ประสูติพระบรมโพธิสัตว์
พระนางมหามายาเทวี ทรงบริหารพระโพธิสัตว์ด้วยพระครรภ์ ตลอด 10 เดือน เมื่อมีพระครรภ์แก่เต็มที่แล้ว มีพระราชประสงค์จะเสด็จไปยังเรือนแห่งพระญาติที่เทวทหนคร พระนางได้กราบทูลพระเจ้าสุทโธทนะ พระราชาทรงอนุญาตแล้ว มีรับสั่งให้ทำหนทางจากนครกบิลพัสดุ์จนถึงนครเทวทหะให้ราบเรียบ ให้ตกแต่งประดับประดาด้วยต้นกล้วย หม้อน้ำเต็ม และธงชาย ธงผ้า เป็นต้น ให้พระเทวีประทับนั่งในสีวิกาทอง ให้อำมาตย์พันคนหาม ทรงส่งพระนางไปด้วยข้าราชบริพารกลุ่มใหญ่
ระหว่างทางได้ผ่านสวนชื่อ ลุมพินี ในสมัยนั้น ต้นสาละออกดอกบานสะพรั่ง ตั้งแต่โคนต้นจนถึงปลายกิ่ง หมู่ภมร 5 สี และหมู่มวลนกนานัปการ ร่ำร้องกระหึ่มอยู่ด้วยเสียงอันไพเราะตามระหว่างกิ่งระหว่างดอกทั้งหลาย เป็นที่น่ารื่นรมย์ พระเทวีทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ทรงมีพระประสงค์จะแวะชมสวน จึงเสด็จไปยังโคนต้นสาละอันเป็นมงคล เมื่อพระนางมีพระประสงค์จะทรงจับกิ่งใดกิ่งนั้นก็น้อมลงมาเองจนถึงฝ่าพระหัตถ์ ประหนึ่งยอดหวายที่ทอดลงอย่างอ่อนช้อย ฉะนั้น
ขณะที่พระนางประทับยืนจับกิ่งสาละนั้น ลมกัมมัชวาตของพระนางก็เกิดปั่นป่วน ลำดับนั้น มหาชนจึงกั้นพระวิสูตรแก่พระนางแล้วหลีกไป พระนางเมื่อประทับยืนจับกิ่งสาละอยู่นั้น พระโพธิสัตว์ก็ประสูติจากพระครรภ์ของพระนาง
ในขณะนั้นเอง ท้าวมหาพรหม 4 พระองค์ ก็ถือข่ายทองมารองรับพระโพธิสัตว์วางไว้เบื้อง พระพักตร์พระชนนี ทูลว่า ข้าแต่พระเทวี ขอพระองค์ทรงดีพระทัยเถิด พระราชบุตรของพระองค์ ผู้มีศักดาใหญ่อุบัติขึ้นแล้ว ก็สัตว์อื่นๆ เมื่อออกจากครรภ์มารดา ย่อมแปดเปื้อนด้วยสิ่งปฏิกูล แต่พระโพธิสัตว์นั้นเหยียดพระหัตถ์ทั้งสอง และพระบาททั้งสอง ยืนออกจากพระครรภ์ของพระชนนีประดุจพระธรรมกถึกลงจากธรรมาสน์ ไม่เปรอะเปื้อนด้วยของไม่สะอาดไรๆ ที่มีอยู่ในพระครรภ์ของพระชนนี สะอาดบริสุทธิ์ รุ่งโรจน์ประดุจแก้วมณี ที่เขาวางไว้บนผ้ากาสิกพัสตร์ ฉะนั้น สายธารแห่งน้ำสองสายพลุ่งออกมาจากอากาศ โสรจสรงพระสรีระของพระโพธิสัตว์และพระชนนี เพื่อเป็นสักการะแด่พระโพธิสัตว์และพระชนนี
ลำดับนั้น ท้าวมหาราชทั้งสี่พระองค์ ได้รับพระโพธิสัตว์นั้นจากหัตถ์ของท้าวมหาพรหมผู้ยืนเอาข่ายทองคำรับอยู่ ด้วยเครื่องลาดอันทำด้วยหนังเสือดาวที่มีสัมผัสอ่อนนุ่ม ซึ่งสมมติกันว่าเป็นมงคล ต่อมาพวกมนุษย์ก็เอาพระยี่ภู่ที่ทำด้วยผ้าทุกูลพัสตร์(เบาะผ้าเนื้อดี) รับจากหัตถ์ของท้าวมหาราชเหล่านั้น พอพ้นจากมือของมนุษย์ พระโพธิสัตว์ก็ประทับยืนบนแผ่นดิน ทอดพระเนตรดูทางทิศตะวันออก จักรวาลนับได้หลายพันได้เป็นดุจลานอันเดียวกัน พวกเทวดาและมนุษย์ในที่นั้นต่างพากันบูชาด้วยของหอมและดอกไม้ กราบทูลว่า ข้าแต่มหาบุรุษ ผู้ที่เสมือนกับพระองค์ในที่นี้ไม่มี
พระโพธิสัตว์ทรงมองตรวจดูทิศใหญ่ทิศน้อยตลอดทั้ง 10 ทิศ ก็มิได้ทรงเห็นผู้ที่เสมือนกับพระองค์ จึงบ่ายพระพักตร์มุ่งสู่ทิศอุดร เสด็จโดยย่างพระบาทไป 7 ก้าว มีท้าวมหาพรหมกั้นเศวตฉัตร ท้าวสุยามะเทวบุตรถือพัดวาลวิชนี เทวดาเหล่าอื่นถือเครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่เหลือเดินตามเสด็จ เมื่อดำเนินก็ดำเนินไปบนพื้นดินนั่นแหละ ไม่มีผ้าปกปิด แต่ปรากฏแก่สายตาของมหาชนเหมือนทรงดำเนินไปทางอากาศเหมือนประดับตกแต่งพระองค์ และเหมือนมีพระชนมายุ 16 ขวบ ฉะนั้น
จากนั้นประทับยืน ณ พระบาทที่ 7 ทรงบันลือสีหนาท เปล่งอาสภิวาจา คือ วาจาอันองอาจว่า
“ อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส เชฏฺโฐหมสฺมิ โลกสฺส เสฏฺโฐหมสฺมิ โลกสฺส อยมนฺติมา ชาติ นตฺถิทานิ ปุนพฺภโวติ.
เราเป็นผู้เลิศของโลก เราเป็นผู้ใหญ่ในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐสุดในโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้การเกิดอีกมิได้มี”
มีข้อน่าสังเกต ในประเด็นที่ว่า พระโพธิสัตว์เมื่อออกจากครรภ์พระมารดาแล้วประทับยืนและการย่างพระบาทออกไป 7 ก้าวนั้น มีการหยิบยกขึ้นมาวิเคราะห์กันมากว่า เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นได้บ้าง แต่งขึ้นในภายหลังเพื่อให้อัศจรรย์บ้าง เพราะมีการนำมาเปรียบเทียบการแพทย์แผนปัจจุบันบ้าง หลักวิทยาศาสตร์บ้าง แต่ในทรรศนะของผู้ศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ย่อมทราบว่าความอัศจรรย์อันไม่มีประมาณย่อมบังเกิดขึ้นได้ แก่บุคคลที่สั่งสมบารมีอย่างยิ่งยวดยาวนาน จนบารมีเต็มเปี่ยม และนับว่าเป็นความอัศจรรย์อันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความอัศจรรย์ของพระองค์นั้นเป็นเรื่องอจินไตย เหนือวิสัยของคนธรรมดาที่มีปัญญาหยาบจะพิจารณาได้
สหชาติ (สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)
ในการประสูติของบรมโพธิสัตว์ เป็นเหตุอันอัศจรรย์ยิ่ง ยังโลกธาตุสะเทือนเลื่อนลั่นสนั่นหวั่นไหว เป็นการแสดงความยินดีปรีดาที่ผู้มีบุญญาได้มาบังเกิดในมนุษยโลกนอกจากนี้ ความอัศจรรย์ยังมิได้หมด ยังมีสิ่งคู่บุญที่เกิดร่วมกับพระองค์ ในคัมภีร์มธุรัตถวิลาสินี กล่าวไว้ว่ามีอยู่ด้วยกัน 7 สิ่ง คือ
1. พระนางพิมพา
2. เจ้าอานันทะ
3. ฉันนะอำมาตย์
4. กาฬุทายีอำมาตย์
5. พญาม้ากัณฐกะ
6. ต้นมหาโพธิ์พฤกษ์
7. ขุมทรัพย์ทั้ง 4 ขุม
-------------------------------------------------------------------
GL 204 ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
กลุ่มวิชาเป้าหมายชีวิต