ในอดีตเมื่อแสงเงินแสงทองจับขอบฟ้า ถนนบางสายจะปรากฏภาพของพระภิกษุสามเณร ผู้เป็นเนื้อนาบุญของโลก ย่างเท้าบิณฑบาตโปรดญาติโยม ด้วยอาการสำรวม แต่วันนี้เรากลับได้เห็นภาพที่ไม่ชินตานัก เมื่อพระภิกษุสามเณร ต้องเิดินบิณฑบาต อยู่กลางน้ำที่ท่วมสูงระดับเอว
แม้ดวงตาของท่านจักทอดสงบ สำรวมดังเช่นปกติ แต่ก็ยากเกินกว่าที่สาธุชนที่รักพระ รักพระพุทธศาสนาจักกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ แม้เช้าวันนี้ถนนบางสายไม่มี พระมาบิณฑบาตดั่งเคย แต่ญาติโยมต่างก็มิได้สงสัยว่า พระท่านหายไปไหน เพราะระดับน้ำที่สูงจนถึงระดับหลังคาก็เพียงพอ ที่จะตอบความสงสัยทั้งมวลได้แล้ว มีเพียงความห่วงใยที่ส่งถึงกัน ถนนหนทางจมอยู่ใต้น้ำ ท้องไร่ ท้องนาเวิ้งว้างเหมือนทะเลสาบ บางบ้านเจอสัตว์ร้าย นานาชนิด ทั้งงู ตะขาบ วัดจากหลายๆ พื้นที่ต่างได้รับผลกระทบเดียวกันนี้ไปถ้วนหน้า
พระอธิการสุชาติ ธตมโล วัดท่าเรือ จ. พระนครศรีอยุธยา เล่าว่า
"วัดติดอยู่กับชายน้ำ แม่น้ำป่าสักล้นมาถึงวัด บ้านเรือนที่อยู่ติดคลองต่ำกว่าวัดน้ำจะท่วมหมด น้ำท่วมสูงระดับเอว ไม่สามารถทำภารกิจอะไรได้เลย ปัญหาสัตว์ร้ายก็มีสารพัด เช่น งูบ้าง ตะขาบบ้าง เราก็ต้องหาวิธีป้องกัน เช่น เอามะนาวหรือมะกรูดมาวางไว้ ทำตามวิธีโบราณ"
วัดในจังหวัดทางภาคเหนือเอง ก็ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมเช่นกัน พระอธิการอัครพันธ์ ครุธมฺโม วัดวังกระทึง อ. สามง่าม จ. พิจิตร ท่านได้เล่าให้ฟังว่า "ที่วัดน้ำท่วมถึงกุฏิเลย พระต้องทำ สังฆกรรมกันบนหอสวดมนต์แทน เดินบิณฑบาตก็ไม่ได้ จะจำวัดก็ต้องระวังสัตว์ร้ายต่างๆ ต้องคอยตรวจเช็คให้ละเอียด บางหมู่บ้านน้ำท่วมถึงหลังคา งูเข้าไปกัดเด็กตายก็มี"
และนับตั้งแต่เกิดอุทกภัยในหลายจังหวัด วัดพระธรรมกาย และมูลนิธิธรรมกาย นำโดย พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) ก็ระดมทุน ระดมคนออกให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทุกพื้นที่และทุกวัน ผู้ที่ลงพื้นที่ในการให้ความช่วยเหลือเล่าให้ฟังว่า "สิ่งที่เขาขาดจริงๆ คือ ข้าวสาร น้ำปลา มาม่า เครื่องกระป๋อง ตอนนี้ไม่มีข้าว ไม่มียุ้งฉาง ข้าวยังไม่ทันได้เกี่ยวน้ำก็ท่วมไปจนหมด ครั้นจะไปซื้อข้าวมากิน ค่าน้ำมันเรือหมดมากกว่าค่าข้าวเสียอีก โรงเรียนปิดการเรียนการสอนมาเป็นแรมเดือน ร้านค้าปิดตายไม่มีการซื้อขาย"
เนื่องจากเห็นว่าภาวะวิกฤติเวลานี้ การไปเยี่ยมก็ยังไม่ทั่วถึง กว่าจะเดินทางไปอาจล่าช้าไม่ทันการ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) จึงได้เชิญชวนศิษยานุศิษย์และชาวพุทธทั่วโลก ร่วมกับคณะสงฆ์ ศูนย์กัลยาณมิตรทั่วประเทศ และมูลนิธิสำนึกรักบ้านเกิด จัดพิธี "ทอดผ้าป่า ช่วยเหลือวัดประสบอุทกภัย ๑,๐๐๐ วัด" จากพื้นที่ ๑๔ จังหวัด ในวันอาทิตย์ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ณ สภาธรรมกายสากล วัดพระธรรมกาย จ. ปทุมธานี โดยมี พระเทพวรเวที เจ้าคณะจังหวัด พระนครศรีอยุธยา เป็นประธานสงฆ์ และ คุณบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานมูลนิธิสำนึกรักบ้านเกิด เป็น ประธานฝ่ายฆราวาส โดยนิมนต์เจ้าอาวาสจากวัดที่ประสบอุทกภัย จำนวน ๑,๐๐๐ วัด ในพื้นที่ ๑๔ จังหวัด มารับผ้าป่า
ในงานนี้มีสาธุชนจากหลายหมื่นคนทั่วประเทศได้พร้อมใจกันถวายผ้าป่าเป็นมหากุศลทำบุญกับเนื้อนาบุญกว่า ๑,๐๐๐ วัด ด้วยความปีติ ในยามวิกฤติอย่างนี้คงไม่มีใครที่จะช่วยเราได้ดี เท่ากับพุทธบริษัท ๔ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เพื่อเป็นบุญใหญ่และสนับสนุนส่งเสริมเป็นกำลังใจแก่ พุทธบุตรให้ได้ทำหน้าที่สืบทอดพระพุทธศาสนาสืบต่อไป
และนี่คือความรู้สึกแห่งความประทับใจจากพระที่ได้ร่วมมาเป็นเนื้อนาบุญในงานทอดผ้าป่าฯ
พระครูวิสารวรคุณ อนาลโย เจ้าอาวาสวัดบ้านอิฐ จ. อ่างทอง
"ความรู้สึกในตอนที่น้ำท่วมใหม่ๆ ก็ยอมรับว่าทำใจไม่ได้ เพราะว่าวัดอาตมาอยู่ในที่ราบลุ่มของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ญาติโยมก็ถามอาตมาว่าเขื่อนเราจะพังไหม อาตมาก็ให้กำลังใจว่าคงไม่พัง ถ้าไม่พัง พืชสวนไร่นาของเราทั้งหลาย ก็จะได้ ผลิดอกออกผล แต่ถ้าพังก็เสียหายกันหมด แต่ ผลสุดท้ายสิ่งที่อาตมาคิดไม่ถึง ญาติโยมก็คิดไม่ถึง เป็นเวลาและเหตุการณ์ที่ระทึกขวัญมาก สำหรับญาติโยมทั้งหลาย โยมที่เฝ้าเขื่อนบางแก้วโทรศัพท์มาบอกกับอาตมาว่า ท่านพระครูตอนนี้เขื่อนเราพังนะ จึงรีบกระจายข่าวบอกให้ญาติโยมทั้งหลาย ได้ทราบว่าตอนนี้เขื่อนพังแล้ว ให้รีบเก็บข้าวของ คิดดูสิว่าความโกลาหลในตำบลนั้นเป็นอย่างไร ทุกคนนอนใจว่ายังไงก็ไม่ท่วม ยังไงก็ไม่พังแต่พอพังตูม ทุกคนนั้นสาละวนวุ่นวาย แม้แต่พระในวัดวิ่งเก็บพรมในโบสถ์ แบกโต๊ะหมู่ขึ้นบนศาลา ขึ้นบนกุฏิ ภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมง น้ำขึ้นถึงเอว นี้คือความทุกข์ อาตมาไม่ได้ออกบิณฑบาตเลยแม้แต่เช้าเดียว ก็ขอขอบคุณพระราชภานาวิสุทธิ์ หรือหลวงพ่อธัมมชโย ปลื้มใจดีใจมาก และพูดตามตรงว่าพระสงฆ์ไม่ทอดทิ้งพระสงฆ์ที่ตกทุกข์ประสบความลำบาก และพระก็ไม่ทิ้งญาติโยม โยมก็ไม่ทิ้งพระ..ญาติโยมโดยเฉพาะเขตตำบลพระอิฐ ขอฝากคำขอบคุณมากับอาตมาว่า ถ้าพวกเราไม่ได้รับ ความสงเคราะห์อนุเคราะห์จาก พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชภาวนาวิสุทธิ์แล้วคงแย่เหมือนกัน"
พระปลัดนพดล กมโล เลขานุการเจ้าคณะตำบลป่าโมกข์ จ. อ่างทอง
"วัดป่าโมกข์วรวิหารนี้ ก็ถูกน้ำท่วมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๘ - ๒๕๓๙ สองปีซ้อนน้ำท่วมระดับมิดศีรษะ มาปีนี้เห็นว่าน้ำขึ้นเร็วมาก น้ำขึ้นวันหนึ่ง ๓๐ - ๔๐ เซนติเมตร บางวันขึ้นเป็นเมตร ก็ได้รับมอบหมายจากท่านเจ้าอาวาสวัดป่าโมกข์วรวิหาร ท่านเห็นท่าไม่ดีแล้ว น้ำมามากผิดปกติ ก็เตรียมพร้อมด้วยการให้พระในวัดช่วยกันเก็บของสำคัญๆ ที่อยู่ใต้ถุนบ้าง อุโบสถบ้าง ในวิหารพุทธไสยาสน์บ้าง เก็บขึ้นที่สูง...คนที่เคยมาทำบุญก็ไม่ได้มา พระก็ไม่ได้ออกบิณฑบาต เพราะออกไปไม่ได้...ครั้งนี้มีภัยเกิดขึ้น เราก็เห็นน้ำใจของกัลยาณมิตรซึ่งเป็นลูกศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อทุกคน.."
แม้วันนี้จะผ่านงานบุญทอดผ้าป่า ๑,๐๐๐ วัด มาแล้วก็ตาม แต่ภาพแห่งบุญยังคงติดตรึง และซาบซึ้งในใจของสาธุชนเสมอ และยังคงยืนยันไป พร้อมๆ กับพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) ผู้นำแห่งการสร้างบารมีว่า ตราบใดที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ ไม่ว่าจะในวัดหรือ พุทธบริษัททั่วประเทศ พวกเราจะยังคงให้ความ ช่วยเหลือกันต่อไปจนกว่าน้ำจะแห้ง..
