไม่ให้โอกาสตนเองมาบวชสักครั้งในชีวิต ในโครงการอุปสมบทหมู่ ๑๐๐,๐๐๐ รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ถึง วันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่จะถึงนี้

 

        ซึ่งพระเฟรมมาฝากทิ้งท้ายไว้ว่า "ผมคิดว่าสำหรับคนไทยน่าจะบวชได้อย่างง่าย ๆ เพราะขนาด ผมมาจากพื้นฐานที่เป็นชาวต่างชาติ ต่างศาสนา ต้องมาเรียนรู้อะไรมากมาย ก็ยังสู้ได้ เพราะฉะนั้น คนไทยมีความรู้ทางด้านพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว น่าจะเป็นเรื่องง่ายมาก การบวชไม่ยากหรอก ต้องทำได้สิ"

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.035418566068014 Mins