พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีนับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน
การตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นไม่ได้จำกัดหรือผูกขาดไว้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง จะเป็นหญิงเป็นชายเป็นพระหรือเป็นฆราวาส ทุกคนสามารถที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ถ้ามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าก็สามารถที่จะเป็นได้ แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน เมื่อตั้งใจที่จะบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า ก็มีโอกาสที่จะเป็นไปได้เหมือนกัน โดยสัตว์เดรัจฉานนั้นก็คืออดีตมนุษย์ที่ทำบาปอกุศลไว้ จึงทำให้เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อครั้งที่ยังเป็นพระโพธิสัตว์สร้างบารมีอยู่ ก็ยังเคย ถือกำเนิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เพียงแต่ต้องมีความตั้งใจอย่างจริงจัง เมื่อถึงเวลาที่ได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว ตั้งใจสร้างบารมีอย่างเต็มที่ ก็จะได้รับพยากรณ์และสามารถที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ในภพชาติสุดท้าย
เพราะฉะนั้น การตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงขึ้นอยู่กับว่า บุคคลใดจะมีความ วิริยอุตสาหะ เพื่อฝึกฝนให้มีความรู้ความสามารถที่จะนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายไปสู่ฝั่งพระนิพพานได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งถ้าเปรียบเทียบในทางโลกก็อาจเหมือนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือตำแหน่งประธานาธิบดี เป็นตำแหน่งที่ไม่ได้จำกัดหรือผูกขาดไว้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งถ้าบุคคลใดมีความรู้มีความสามารถและมีความปรารถนาที่จะเป็น ก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นได้เช่นกัน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงมิใช่ผู้สร้างสรรพสิ่งและสรรพชีวิตทั้งหลาย และไม่ได้มีบุคคลใดใช้ให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้ เพื่อโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลาย แต่พระพุทธองค์ทรงมีความปรารถนาที่จะมาบังเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อค้นพบความจริงของสรรพสิ่งและสรรพชีวิตว่ามีความเป็นมาอย่างไร เป็นอยู่อย่างไร และแตกสลายสิ้นลงอย่างไร การรู้ความจริงในสิ่งต่างๆ ทำให้สามารถปฏิบัติต่อสิ่งเหล่านั้นได้ถูกต้อง ทำให้เกิดประโยชน์อย่างมากมายต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งการบังเกิดขึ้นมาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงในยุคนี้และไม่ได้มีเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น แต่มีมาแล้วมากมายนับพระองค์ไม่ถ้วน ซึ่งมีมากกว่า เม็ดทรายในท้องพระมหาสมุทรทั้ง 4 และจะเสด็จมาบังเกิดขึ้นอีกในอนาคตอย่างมาก ซึ่งไม่สามารถที่จะนับหรือจะประมาณได้เลย อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราพระองค์นี้ หลังจากที่ได้รับการพยากรณ์จาก พระทีปังกรพุทธเจ้าแล้ว ยังได้พบกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกถึง 25 พระองค์ด้วยกัน
นอกจากนี้การที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมาบังเกิดนั้น ไม่ได้มาบังเกิดขึ้นพร้อมกันทีเดียว แต่จะมาบังเกิดในช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่บารมีที่ได้บำเพ็ญมา และช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการมาตรัสรู้ เพื่อสั่งสอนสรรพสัตว์ทั้งหลาย พระพุทธเจ้าจะมาบังเกิดขึ้นเฉพาะในมหากัปที่เป็นอสุญกัปเท่านั้น โดยในอสุญกัปนั้นยังแบ่งเรียกตามจำนวนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เสด็จอุบัติขึ้นอีกหลายประการ ซึ่งรายละเอียดในเรื่องนี้จะกล่าวในหัวข้อต่อไป จึงนับว่าบนโลกใบนี้มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้นอย่างมากมายนับไม่ถ้วน เหมือนการรับช่วงต่อกันในการมาทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่นำแสงสว่างแห่งธรรมมาสู่ใจของมวลมนุษยชาติและเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย เพื่อจะนำไปสู่ฝั่งแห่งพระนิพพาน อุปมาดังนาวาที่นำเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายล่องลอยผ่านทะเลแห่งวัฏสงสารไปสู่ฝั่งพระนิพพาน ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในแต่ละพระองค์ที่มาบังเกิดขึ้นก็นำพาเหล่าสรรพสัตว์ไปสู่ฝั่งพระนิพพานได้อย่างมากมาย
ดังนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่คือมนุษย์ที่มีความคิดจะออกจากวัฏสงสาร และจะนำพาเหล่าสรรพสัตว์ข้ามห้วงแห่งวัฏสงสารไปสู่ฝั่งพระนิพพาน จึงได้วางแผนและตั้งใจบำเพ็ญบารมีเพื่อความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเต็มกำลัง โดยได้ใช้ความอดทนเพื่อให้บรรลุ เป้าหมายที่วางไว้ คือการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้น คนเราทุกคนสามารถที่จะตั้งเป้าหมายเพื่อความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ โดยเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้หรือเดี๋ยวนี้ก็ย่อมได้ ตั้งใจปฏิบัติอย่างเต็มกำลังตามแนวทางแห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อนั้นสักวันหนึ่งในอนาคตกาล สิ่งเหล่านี้ก็จะประสบผลสำเร็จได้อย่างแน่นอน
-------------------------------------------------------------------
GL 204 ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
กลุ่มวิชาเป้าหมายชีวิต